บทบาทของพยาบาล
พยาบาลที่ดูแลทารกแรกเกิดจะต้องมีความเข้าใจในเรื่องภาวะหยุดหายในใจทารกแรกเกิดดังเนื้อหาข้างต้น เพื่อใช้ความรู้ทางทฤษฎีนำไปสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้จะขอจำแนกบทบาทของพยาบาลเกี่ยวกับภาวะหยุดหายใจในทารกแรกเกิดเป็นด้านๆ ทั้งการป้องกัน การค้นหาสาเหตุ และการพยาบาลช่วยชีวิต
การป้องกัน
- การเฝ้าระวังโดยการประเมินติดตามการหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์ และน้ำหนักน้อยมาก
- ป้องกันมิให้ทารกเกิดโรคหรือภาวะต่างๆ ที่เป็นสาเหตุของภาวะหยุดหายใจดังกล่าวแล้วข้างต้น
- จัดท่านอนของทารกไม่ให้ลำคองอหรือเหยียดเกินไป
- หลีกเลี่ยงการกระตุ้นบริเวณ posterior pharynx เช่น การใช้สายยางดูดเสมหะที่มีขนาดไม่เหมาะสม หรือดูดเสมหะลึกเกินไป
- หลีกเลี่ยงการให้ออกซิเจนที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไปบริเวณใบหน้า เพราะบริเวณใบหน้ามีประสาทสมองคู่ที่ 5 ที่ไวต่อทั้งความร้อนและความเย็น ทำให้มีการใช้ออกซิเจนเพิ่มขึ้น นำไปสู่การเกิดภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำได้
- ในทารกเกิดก่อนกำหนดที่มีอายุครรภ์หรือน้ำหนักน้อยมาก หลีกเลี่ยงการทำให้กระเพาะอาหารหรือลำไส้มีการขยายตัวทันทีทันใด การให้นมทางสายยางควรให้อย่างช้า โดยการหยดให้อย่างต่อเนื่อง
การพยาบาลเมื่อทารกมีภาวะหยุดหายใจ
เมื่อทารกหยุดหายใจ ให้กระตุ้นทารกโดยการลูบแขนขา หรือลำตัวเบาๆ หากพบว่าทารกมีการสำรอกนมร่วมด้วย ให้ดูดนม หรือสารคัดหลั่งออกด้วย หากทารกยังไม่หายใจ ให้ช่วยหายใจโดยใช้ bag และ mask และให้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูงกว่าที่ได้รับอยู่ร้อยละ 10 ถ้าอัตราการเต้นของหัวใจไม่เพิ่มขึ้นภายใน 30 วินาที หลังช่วยหายใจ แพทย์จะพิจารณาใส่ท่อหลอดลมคอ และใช้เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นจะค้นหาสาเหตุที่ทำให้ทารกเกิดภาวะหยุดหายใจ เพื่อให้การรักษาต่อไป
การค้นหาสาเหตุ
เมื่อทารกมีภาวะหยุดหายใจ พยาบาลมีบทบาทสำคัญในการประเมินและรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อนำไปสู่การหาสาเหตุของการเกิดภาวะหยุดหายใจในทารกแรกเกิดของแพทย์ โดยข้อมูลที่พยาบาลประเมินจะเป็นข้อมูลที่ช่วยหาสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากการเกิดก่อนกำหนด
สาเหตุ |
ข้อมูลที่ประเมินเพื่อหาสาเหตุ และกิจกรรม |
การติดเชื้อ | – อาการทางคลินิกของการติดเชื้อ เช่น ซึม อุณหภูมิกายสูง หรือ |
ต่ำกว่าปกติ ท้องอืด สำรอกนม | |
– เตรียมภาชนะ และช่วยแพทย์เจาะเลือดส่งตรวจ CBC, septic workup | |
อุณหภูมิกายต่ำหรือสูง | – การปรับเพิ่ม / ลด อุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ควบคุมอุณหภูมิกายทารกที่ |
ผิดปกติ | ไม่ถูกต้อง |
– ทารกมีการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายทางใดทางหนึ่ง | |
ใน 4 ทางมาก | |
ระดับของออกซิเจนในเลือด | – อาการหายใจลำบาก เช่น ปีกจมูกบาน มีการดึงรั้งของกระดูกซี่โครง |
ต่ำ | เขียว |
– ประเมินติดตามระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด | |
– ช่วยแพทย์เก็บตัวอย่างและติดตามผลก๊าซในเลือด ความเข้มข้น | |
ของเลือด ภาพรังสีทรวงอก | |
ความผิดปกติทาง metabolism | – สังเกตอาการทางคลินิกของความผิดปกติทาง metabolism เช่น |
*น้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น ซึม เขียว มือเท้าสั่นระรัว | |
* ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ เช่น มือ เท้า สั่นกระตุก | |
กำลังกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น รีเฟล็กซ์ไว | |
* ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น โดยไม่มี | |
อาการบวม ปัสสาวะออกน้อย | |
* ภาวะโซเดียมในเลือดสูง เช่น น้ำหนักลด ความดันโลหิตต่ำ | |
ปัสสาวะออกน้อย และความถ่วงจำเพาะสูงขึ้น | |
– ช่วยแพทย์เก็บตัวอย่างและติดตามผลน้ำตาล แคลเซียม และ | |
โซเดียมในเลือด |
การพยาบาลทารกที่มีภาวะหยุดหายใจจากการเกิดก่อนกำหนด
การรักษาทารกที่มีภาวะหยุดหายใจจากการเกิดก่อนกำหนดมีขั้นตอน คือ การรักษาด้วยยา เพื่อกระตุ้นศูนย์หายใจ หากการใช้ยาไม่ได้ผล จะให้การรักษาโดยใช้ความดันบวกในทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่อง แต่หากทารกยังคงมีภาวะหยุดหายใจเป็นเวลานานและบ่อยครั้ง แม้จะได้รับการรักษาด้วยยาและ CPAP แล้ว แพทย์จะให้การรักษาโดยใส่ท่อหลอดลมคอ และใช้เครื่องช่วยหายใจ
ชมคลิปเหตุการณ์จริง จากห้องคลอด “การพยาบาลทารกที่มีภาวะหยุดหายใจหลังคลอด” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่