AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เผยความลับ! 10 วิธีการเลี้ยงลูก ที่ทำให้เด็กชาวยิวฉลาดที่สุดในโลก

ทำไม ชาวยิวฉลาด ?? นี่คือคำถาม จากหลายคน ๆ ทั่วโลก เพราะสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต่างคิดเหมือนกัน ก็คือชาวยิวแทบจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกและมีคนเก่งจำนวนมากที่เป็นคนยิว เช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์นักวิทยาศาตร์ระดับตำนานผู้คิดค้นสมการสร้างระเบิดปรมาณู

เผ่าพันธุ์ยิว ถือเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก โดยมีข้อมูลจากคนที่ได้รางวัลโนเบลทางวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มหาเศรษฐีผู้กุมเศรษฐกิจของโลก นักวิชาการที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว นักดนตรีที่เป็นอัจฉริยะ นักคิดนักเขียน ส่วนใหญ่ล้วนแต่สืบเชื้อสายมาจากยิวอย่างเป็นสัดส่วนที่น่าตกใจ!

ชาวยิวคือใคร ทำไม! ชาวยิวฉลาด

ชาวยิว เป็นชนชาติหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายชาวอิสราเอลโบราณ หรือชาวฮีบรู ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในดินแดนในตะวันออกใกล้โบราณ

ตามคัมภีร์โตราห์ของศาสนายูดาย (พระคริสตธรรมคัมภีร์เดิม) กล่าวว่าประวัติศาสตร์ของชาวยิวและศาสนานี้เริ่มต้นที่ชายชื่อ อับราฮัม ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองคลาเดียบาบิโลน ณ ขณะนั้นเมืองสำคัญต่างๆ มีการนับถือรูปเคารพ และเทพเจ้าของตนเอง แต่อับราฮัมคิดว่าพระเจ้าที่แท้จริงจะมีเพียงพระองค์เดียว เขาได้พบพระเจ้า และพระองค์ทรงให้อับราฮัมและครอบครัวจึงได้ออกเดินทางไปยังแผ่นดินแห่งพันธสัญญา ที่พระองค์จะประทานให้เขาและเชื้อสายของเขา จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเชื้อชาติอิสราเอล และ ศาสนาใหม่ที่รู้ว่ามีพระเจ้าผู้ทรงเที่ยงแท้พระองค์เดียว

ชาวยิวในประวัติศาสตร์ได้รับความทุกข์ทรมานจากสงครามมากมายหลายครั้ง ไม่ว่าจากกองทัพบาบิโลน เปอร์เซีย กองทัพโรม สงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ครั้งที่สำคัญและโลกไม่สามารถลืมความโหดร้ายได้คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฮิตเลอร์และพรรคนาซี

แต่ในที่สุดความพยายามของชาวยิวที่จะก่อตั้งรัฐอิสระ ก็ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลอังกฤษ โดยอนุญาตให้ชาวยิวให้กลับเข้าไปในปาเลสไตน์อีกครั้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งก็คือประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน และที่น่าทึ่งคือพวกเขาก่อร่างสร้างเมือง เปลี่ยนทะเลทรายที่แห้งแล้งให้เป็นพื้นที่การเกษตรเขียวชอุ่มตรงตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ลที่บอกว่า พวกเขาจะกลับมารวมชาติและทำให้ดินแดนนี้มีชีวิตอีกครั้ง

ซึ่งสาเหตุที่ทำไมชาวยิวถึงฉลาดและประสบความสำเร็จ ก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัย จะว่าไปว่าเป็นเพราะการเลี้ยงดูหรือค่านิยมในครอบครัว ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็มีคนที่มาจากวัฒนธรรมอื่นที่เน้นให้ลูกได้เรียนหนังสือ หรือเป็นจำพวก disciplinarian เช่น คนจีน เกาหลี ก็ยังไม่เก่งเท่าคนยิว ซึ่งนั้นก็น่าจะเป็นเพราะสติปัญญาและกรรมพันธุ์ของชาวยิวที่มีเหนือคนอื่นด้วย!!!

⇒ Must read : นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ
⇒ Must read : ลูกฉลาด หรือไม่ ดูที่พ่อแม่จริงหรือ!?

ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเราไม่มีเชื้อพันธุกรรมที่ฉลาดเหมือนคนชาวยิว แล้วจะทำอย่างไรให้ลูกฉลาดได้ Amarin Baby & Kids จึงมีความลับเกี่ยวกับกฎการเลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะ แสนฉลาด แบบง่ายๆ ตามแบบฉบับของพ่อแม่ชาวยิว มาฝากค่ะ จะมีวิธีใดบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ…

อ่านต่อ >> 10 วิธีการเลี้ยงลูกของชาวยิว ที่ทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ และฉลาดที่สุดในโลก” คลิกหน้า 2


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : th.wikipedia.orgwww.thaivi.org

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

กฎการเลี้ยงลูกของชาวยิว ที่ทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ และฉลาดที่สุดในโลก

โดยในคัมภีร์ของชาวยิวจะกล่าวไว้ว่า ”อย่าเชื่อถ้าไม่ได้คิดวิเคราะห์อย่างถ่องแท้” ความคิดเช่นนี้ทำให้ศาสนายิวต่างจากศาสนาอื่น ๆ ที่เน้นให้เชื่อและศรัทธาอย่างการเชื่อในพระเจ้าหรือการเชื่อในการกลับชาติมาเกิดเป็นต้น

แต่สำหรับคนยิวจะถูกสอนให้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นพระหรือพ่อแม่ก็จะสอนว่าห้ามเชื่อในสิ่งที่บอกจนกว่าจะได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ในการเรียนการสอนของชาวยิวจะเน้นไปที่การถามตอบจนกว่าจะเข้าใจโดยเฉพาะในโรงเรียนสอนศาสนายิว

ซึ่งหลักการดังกล่าวใกล้เคียงกับการเรียนการสอนในหลักสูตรสมัยใหม่มากและเป็นหลักของวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน อย่างเรื่องอดัมกับอีฟที่แอบกินแอ๊ปเปิ้ลในสวนอีเดนจนถูกพระเจ้าขับไล่ออกมา นักศึกษาชาวยิวจะตั้งคำถามว่า อดัมกับอีฟกินแอปเปิ้ลจริง ๆ หรือไม่?.. ซึ่งถ้าดูเผิน ๆ อาจจะจริงแต่ชาวยิวจะบอกว่าไม่ใช่ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีต้นแอปเปิ้ลในดินแดนปาเลสไตน์ และน่าจะเป็นผลมะเดื่อมากกว่าเพราะหลังจากกินผลไม้แล้วอดัมกับอีฟนำใบมะเดื่อมาปกปิดร่างกาย เป็นต้น

ดังนั้นการที่คุณพ่อคุณแม่อยากจะให้ลูกเป็นเด็กฉลาด หรือมีความเป็นอัจฉริยะได้นั้น อาจต้องเรียนรู้จากหลักการของชาวยิว แต่ว่าถึงจะมีคำแนะนำหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ที่ทำให้ลูกเก่งได้ แต่ความจริงแล้วการเลี้ยงเด็กนั้นไม่มีอะไรตายตัว ซึ่งคุณแม่ชาวยิวนั้นไม่ต้องอ่านบทความเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กมากมาย แต่ลูก ๆ ของคนยิวนั้นเก่งกันเยอะมาก แล้วคุณแม่ชาวยิวจะมีความลับของการเลี้ยงลูกให้ฉลาดได้อย่างไรนั้น ตามไปดูกันค่ะ

1. ชมลูกถึงความพึ่งพาในตัวเองได้

สำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ มักจะสนับสนุน คอยช่วยเหลือส่งเสริมอย่างเต็มที่ เพื่อให้ฝันอันแสนไกลของลูกไกลถึงที่หมาย นั่นหมายถึงลูกจะประสบความสำเร็จได้ ถ้าลูกคิดว่าตัวเองสามารถทำทุกอย่างได้

ซึ่งพ่อแม่ชาวยิวก็ยึดแนวคิดเช่นนี้ เพียงแต่หากลูกฝันให้ไกลและต้องการไปให้ถึงแล้ว ลูกจะต้องเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเอง ให้ความสำคัญกับการที่เด็กสามารถทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง

ยกตัวอย่างเช่นเหตุการณ์นี้ ในร้านกาแฟที่อิสราเอล เราจะเห็นว่าเด็กอายุ 1 ขวบสามารถกินอาหารเองได้แล้ว นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ปล่อยให้เด็กทำทุกทุกอย่างที่สามารถทำได้เอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพร่างกายและวัยของเด็ก ๆ ที่จะทำได้ด้วยนะคะ


2. ทุกอย่างย่อมเป็นเรื่องยากก่อนเสมอ และมันจะง่ายขึ้นมาเอง

สำหรับพ่อแม่ชาวยิวแล้ว จะเปิดโอกาสให้ลูกลองทำอะไรหรือสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง โดยต้องเห็นความสำคัญกับความพยายามของเด็ก ๆ ถ้าเด็ก ๆ เริ่มทำงานอดิเรกใหม่ ๆ พ่อแม่ก็ควรจะสนับสนุนเด็ก ๆ

ซึ่งแน่นอนว่าบางสิ่งบางอย่างในครั้งแรกนั้นย่อมอาจไม่สำเร็จงอย่างง่าย ๆ เสมอไป และถ้าเด็ก ๆ ทำไม่ได้ดี พ่อแม่ก็จะปลอบใจและสนับสนุนให้ลูกเกิดความพยายามที่ลองใหม่อีกครั้ง โดยบอกว่า “การเริ่มต้นมันยากแบบนี้แหละ” การกระทำแบบนี้จะทำให้ลูก เกิดการเรียนรู้และความพยายาม


3. การเชื่อใจในตัวลูก คือรางวัลที่ดีที่สุด

เมื่อลูกทำสิ่งใดได้ดี พ่อแม่ชาวยิมมักจะคอยแอบดู พร้อมให้รางวัลความพยายาม แต่จะไม่ใช่การให้ขนมหรือลูกอม

สำหรับครอบครัวชาวยิว เด็ก ๆ จะได้รางวัลเป็นความไว้ใจ และความเชื่อใจ ซึ่งถ้าพ่อแม่ไว้ใจให้ลูก ๆ ทำอะไรเอง เด็ก ๆ ก็จะรู้ว่าพวกเขาทำสิ่งนั้นได้ดี

เพราะการจ้องจับผิดของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั้น แม้จะทำไปด้วยความหวังดี แต่บางครั้งก็ทำเอาลูกหมดกำลังใจและหมดความพยายามที่จะทำสิ่งนั้น ๆ  ซึ่งการเชื่อใจนั้นจึงเป้นเรื่องจำเป็นมาก ที่จะช่วยสร้างทักษะให้ลูกมีความรับผิดชอบและการวางแผนการทำงานต่อ ๆ ไป

อ่านต่อ >> “กฎการเลี้ยงลูกของชาวยิว ที่ทำให้ลูกเป็นอัจฉริยะ และฉลาดที่สุดในโลก” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

4. ให้พ่อแม่ท่องจำว่า เสื้อผ้าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ

สำหรับพ่อแม่ชาวไทยหรือชาวยุโรปนั้น อาจมีบางครอบครัวช็อกกับสิ่งที่พ่อแม่ชาวยิวทำ เมื่อพาลูกออกไปนอกบ้าน ซึ่งพ่อแม่ชาวยิวจะปล่อยให้ลูก ๆ เล่นข้างนอกบ้านอย่างอิสระ ซึ่งเด็ก ๆ ก็มักจะตัวเปื้อนโคลน นิ้วเหนียว เข่าเลอะฝุ่น กระดุมเสื้อบางเม็ดก็หลุดไปไหนไม่รู้

ซึ่งความจริงแล้วการทำให้ลูกเนื้อตัวสะอาดเวลาออกไปข้างนอกเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามและเวลาทั้งของผู้ใหญ่และเด็กเป็นอย่างมาก พ่อแม่ชาวยิวจึงคิดว่าการรักษาเสื้อผ้าให้สะอาดอยู่เสมอ ไม่มีประโยชน์ต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูก ๆ เลยนั่นเอง


5. พ่อแม่ต้องยอมรับในความไม่เรียบร้อย

เด็ก ๆ ชาวยิวมักจะทำอะไรเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน และมันคือเรื่องที่มาพร้อมกับเด็ก ๆ ซึ่งพ่อแม่ชาวยิวรู้ดี และจะไม่ว่าอะไร เพราะเขาเข้าใจว่าเด็ก ๆ ที่มักจะทำนู่นนี่ตกหกหล่นเป็นปกติ

ดังนั้นการที่ลูกจะทำข้าวของพังบ้าง ห้องรกสกปรก ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ซึ่งแทนที่พ่อแม่ชาวยิวจะบ่นในเรื่องนี้ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่พ่อแม่ชาวยิวจะปล่อยให้เด็กๆ อยู่ในห้องรกๆ ของเขา ตราบใดที่เด็กๆ ยังมีความสุขกับมันอยู่

แต่ก็จะอธิบายว่าการมีระเบียบนั้นมีข้อดีอย่างไร และทำให้ลูกเจอของที่ต้องการง่ายขึ้นแค่ไหน ซึ่งก็จะมีนาน ๆ ทีที่พ่อแม่กลับจะปล่อยให้เด็ก ๆ ทำอะไรแบบที่ชอบ แล้วก็ค่อย ๆ ใช้เวลาอธิบายว่าทำไมถึงต้องมีระเบียบนั้น ๆ


6. อย่าคิดว่าแค่เล่นแป๊บเดียว เดี๋ยวลูกก็หมดพลัง

เพราะเด็กทุกคนมีพลังอยู่ในตัวเองมากมายอยู่แล้ว ซึ่งพ่อแม่ชาวยิวจะปล่อยให้ลูก ๆ ใช้เวลาทั้งวันในการวิ่งเล่น โดยไม่มีเสียงบ่น หรือไม่มีใครห้ามไม่ให้เด็ก ๆ ทำอะไร

เพราะพ่อแม่ของเด็กที่มีพลังเหลือล้นนั้น รู้ถึงความสำคัญของการปล่อยให้เด็กได้ใช้พลังงานทั้งหมดอย่างเต็มที่ในขณะที่พวกเขายังเด็กอยู่ เพราะการทำแบบนี้เมื่อลูกโตขึ้น เขาจะเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจและทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่ย่อท้อ


7. ให้อิสระลูก อย่างชาญฉลาด

พ่อแม่ชาวยิวมักจะปล่อย หรืออนุญาตให้ลูกทำอะไรได้หลายอย่าง แม้แต่การวาดรูปที่ผนัง เพื่อหวังว่าสักวันลูกอาจจะเป็นจิตรกรเอกก็ได้

แต่สำหรับในเรื่องนี้ก็ต้องมีข้อห้ามและขีดจำกัดที่ลูกจะละเมิดไม่ได้เช่นกัน นั่นคือ การไม่เคารพครอบครัว พ่อแม่จะลงโทษลูก ๆ ถ้าลูกด่าพ่อแม่ ซึ่งที่สำคัญคือพ่อแม่ต้องจริงจังกับเรื่องนี้เช่นกัน


8. แม้พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว แต่แม่เองก็เป็นหัวหน้าครอบครัวเช่นกัน

แม้การให้เคารพพ่อแม่ อาจเป็นเรื่องที่เด็กเล็กๆ จะยังไม่เข้าใจ แต่พ่อแม่ชาวยิวจะสอนให้เด็ก ๆ เคารพพ่อแม่ตั้งแต่เล็ก ซึ่งลูกจะรู้ว่าพ่อแม่เป็นหัวหน้า และจะเลียนแบบและยึดถือพ่อแม่เป็นตัวอย่างเสมอ

โดยสิ่งที่ลูกจะทำมีความสำคัญน้อยกว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำ เด็ก ๆ ก็เลยจะไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่ในการทำสิ่งต่าง ๆ แล้วพยายามทำสิ่งเหล่านั้นเอง


9. ลูกสามารถควบคุมตัวเองได้

ครอบครัวชาวยิวจะไม่ลงโทษลูกด้วยการไปยึด หรือแย่งของบางสิ่งบางอย่างจากลูกไป แต่ว่าในทางกลับกันพ่อแม่ชาวยิวจะตั้งกฎในการให้รางวัลกับการกระทำที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางและให้ลูกทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ถูกต้อง

ดังนั้นเด็ก ๆ ก็จะไม่คิดถึงการถูกลงโทษ แต่จะเรียนรู้ที่จะปรับและเรียนรู้ได้เองว่าพฤติกรรมไหนที่ดีหรือไม่ดีของตัวเอง เพื่อให้เป็นผลดีกับตัวเอง เช่น แทนที่เด็กจะกลัวการถูกลงโทษจากการที่เล่นเทน้ำหอมของแม่ เขาจะรู้ว่าแม่ต้องซื้อน้ำหอมขวดใหญ่ แทนที่จะซื้อข้าวปลาอาหารมาให้ทานแน่นอน


10. พ่อแม่ต้องสังเกตเห็นลูกอยู่ในสายตาทุกครั้ง

ไม่มีพ่อแม่ชาวยิวคนไหน ไม่สังเกตเห็นการกระทำของลูก และเชื่อว่าควรให้รางวัลกับสิ่งที่ลูกทำได้ ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกตั้งใจทำจะได้รับคำชมจากพ่อแม่ชาวยิว แม้พ่อแม่ชาวไทยหรือชาวยุโรปบางคนก็อาจเห็นในสิ่งที่ลูกทำและชื่นชมด้วย แต่ก็อาจแทบจะไม่ได้มองไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งของหรือการกระทำของลูกเลย

โดยการกระทำแบบนี้เรียกว่าเป็นทฤษฎีเดียวกับที่นักจิตเวชบอกว่า การชมเด็ก ๆ จะช่วยให้เขามีพัฒนาการที่ดี แม้ผลงานของลูกจะไม่ได้ดีมากมาย แต่พ่อแม่ชาวยิวก็จะหาทางชมจนได้

จากกฎการเลี้ยงลูกทั้ง 10 ข้อ ทำให้รู้ว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกฉลาดได้ คือการให้ความรักและเอาใจใส่รายละเอียดต่างๆ ของลูก โดยจะไม่รักลูกจนเกินไป แต่จะปล่อยให้ลูกหัดเรียนรู้ด้วยตัวเอง และคอยช่วยสนับสนุนอยู่ข้าง ๆ เรียกได้ว่าแม้พรสวรรค์ในการเป็นอัจฉริยะจะมีเพียงน้อย แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่จะทำให้เด็กฉลาดและเป็นอัจฉริยะได้ ต้องมาจากพรแสวงด้วย ซึ่งพ่อแม่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการช่วยพาลูกไปถึงจุดจุดนั้น

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!