คุณแม่ตั้งครรภ์

พอท้องแล้วก็มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้มากมาย แถมข้อมูลก็มีให้ศึกษาเยอะแยะเต็มไปหมด จนไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี เราเลยรวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำคัญที่แม่ท้องจำเป็นต้องรู้มาฝากกันค่ะ

สัญญาณ 15 ข้อที่อาจบ่งบอกว่า คุณกำลังจะเป็นคุณแม่ มาลองดูกันเลย!

เป็นคนท้องผูกอยู่แล้วค่ะ พอท้อง อาการท้องผูกยิ่งรุนแรงขึ้น ถ่าย 4-5 วันครั้ง บางทีก็เกือบสัปดาห์ถึงจะถ่าย แต่ละครั้งใช้เวลานาน อุจจาระแข็ง แต่เป็นก้อนเล็กๆ ออกมาไม่มาก ทำให้รู้สึกว่ายังถ่ายไม่หมดทุกที

มีปัญหาเชื้อราที่อวัยวะเพศมาตั้งแต่ก่อนท้อง เป็นๆ หายๆ แต่พอท้องแล้ว อาการมากขึ้น คุณหมอที่ฝากครรภ์เลยสั่งยาทาฆ่าเชื้อราให้ ทาจนหมดหลอดแล้วก็ยังไม่หาย ต้องต่อยาหลอดที่สอง

ภาวะร่างกายขาดน้ำ (Dehydration) เกิดพร้อมๆ กับโรคลมแดด เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หากคุณแม่ท้องต้องเจอกับภาวะนี้ควรทำอย่างไร เรามีแนวทางมาบอกค่ะ

ไข้หวัดเป็นโรคที่ใครๆ ก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นหวัดในช่วงอุ้มท้อง คุณอาจหายช้ากว่าคนทั่วไปนิดหน่อย เพราะระบบภูมิต้านทานในร่างกายของว่าที่คุณแม่จะลดต่ำลง

เวิร์กกิ้งมัมคนไหนต้องขับรถไปทำงานเองจนถึงไตรมาสสุดท้าย เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก

คำเตือนอย่างแรกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่คิดจะวิ่งออกกำลัง คือ ต้องไม่หักโหมจนเกินตัว

ช่วงหลังๆ ประเทศต้องเผชิญกับผลจากภาวะโลกร้อน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยสูงขึ้น อาการที่เริ่มพบบ่อยก็คือ โรคลมแดด (Heatstroke) แล้วถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์ ทำอย่างไรดี?

อากาศร้อนๆ ทำให้อาหารเสียง่าย แถมเชื้อโรคก็แบ่งตัวได้เร็วขึ้น ว่าที่คุณแม่จึงอาจมีอาการท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้ในช่วงฤดูร้อน

ถ้าตื่นกลางดึกแล้วนอนไม่หลับ หรือลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วกลับมานอนไม่หลับ แทนที่จะนอนพลิกไปมา หงุดหงิดว่าเมื่อไรจะหลับสักที ลองลุกขึ้นมาอ่านหนังสือ ฟังเพลงเบาๆ ในที่สุดก็จะง่วงและหลับได้เอง

ถ้าหากลูกในครรภ์ของว่าที่คุณแม่แลดูตัวใหญ่ จะคลอดธรรมชาติได้ไหม ยากแค่ไหนกันนะ?

สำหรับหญิงสาวที่กำลังจะเตรียมตัวเป็นคุณแม่ เชื่อว่าจะต้องตื่นเต้น กังวลกันทุกคน

ว่าที่คุณแม่หลายคนต้องรำคาญใจกับอาการเลือดกำเดาไหล เพราะระดับฮอร์โมนทำให้หลอดเลือดในโพรงจมูกขยายตัว ปริมาณเลือดก็มากขึ้น เพิ่มแรงดันในหลอดเลือดให้มากขึ้นจนหลอดเลือดฝอยแตกง่าย นอกจากนี้ ช่วงตั้งครรภ์ เยื่อบุผิวในโพรงจมูกของคุณแม่จะแห้งเป็นพิเศษ ยิ่งถ้าอยู่ในที่ที่อากาศเย็นและแห้งอย่างห้องปรับอากาศ เลือกกำเดาก็ยิ่งไหลง่ายขึ้น หรือบางทีอาการไซนัสอักเสบหรือการติดเชื้อในโพรงจมูกอื่นก็อาจทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลได้เหมือนกัน 1. ดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อให้เยื่อบุผิวโพรงจมูกที่ผลิตน้ำมูกชุ่มชื้นขึ้น 2. หายใจเบาๆ การสูดลมหายใจหรือสูดน้ำมูกแรงๆ อาจกระตุ้นให้หลอดเลือดฉีกขาดได้ 3. หลีกเลี่ยงที่ที่อากาศแห้ง ถ้าต้องอยู่ในห้องปรับอากาศตลอดทั้งวัน ควรมีเครื่องเพิ่มความชื้น หรือเดินออกจากห้องเพื่อเปลี่ยนอากาศบ้าง 4. ถ้าจะจาม พยายามอ้าปากให้กว้างขึ้นเพื่อลดแรงดันในจมูก   ที่มา: กองบรรณาธิการเรียลพาเรนติ้ง ภาพ: shutterstock

ปกติผิวของแม่ท้องก็คล้ำขึ้นเพราะฮอร์โมนอยู่แล้ว แต่เรื่องผิวคล้ำยังไม่น่ากลัวเท่าอาการผิวไหม้หรือแสบร้อนเพราะโดนแดดเผา ซึ่งอาจทำให้ผิวไหม้ เกิดผดผื่น และอาการคัน ซ้ำยังนำไปสู่โรคมะเร็งผิวหนังได้

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ การนอนหลับถือเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมากกว่าคนทั่วไป เพราะร่างกายของคุณแม่ต้องการการพักผ่อนและควรนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

หากว่าที่คุณแม่มีความรู้สึกว่าตั้งแต่ท้อง เหมือนจะฝันร้ายบ่อย และไม่อยากคิดว่าเป็นลางไม่ดี เรื่องนี้มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์รองรับไหม?

ท้องได้ 4 เดือน คุณสามีก็มีเหตุต้องผ่าตัดต่อมทอมซิลค่ะ ที่บ้านอยู่กันแค่ 2 คน สงสัยว่าดิฉันจะต้องเป็นคนไปเฝ้าไข้เขาที่โรงพยาบาลเอง จะเป็นอะไรไหมคะ?