อุทาหรณ์ ลูกนิ้วเข้าไปติดคารู แฮนด์ สปินเนอร์ ของเล่นฝึกสมาธิสุดฮิต…แต่แฝงอันตรายเพียบ (มีคลิป)

Hand Spinner หรือ แฮนด์ สปินเนอร์ ของเล่นที่กำลังฮิตในกลุ่มเด็กอเมริกา จนกระแสแรงมาถึงเด็กไทยเรา แต่หารู้ไม่ว่า เจ้าของเล่นหมุนๆ นี้ที่ผู้ผลิตบอกว่าช่วยฝึกสมาธิเด็กๆได้นั้น แฝงไปด้วยอันตรายเป็นอย่างมาก

เชื่อว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นตามโรงเรียน หรือในโลกโซเชี่ยล คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงต้องเคยเห็นเด็กๆ หมุนเจ้าของเล่นหน้าตาแปลกๆ แบบนี้ในมือกันบ้าง ซึ่งบางอันก็มี 3 แฉก บ้างก็มี 2 แฉก หลากดีไซน์หลายสีสัน โดยของเล่นชิ้นนี้กำลังเริ่มฮิตในไทย มีหลายคนที่ให้ความสนใจและอยากรู้ว่าที่จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่

Hand Spinner คืออะไร?

Hand Spinner หรือ Fidget Spinner เป็นแกดเจ็ตที่ฮิตที่สุดและสร้างกระแสทั้งในโลกออนไลน์และในสังคมอเมริกาได้มากที่สุดในขณะนี้ วิธีการเล่นก็ไม่ยากอะไร เพียงแค่ใช้นิ้วหมุนไปเรื่อยๆ เดิมทีจุดประสงค์หลักของ แฮนด์ สปินเนอร์ คือการแก้ปัญหาเด็กที่เป็นโรคสมาธิสั้นและเด็กที่มีอาการออทิสติกด้วยการฝึกให้มีสมาธิดีขึ้นด้วยตัวช่วยอย่าง แฮนด์ สปินเนอร์ ที่นอกจากเด็กๆจะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการหมุนของเล่นแล้ว ยังช่วยฝึกการใช้นิ้วมือ ประสาทสัมผัส ช่วยลดความเครียด และทำให้ผ่อนคลายอีกด้วย

Hand Spinner หรือ ‘แฮนด์ สปินเนอร์’ ไม่มีชื่อไทย แปลตามชื่อก็คือ ตัวหมุน เป็นของเล่นที่เอาไว้สำหรับหมุนเล่นบนมือ โดยตรงกลางจะมีลูกปืนสำหรับหมุน และจะมีหมุดเหล็กถ่วงไว้ที่ปลายแต่ละด้าน วิธีเล่นก็ใช้นิ้วกลางและนิ้วโป้งจับบริเวณแกนกลาง แล้วใช้นิ้วชี้หมุนเพื่อให้มันหมุนด้วยความเร็ว หมุนๆ ไปเรื่อยๆ เท่าที่ใจต้องการ เหมือนควงปากกาเล่น

ซึ่งหน้าตาของ แฮนด์ สปินเนอร์ในช่วงแรกเป็นของเล่นพลาสติกธรรมดามี 3 แฉกทรงกลมมน และมีลูกปืนตรงกลางเพื่อช่วยในการหมุน เมื่อของเล่นชิ้นนี้เริ่มฮิตและได้รับความนิยมในวงกว้างจึงมีการผลิตออกมาหลากหลายแบบ สีสัน และวัสดุที่ใช้ผลิต มีเทคนิคและวิธีการเล่นที่หลากหลายขึ้น มีราคาเริ่มตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักพันบาท และถึงแม้ แฮนด์ สปินเนอร์ จะให้ประโยชน์และความเพลิดเพลิน แต่กระนั้นมันกลับแฝงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต หากนำมาใช้ในทางที่ผิดหรือคิดดัดแปลง

อุทาหรณ์ ลูกนิ้วเข้าไปติดคารู แฮนด์ สปินเนอร์ ของเล่นฝึกสมาธิสุดฮิต…แต่แฝงอันตรายเพียบ (มีคลิป)

ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ได้มีรายงานเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับอันตราย จากของเล่นชนิดนี้ ซึ่งผู้บาดเจ็บเป็นเด็ก และได้ดัดแปลงนำสิ่งของมีคม อย่างใบมีด ,ไม้ขีดไฟ รวมไปถึงประทัด โดยมีการออกแบบให้สามารถใช้เป็นอาวุธที่สามารถตัดขาดสิ่งของได้อย่างง่ายดาย จนเกิดอันตรายต่อตนเอง จึงทำให้มีการพิจารณา จากหลายหน่วยงานว่าควรจะ “แบน” ของเล่นดังกล่าวหรือไม่  ในขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 ทางกรมศุลกากร ไอร์แลนด์ได้ตรวจยึด แฮนด์ สปินเนอร์ จำนวน 200,000 ชิ้น จากผู้ค้า เนื่องจากเกิดเหตุติดคอเด็กขณะกำลังเล่น

ชมคลิป >> “นิ้วเด็กน้อยเข้าไปติดคารู แฮนด์ สปินเนอร์” พร้อมอันตรายที่มากับ แฮนด์ สปินเนอร์  คลิกหน้า 2

 

รวมไปถึงเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ที่มีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นโดยมีเจ้า แฮนด์ สปินเนอร์ นี้เป็นตัวการเช่นกัน ซึ่งถูกแชร์ออกมาตามหน้า Facebook อย่างมากมาย โดยผู้โพสต์มีชื่อว่า Yari Ka ได้โพสต์คลิปและภาพ เตือนเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะซื้อเจ้าแฮนด์ สปินเนอร์ นี้ให้ลูกน้อยเล่น เป็นเรื่องต้องระวังอย่างมาก จากคลิปเป็นภาพที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งเด็กชายคนหนึ่งกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด เพราะนิ้วดันเข้าไปคาอยู่ในรูของ แฮนด์ สปินเนอร์ อย่างพอดิบพอดี ซึ่งเมื่อพ่อแม่เห็น จึงเร่งช่วยเหลือโดยการแกะถอดแยกชิ้นส่วน และพอถึงชั้นเหล็กที่เป็นรู ก็ใช้ใบเลื้อยเล็กๆ หัน แล้วจึงทำให้นิ้วของเด็กชายหลุดจากรูห่วงของ แฮนด์ สปินเนอร์ ออกมาได้

Bantayan nyo mga anak nyo sa paglalaro ng fidget spinner Cedit: Jorge Macho Puentes Hdz

โพสต์โดย Yari Ka บน 8 มิถุนายน 2017

ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทย ได้มีการผลิตของเล่นที่ชื่อว่า “Hand Spinner” รวมไปถึงการนำเข้าของเล่นชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง  และมีแนวโน้มว่าจะมีผู้เล่นเพิ่มขึ้นมากในประเทศไทย เพราะฉะนั้นผู้ปกครองท่านใดที่คิดจะซื้อของเล่นดังกล่าวให้เด็กๆ ควรให้คำแนะนำเรื่องวิธีเล่นที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้วย

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ มีการอ้างว่า ของเล่นชิ้นนี้นอกจากจะช่วยแก้เบื่อแล้ว ยังช่วยฝึกสมาธิสำหรับเด็กออทิสติก และเด็กสมาธิสั้น คุณพ่อคุณแม่หลายคนเลยซื้อให้ลูกเล่น แต่ก็มีโรงเรียน และมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอเมริกาก็ไม่อนุญาตให้เด็กๆ เอามาเล่นที่โรงเรียน เพราะแทนที่จะช่วยฝึกสมาธิกลับทำให้เด็กๆ เสียสมาธิไม่สนใจการเรียนมากกว่า

Good you know : สมาธิสั้นนั้นไม่ใช่โรค ถ้าเป็นโรคสมาธิสั้น คือ จะไม่สนใจอะไรเลย สนใจนิดหนึ่งแต่ก็ไม่สนใจต่อ เพราะฉะนั้นถ้าหมุนเล่นนานๆ ก็ทำให้มีสมาธิได้ แต่ต้องหมุนอย่างน้อย 20 นาที

เมื่อของเล่นหน้าตาธรรมดากลายเป็นดาบสองคม

ด้วยความที่ แฮนด์ สปินเนอร์ ฮิตมากในอเมริกา คุณจึงเห็นเด็กๆหมุนเจ้าของเล่นนี้ทุกที่ ไม่เว้นแม้แต่ในห้องเรียน แม้ทางเจ้าของแบรนด์จะเคลมว่า มันช่วยทำให้ผู้เล่นมีสมาธิจดจ่อมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงหลายโรงเรียนกำลังประสบปัญหาเดียวกันคือเด็กๆสนใจการเรียนในห้องน้อยลง เพราะมัวแต่หมุน แฮนด์ สปินเนอร์ อยู่นั่นเอง โรงเรียนชั้นนำหลายแห่งในสหรัฐอเมริกาออกกฎห้ามนำแฮนด์ สปินเนอร์ เข้าชั้นเรียนโดยเด็ดขาดเป็นที่เรียบร้อย และยังมีอีกหลายโรงเรียนที่ต่อคิวประกาศแบนของเล่นชิ้นนี้เช่นเดียวกัน ครูบางคนถึงกับบอกว่าถึงมันจะดูเป็นของเล่นชิ้นเล็กธรรมดาๆ แต่กลับสร้างความน่ารำคาญได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ

หลังจากที่ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองก็เริ่มมีคนผลิตแฮนด์ สปินเนอร์ สำหรับผู้ใหญ่ออกมา โดยเปลี่ยนวัสดุจากพลาสติกแบบเดิมๆเป็นอะลูมิเนียม เพิ่มความท้าทายด้วยการดีไซน์ที่ดูแปลกตา อย่างเช่น สปินเนอร์รูปดาวกระจายคล้ายอาวุธนินจาที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้จริง จนน่าเป็นห่วงว่าหากมันไปอยู่ผิดที่ผิดทางอาจเกิดเหตุอันตรายขึ้นก็เป็นได้

อ่านต่อ >> “3 อันตรายที่มากับ แฮนด์ สปินเนอร์ ที่พ่อแม่ควรรู้” คลิกหน้า 3

 

Hand Spinner สมควรถูกแบนในไทยด้วยหรือไม่?

กระแสของแฮนด์ สปินเนอร์ ในบ้านเราอาจยังไม่ฮิตในวงกว้างนัก แต่ก็มีคำถามว่ามันควรจะถูกแบนเหมือนที่หลายประเทศทำมาแล้วหรือไม่ ด้วยเหตุผลเหล่านี้

• อันตรายที่คาดไม่ถึง ไม่น่าเชื่อว่าของเล่นชิ้นเล็กๆจะทำอันตรายได้ใช่มั้ย ลองเปิด youtube หาคลิปฝรั่งที่ทดลองให้เห็นกันจะๆ ว่า แฮนด์ สปินเนอร์ หมุนด้วยความเร็วถึงขั้นที่ทำให้แก้วแตกได้เพียงสัมผัสนิดเดียวเท่านั้น บางคนที่กล้ารับคำท้าเอาสปินเนอร์ที่กำลังหมุนไปสัมผัสหน้าเพื่อพิสูจน์ความแรงของมัน ผลลัพธ์ก็คือสปินเนอร์บาดแก้มจนเลือดสาด! หรือแม้แต่อุบัติเหตุโดนสปินเนอร์บาดนิ้วเหวอะขณะเล่นก็มีมาแล้ว เพราะฉะนั้นใครที่กำลังคิดว่ามันคือของเล่นสำหรับเด็กที่ไม่มีอันตรายอาจจะต้องคิดใหม่

 

• รบกวนสมาธิคนรอบข้าง เช่นเดียวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในอเมริกา เมื่อมันทำให้เด็กๆที่เล่นมีสมาธิจดจ่อกับ แฮนด์ สปินเนอร์ ‘มากเกินไป’ จนไม่สนใจสิ่งรอบข้างหรือครูที่กำลังสอนในห้องเรียน แถมคนรอบข้างยังถูกรบกวนสมาธิได้ง่ายๆ เพราะถึงแม้มันจะไม่มีเสียงแต่มนุษย์มักถูกดึงดูดความสนใจด้วยสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหว กลายเป็นว่าคนเล่นมีสมาธิแต่คนที่อยู่รอบๆกลับเสียสมาธิแทน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือในห้องเรียนจน แฮนด์ สปินเนอร์ กลายเป็นของเล่นต้องห้ามที่ถูกแบนไปเรียบร้อยแล้ว

 

• การเล่นที่ผิดวัตถุประสงค์ เนื่องจากตัวของเล่น แฮนด์ สปินเนอร์ ไม่ได้มีกลไกการทำงานที่ซับซ้อน ทำให้หลายๆคนเกิดไอเดียประกอบ Hand Spinner DIY ในแบบของตัวเองขึ้นมา ในบ้านเราอาจยังไม่เห็นมากนัก แต่ทางฝรั่งมีการสอนทำสปินเนอร์เวอร์ชั่นพิเศษพิสดารมากมายมาแข่งกันว่าของใครจะหมุนได้เร็ว แรง และแปลกกว่ากัน โดยเพิ่มออปชั่นพิเรนทร์ๆ อย่างใบมีดคัตเตอร์, เฟือง, ไม้ขีดไฟ, ประทัด ฯลฯ ออปชั่นที่ฮิตที่สุดก็คือ ใบมีดโกนที่มีการดีไซน์ออกมาหลายแบบ แต่ละแบบก็ดูอันตรายไม่ต่างกัน และที่สำคัญมันใช้เป็นอาวุธได้จริง!

อย่างไรก็ตามทางด้านจิตวิทยา ดร.วัลลภ แนะว่าการเล่นของเด็ก คือ การลองทำให้มันเป็นจริง เรามีอุปนิสัยอย่างไรก็จะเล่นอย่างนั้น เช่น ตอนเด็กชอบเล่นเป็นหมอ โตมาก็ได้ทำงานเป็นหมอ พยาบาล ทางจิตบำบัด จึงคิดบำบัดจิตเด็กด้วยการเล่นให้มีสาระ และมีเหตุผล หรือสมาธิมากขึ้น เรียกว่า play therapy

ถ้าเด็กเล่นตามกระแสนิยมไปเรื่อยๆ โตขึ้นจะเป็นคนที่ถูกชักจูงจากสังคมได้ง่าย แต่ถ้าเด็กรู้จักเลือกจะเล่นตามความรู้สึกของตัวเอง โตขึ้นจะเป็นคนสร้างสรรค์ และคิดเชิงรุก (Proactive) ไม่เป็นเด็กไทยอย่างในทุกวันนี้ที่ตามกระทั่งวัฒนธรรมเกาหลี

ทั้งนี้ “การเล่นของเล่นนาน หรือไม่ว่าจะอะไรก็ตามที่นานไป มันคือการหมกมุ่น ย่อมมีผลเสียแน่ แต่คนไทยเรารับกระแสอะไรเร็ว เลยมักลืมง่าย การมีของเล่นชิ้นใหม่มาแทน ไม่เกิดผลเสียเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำ แต่กลับกลายเป็นคนใจง่าย เช่น รักง่ายเบื่อเร็ว หรือเอาแต่ใจ ถ้าสุดขั้ว รับอะไรใหม่ๆ ก็ตื่นเต้นมากอาจสร้างนิสัยให้กลายเป็นพวกอารมณ์สองขั้ว (Bipolar) ซึ่งคนไทยกำลังเป็นโรคนี่กันมาก” ดร.วัลลภ กล่าวทิ้งท้าย

ปัจจุบันประเทศไทย ได้มีการผลิตของเล่นที่ชื่อว่า “Hand Spinner” รวมไปถึงการนำเข้าของเล่นชนิดนี้อย่างต่อเนื่อง  และมีแนวโน้มว่าจะมีผู้เล่นเพิ่มขึ้นมากในประเทศไทย เพราะฉะนั้นผู้ปกครองท่านใดที่คิดจะซื้อของเล่นดังกล่าวให้เด็กๆ ควรให้คำแนะนำเรื่องวิธีเล่นที่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยของเด็ก ๆ ด้วย

อ่านต่อ “บทความน่าสนใจ” คลิก!

• ของเล่น เสี่ยงอันตราย 9 ประเภท ที่ไม่เหมาะให้ลูกเล่น
• ของเล่นเสริมทักษะ หรืออุปกรณ์ไอทีต่างๆ จำเป็นสำหรับลูกแค่ไหน? อะไรคุ้มค่าเงินจริงๆ?
• ของเล่นอัตโนมัติทำลายสมองลูกจริงหรือ!?

---

ขอบคุณข้อมูลจาก : issue247.com , www.tnews.co.th , www.amarintv.com , www.thairath.co.th