AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เพลงเบบี้ชาร์ค กับ 4 ประโยชน์ช่วยพัฒนา IQ ให้ลูกน้อย

เพลงเบบี้ชาร์คช่วยพัฒนา IQ ให้ลูกน้อย

เพลงเบบี้ชาร์ค เพลงฉลามยอดฮิต ที่ไม่ว่าจะไปทางไหน เด็กเล็ก เด็กโต ร้องกันได้ทุกคน แล้วเพลงนี้มีที่มาอย่างไร ทำไมจึงฮิต และถ้าลูกเปิดฟังบ่อยๆ จะดีหรือไม่ หรือลูกได้อะไรจาก เพลงเบบี้ชาร์ค นี้บ้าง Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากค่ะ

Baby Shark doo doo, doo doo doo doo
Baby Shark doo doo, doo doo doo doo

ขึ้นเนื้อเพลงมาแบบนี้ แอดมินเชื่อว่า ทั้งดนตรีและทำนอง ต้องผุดขึ้นมาในหัวของคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายได้ภายในไม่กี่วินาทีแน่นอน เพราะนี้คือ เพลงเบบี้ชาร์ค (Baby Shark) ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นเพลงเด็กยอดฮิตในตอนนี้ ที่เรียกได้ว่าที่ไหนมีเด็ก ที่นั่นต้องมีเพลงเบบี้ชาร์ค เปิดขึ้นวนไปมาถึง 3-4 รอบแน่นอน

ทำไม เพลงเบบี้ชาร์ค ถึงฮิตในหมู่เด็กๆ?

เพลงเบบี้ชาร์ค Baby Shark หรือ เพลงฉลามครอบครัวฉลาม นี้ เรียกได้ว่าเป็นเพลงคุ้นหูที่ได้ยินบ่อยมาก ซึ่งเพลงนี้มีต้นกำเนิดมาจาก ประเทศเกาหลี เป็นบทเพลงที่บรรยายถึงวงศาคณาญาติของฉลาม ซึ่ง เพลงเบบี้ชาร์ค นี้เรียกได้ว่าเป็นเพลงสำหรับเด็ก ที่มีเนื้อร้องกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษแสนง่าย และท่อนร้องเป็นลักษณะแบบเดิมๆ ซ้ำๆ  ทำให้ติดหูเร็ว

เพลงเบบี้ชาร์ค เพลงฮิตที่เด็กชอบ

และนอกจากจะไล่เรียงตั้งแต่ ลูกฉลาม พ่อฉลาม แม่ฉลาม รวมไปถึง ปู่ย่าตายายฉลามด้วยแล้ว ยังมีท่อนที่ร้องว่า doo doo doo ต่อท้าย ที่ทำเอาวนเวียนอยู่ในหูอีกด้วย และเป็นเรื่องยากมากที่จะสลัดเนื้อเพลงนี้ออกจากหัว …ว่าแต่เพลงเบบี้ชาร์ค จะมีเนื้อร้องทำนองอย่างไร และเพราะเหตุใดเพลงนี้ถึงมีประโยชน์ช่วยพัฒนาไอคิวลูกน้อยของเราได้ ตามมาดูกันเลยค่ะ…⇓

สำหรับเพลง เบบี้ชาร์ค นี้ผลิตโดยบริษัทมีเดียสตาร์ทอัพที่มีชื่อว่า Smart Study และอัพโหลดลง youtube ใน channel Pinkfong เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2016 โดยในปัจจุบันเพลงฉลามแดนซ์มีผู้ชมกว่า 1,302 ล้านครั้ง (แค่ลูกแอดมินแม่ฮันน่าห์ก็เป็นพันๆ รอบแล้วค่า ^^)

เนื้อเพลงเบบี้ชาร์ค

 

ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่ยังไม่เคยฟังเพลงเบบี้ชาร์ค นี้แบบเต็มๆ ล่ะก็
เชิญมาชมกันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลยค่ะ⇓

ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : Pinkfong! Kids’ Songs & Stories

ประโยชน์ที่ลูกน้อยได้จากการร้องและเต้นเพลงเบบี้ชาร์ค

สำหรับ เพลงเบบี้ชาร์ค ที่เมื่อใครได้ฟังแล้วต้องมีอาการฮัมเพลงเดิมๆ ซ้ำๆ อยู่แน่นอน หรือเรียกว่า อาการ EARWORM เป็นคำที่ใช้เรียกเพลงบางเพลง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเพลงเพียงท่อนเดียวหรือบางทีอาจจะมาแค่ทำนอง ที่มันวนเวียนติดอยู่ในหัวเราทั้งวันทั้งคืน ฝังอยู่ในโสตประสาทของเราแบบวนไปวนมา จนบางครั้งคุณอาจจะเผลอฮัมเพลงนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวโดยเฉพาะเด็กๆ ที่เป็นเช่นนี้เพราะจังหวะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่มีอิทธิพลต่อการตอบสนองของเด็ก ดนตรีที่มีจังหวะกระชับ รวดเร็ว จะทำให้เด็กคึกคัก สนใจ และหากฟังไปเรื่อยๆ ก็จะสามารถร้องออกมาได้เองโดยไม่ต้องดูเนื้อร้องเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม เพลง และดนตรีเปรียบเสมือนขนมหวานและเป็นดั่งอาหารสมองที่ส่งเสริมพัฒนาการทางสมองของลูกน้อย เพราะดนตรีเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ ชอบ เมื่อเด็กได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับดนตรี สมองทั้งสองซีกก็จะทำงานอย่างสมดุล ซึ่งการเปิดเพลงเบบี้ชาร์คให้ลูกร้องและเต้นตาม สามารถช่วย พัฒนา IQ  ของลูกได้ ดังนี้…⇓

เคล็ดลับพัฒนา IQ ด้วยดนตรี

IQ หรือ Intelligence Quotient คือ ระดับความสามารถทางสติปัญญา ซึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ 50% และเกิดจากสิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูอีก 50% ความสามารถทางสติปัญญา หมายถึง การจำภาษา และความสามารถในการคิดวิเคราะห์เชิงตรรกะหรือคณิตศาสตร์ซึ่งต้องอาศัยการคิดอย่างมีเหตุผล

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเพื่อช่วยพัฒนา IQ ให้กับลูกน้อย คือ

เสริมพัฒนาการลูกด้วยเสียงเพลง

ซึ่งจากเคล็ดลับการพัฒนา IQ ให้กับลูกน้อย ดังที่กล่าวมา จึงเป็นเรื่องดีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดเพลงเบบี้ชาร์ค Baby Shark ให้ลูกน้อยได้ฟัง เพื่อ

  1. ช่วยฝึกคำศัพท์ให้กับลูกน้อยได้ไปในตัว ด้วยเนื้อเพลงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่แสนง่าย หากเปิดวนไปเรื่อยๆ ลูกน้อยสามารถจำได้โดยไม่ต้องดูเนื้อเพลง
  2. นอกจากนี้ด้วยท่วงทำนองที่สนุกสนาน กอปรกับวีดีโอที่มีกับเต้น ซึ่งเป็นท่าเต้นแบบง่ายๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นการเคลื่อนไหวประกอบเพลง ทำให้ลูกน้อยได้เรียนรู้เกี่ยวกับจังหวะ ทำนอง และเสียงเพลง จากการใช้ร่าง กายเป็นสื่อในการแสดงออกทางอารมณ์ ก็จะช่วยพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคมและสติปัญญาไปพร้อมๆกัน
  3. การเต้นท่าเต้นของเพลงเบบี้ชาร์ค ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเล็ก เมื่อได้ยินเสียงเพลง เด็ก ๆ ก็ขยับแข้งขยับขา ทำท่าทาง กระโดดโลดเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลง หรือ เด็กๆ บางคนอาจคิดท่าทางประกอบเพลงขึ้นเอง ทั้งชูมือ ยกแขน ยกขา

ซึ่งปัจจุบัน ก็มีการนำดนตรีมาใช้ในการบำบัดอาการบกพร่องทางร่างกายของเด็กบางกลุ่มด้วย เพราะเมื่อเด็กได้ฟังดนตรี ร่างกายของเขาจะตอบสนองโดยการเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลง บางคนเผลอเคาะนิ้วตามจังหวะดนตรีอย่างไม่รู้ตัว การฟังดนตรี 20 นาทีต่อวัน จะช่วยให้ระบบการเต้นของหัวใจและระบบอื่น ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ดนตรีจึงเป็นเสมือนยาบรรเทาอาการเจ็บปวดทางกายได้อย่างเหลือเชื่อ

  1. การเปิดโอกาสให้ลูกได้ร้องเพลงหรือเต้นรำตามแบบที่เขาชอบ เพราะในขณะที่เด็กทำกิจกรรม เขากำลังเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่นี้ไว้ ซึ่งขณะที่สมองกำลังบันทึกข้อมูล เซลล์สมองก็จะแตกแขนงเชื่อมโยงกับเซลล์สมองส่วนอื่น ทำให้เรียนรู้ได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าเด็กคนอื่น

สุดท้ายไม่เพียงแต่ เพลง เบบี้ชาร์ค อย่างเดียวที่มีประโยชน์กับลูกน้อย แต่เรียกได้ว่าดนตรี เป็นหนึ่งในตัวช่วยเรื่องพัฒนาด้านสติปัญญาของลูกน้อยได้ดีอีกด้วย เพราะนอกจากจะช่วยทำให้เด็กอารมณ์ดีมีสมาธิแล้ว ดนตรีที่มีเนื้อร้อง ยังช่วยส่งเสริมสติปัญญาและความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย เช่น ถ้าเนื้อร้องพูดถึงสัตว์ ต้นไม้ ดอกไม้ ลูกก็จะได้เรียนรู้ธรรมชาติรอบตัว ว่ามีลักษณะอย่างไร มีจุดเด่นหรือเสียงร้องอย่างไร และยังได้เรียนรู้ภาษาที่สื่อผ่านเนื้อร้องด้วย

ส่วนดนตรีบรรเลงที่มีเสียงธรรมชาติประกอบ เช่น เสียงน้ำ เสียงสัตว์ จะทำให้เด็ก ๆ เกิดจินตนาการถึงเสียงที่ได้ยิน ซึ่งการให้เด็กได้ฝึกจินตนาการจะช่วยให้เขารู้จักวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ อย่างเป็นระบบนั่นเอง

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก :www.med.cmu.ac.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids