ระวัง! วิตามิน & อาหารเสริม… เพิ่มอันตราย

ยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก “อาหารเสริม” โดยเฉพาะอาหารเสริมสุขภาพ ที่ล้วนระดมโฆษณา ทั้งทางทีวีและโซเชียลมีเดียกันอย่างเต็มที่ จนทำให้หลายครอบครัวพากันไปหาซื้อเพราะเข้าใจผิดคิดว่าวิตามิน และอาหารเสริมเหล่านั้นจะช่วยให้ลูกฉลาด สมองดี สูงใหญ่ และแข็งแรง

วิตามิน อาหารเสริม เพิ่มอันตราย

ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วโฆษณานั้นมีข้อความที่เรียกว่าเกินความจริง เรียกได้ว่าเข้าข่ายหลอกลวง เช่น พยายามใช้ทั้งภาพ ทั้งคำพูด ให้เข้าใจกันว่าวิตามิน หรืออาหารเสริมเหล่านี้กินแล้วสมองดีล้ำเลิศ เก่งขั้นอัจฉริยะ ตัวโต แข็งแรง ตัวยาวขายาวอย่างทันตาเห็น ลดความอ้วนได้ หรือแม้แต่ใช้ประโยคว่า “ลดโอกาสเป็นมะเร็ง!!!”

 

จริงๆ แล้วหากมีการโฆษณาเกินจริงหรือเข้าข่ายหลอกลวง ทาง อย.ก็มีอำนาจหน้าที่จัดการได้อยู่แล้ว ซึ่งสิ่งหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ ควรทำความเข้าใจคือ อาหารเสริมตัวใดที่ได้เครื่องหมาย อย. นั่นก็เพียงหมายถึงว่า “มีความปลอดภัยและมีคุณภาพมาตรฐานที่พอจะให้จำหน่ายได้ แต่ไม่ได้เป็นเครื่องหมายรับประกันคำโฆษณาสารพัดที่กล่าวเกินจริงหรือชวนให้เข้าใจผิดต่างๆ”

ด้วยอิทธิพลของการตลาดและการโฆษณาต่างๆ นี่เอง ทำให้หลายครอบครัวให้ความสำคัญกับบรรดาวิตามินหรืออาหารเสริม จนหาซื้อมาให้ทั้งตนเองและลูกๆ ได้บริโภคกันเป็นประจำ ทั้งๆ ที่อาหารจากธรรมชาตินั้นหากกินให้ถูกต้องถูกส่วน ก็จะได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนอยู่แล้ว ในขณะที่การกินอาหารเสริม อาจเกิดปัญหาการ “ล้นเกิน” ของวิตามิน เกลือแร่ หรือสารต่างๆ ที่มากเกินจำเป็น จนกลับกลายเป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กๆ แถมสิ้นเปลืองเงินทองอย่างน่าเสียดาย

อ่านต่อ “3 อ. วิธีลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเสริม” คลิกหน้า 2

3 อ. วิธีลดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเสริม

เด็กๆ ควรได้รับ 3 อ.เป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีโดยไม่ต้องได้รับอาหารเสริม นั่นคือ

1) อ. อากาศ คือ การได้รับอากาศที่ดี… อยู่ในอากาศที่บริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษ หรือมีมลภาวะน้อยที่สุด

2) อ. ออกกำลังกาย หมายถึง การให้เด็กได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ชวนลูกออกมาวิ่งเล่น ปั่นจักรยาน เล่นกีฬาต่างๆ ที่เหมาะสมตามวัย ได้ใช้ร่างกายเคลื่อนไหวมากกว่าการนั่งใช้เวลานานๆ อยู่หน้าจอโทรศัพท์ แท็บเล็ต จอทีวี หรือคอมพิวเตอร์

3) อ. อาหาร นั่นคือ การให้ลูกได้กินอาหารครบหมู่และมีคุณค่าเพียงพอ แต่ปัญหาคือ เราปล่อยให้เด็กๆ ของเราบริโภคอาหารขยะ (Junk Food) ซึ่งล้วนมีไขมันมากเกิน ส่วนเส้นใยอาหารแทบจะไม่ได้รับ ทั้งนี้งานวิจัยทั่วโลกต่างก็ยอมรับแล้วว่า อาหารเหล่านี้หากกินมาก กินเป็นประจำ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ

“อาหารที่ดีสำหรับเด็กๆ วัยซนขึ้นไปควรเน้นที่ผลไม้ และผักสด รวมทั้งข้าวแดง ข้าวกล้อง ส่วนนม เนื้อสัตว์ ก็ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ การกินอาหารเสริมหรือวิตามินควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น”

อ่านต่อ “อาหารคือสื่งสำคัญสำหรับลูกน้อย” คลิกหน้า 3

อาหารคือสื่งสำคัญสำหรับลูกน้อย

เด็กๆ ทุกวันนี้มีไม่น้อยที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากขาดสารอาหารสารพัด ทั้งวิตามินเอ วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุสังกะสี ฯลฯ ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย วิธีป้องกันที่ทั่วโลกต่างก็ยอมรับเช่นกันคือ อาหารที่ดีสำหรับเด็กๆ วัยซนขึ้นไปควรเน้นที่ผลไม้ และผักสด รวมทั้งข้าวแดง ข้าวกล้อง (ข้าวที่ยังไม่ผ่านการขัดสี) ส่วนนม เนื้อสัตว์ ก็ให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ (ไม่ต้องให้มากๆ ตามความเชื่อในยุคที่ผ่านมา) การกินอาหารเสริมหรือวิตามินจึงควรเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้นว่ามีความจำเป็นหรือไม่ มากน้อยเพียงใด ไม่ใช่ซื้อมาป้อนลูกเพราะเชื่อตามคำโฆษณาหรือเชื่อเพราะปากต่อปาก

และสิ่งที่น่าห่วงในวันนี้ก็คือ การระดมโฆษณาในเรื่องของ “สมุนไพร” ซึ่งมิได้มาเป็นต้นๆ เป็นรากๆ แบบยุคก่อน แต่มีการพัฒนาให้อยู่ในรูปสารสกัดเข้มข้นเป็นผงๆ บรรจุอยู่ในแคปซูล อัดเป็นเม็ด หรือเป็นผงๆ แต่ใส่ซอง แม้แต่เป็นยาน้ำหรือเป็นเจลก็มี ฯลฯ ที่ว่าน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งก็คือ การคุยโวโอ้อวดโดยยกสรรพคุณร้อยแปดว่าช่วยบำรุงสุขภาพ เพิ่มภูมิต้านทาน ช่วยให้เด็กๆ กินง่าย ถ่ายคล่อง สมองดี ฯลฯ แม้กระทั่งโอ้อวดว่า เด็กคนไหนกินสมุนไพรวิเศษที่ว่านี้ ทุกวันจะแข็งแรง ไม่ป่วยไม่ไข้ตลอด แม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่มีการนำเข้าจากประเทศเจริญ เช่น สหรัฐอเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ ก็เป็นสิ่งที่น่ากังวล ฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาให้รอบคอบ และหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

กองบรรณาธิการ

นิตยสาร Amarin Baby & Kids ฉบับคู่มือระวังภัย โลกยุคใหม่อันตรายรอบด้าน

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิก!!

แม่อย่าหลงเชื่อ มีคนอ้างว่าอาหารเสริมช่วยสมาธิ

ลำไส้อักเสบ เพราะกินอาหารเสริมก่อนวัยอันควร

ลูกกินอาหารเสริมแล้วท้องเสีย ทำยังไงดี?