รอให้ลูกโตก็สายเสียแล้ว ถ้าคุณแม่คิดอยากให้ลูกมีพัฒนาการสมองดี อย่ารอให้ลูกโตแล้วค่อยมาใส่ใจดูแล เพราะถึงเวลานั้นลูกน้อยอาจจะเรียนรู้ได้ไม่ดีเท่าเพื่อนวัยเดียวกันก็ได้ค่ะ เพื่อให้เด็กฉลาดเรียนรู้สมวัย ลองมาดูกันว่าจะเสริมพัฒนาการสมองได้อย่างไร และควรเริ่มในช่วงวัยไหนที่ไม่ช้าไป
สมอง คือหนึ่งในอวัยวะสำคัญของร่างกาย *สำหรับเด็กตั้งแต่วัยแรกเกิด จนถึงอายุ 6 ปี เป็นช่วงเวลาที่สมองจะมีการพัฒนามากที่สุดถึง 80% ซึ่งในช่วง 6 ปีแรกของชีวิต ถือเป็นช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมองของลูกน้อยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเป็นเด็ก 2 ภาษา 3 ภาษา อยากให้ลูกเป็นเด็กเรียนเก่ง มีทักษะรอบด้านดีเยี่ยม สมองดี มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ก็ไม่ใช่เรื่องยากค่ะ
เสริมพัฒนาการสมอง ลูกฉลาดคิด ต้องเริ่มจากอะไร ?
การเตรียมความพร้อมให้ลูกในช่วง 6 ปีแรก เพื่อให้มีพัฒนาการสมองฉลาด เก่งสมวัย และสามารถต่อยอดไปได้อย่างประสบผลสำเร็จในอนาคต คุณพ่อคุณแม่เริ่มได้ง่ายๆ ดังนี้ค่ะ
- ให้ลูกกินนมแม่ตั้งแต่แรกคลอดไปจนถึงขวบปีแรก ในน้ำนมแม่มีสารอาหารครบถ้วนที่จำเป็นต่อร่างกาย และสมอง
- ต้องกระตุ้นให้ลูกได้มีการเล่นเสริมทักษะตามช่วงวัย เช่น
เด็กวัยแรกเกิด – 6 เดือน เพื่อกระตุ้นพัฒนาการการมองเห็น ให้เล่นเป็นตุ๊กตาแขวนโมบายสีสันสดใส
เด็กวัย 6 เดือน – 1 ขวบ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการกล้ามเนื้อมัดเล็ก การใช้มือเอื้อมคว้า และฝึกการคืบ คลาน ให้เล่นของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง เล่นลูกบอลลูกเล็กๆ สีสันสดใสซ่อนในผ้า หรือเล่นจ๊ะเอ๋
เด็กวัย 1 ขวบ – 3 ขวบ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการทักษะการพูด ออกเสียง การสังเกต ให้เล่นของเล่นที่เป็นรูปทรง อย่างบล็อคไม้รูปต่างๆ หรือ อ่านนิทานภาพ ฯลฯ
เด็กวัย 3 ขวบ – 6 ขวบ เพื่อฝึกให้รู้จักการเข้าสังคม การสื่อสารที่มากขึ้น ฝึกทักษะการคิด ให้เล่นเป็นชุดของเล่นบ้าน , ชุดขายของ , ชุดตัวต่อเลโก้ หรือเล่นเล่านิทาน บทบาทสมมติ เป็นต้น การเล่นจะช่วยให้สมองเกิดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ได้แก่ พัฒนาการด้านร่างกาย สติปัญญา ความคิดสร้างสรรค์ ภาษา อารมณ์ สังคม - กินอาหารที่มีประโยชน์หลังลูกอายุได้ 6 เดือนขึ้นไป จะต้องเสริมอาหารให้ได้คุณค่าโภชนาการครบ 5 หมู่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่และวิตามิน ในปริมาณสัดส่วนตามช่วงวัยที่ควรจะได้รับ และในเด็กที่กำลังโต เด็กอนุบาล วัยเรียน คุณแม่จำเป็นต้องให้ลูกได้รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยพัฒนาสมองของลูกๆ อย่าง DHA , กรดไขมันจำเป็นอย่าง โอเมก้า 3 6 9 สารอาหารกลุ่มนี้จะช่วยบำรุงพัฒนาระบบประสาท และสมองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
7 อาหารสมองที่ลูกควรต้องได้กินอย่างเป็นประจำ
อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่คุณแม่ต้องจัดสรรมาให้ลูกๆ ได้รับประทานกันอย่างหลากหลาย โดยเฉพาะอาหารสมองที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาสมองของเด็กๆ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ คิดเก่ง ฉลาดเรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี ลองมาดูว่าเด็กวัยเรียน วัยกำลังโต ควรต้องกินอะไรที่มีประโยชน์กับพัฒนาการสมองกันค่ะ
1. นมและโยเกิร์ต ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมด้วยโปรตีน และวิตามิน B ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อสมอง และยังให้ทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ที่เป็นแหล่งพลังงานที่ดีให้กับสมอง
2. แซลมอน และปลาทะเลน้ำลึก ที่มีไขมันดีสูงเป็นแหล่งโอเมก้า 3 ที่มีทั้งกรดไขมัน EPA และ DHA ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้าง และพัฒนาสมองลูกน้อย
3. ไข่ ให้โปรตีนสูง และยังอุดมด้วยโคลีน ซึ่งมีส่วนช่วยพัฒนาความจำ
4. ถั่วแดง มีกรดไขมันโอเมก้า 3 โดยเฉพาะกรดอัลฟาไลโปลิก (ALA) สูงกว่าถั่วชนิดอื่น ที่จะช่วยกระตุ้นการทางานของสมองให้ดียิ่งขึ้น
5. น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน จะอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า สำหรับการปรุงอาหารที่ต้องใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบ แนะนำคุณแม่ว่าให้ใช้ในสัดส่วนที่พอเหมาะ เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวของเด็กๆ ค่ะ
6. ผักสีสด เช่น มะเขือเทศ มันเทศ ฟักทอง แครอท ผักปวยเล้ง ผักสีต่างๆ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์สมองของลูกน้อยได้อย่างดี
7. เนื้อแดง เป็นแหล่งของธาตุเหล็ก และสังกะสี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยในเรื่องความจำ ช่วยให้มีสมาธิจดจ่อได้ดี
อาหารเสริมบำรุงสมอง DHA และ โอเมก้า 3 6 9 กรดไขมันที่มีประโยชน์
♦ DHA (Docosahexaenoic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย มีหน้าที่สำคัญช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
ประโยชน์ของ DHA ดีเอชเอ คือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ดวงตาและการมองเห็น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับสมอง เช่น ความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ เป็นต้น แหล่งอาหารที่อุดมด้วยดีเอชเอ ได้แก่ ไข่ไก่ ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน เป็นต้น
♦ โอเมก้า 3 กรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร ซึ่งใน Omega 3 จะประกอบด้วยกรดไขมันอย่าง ALA , EPA และ DHA
ประโยชน์ของ Omega 3 คือ ช่วยเพิ่มสมาธิ ช่วยให้ระบบประสาท สมอง และระบบสายตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยต้านการอักเสบต่างๆ ให้กับร่างกายอีกด้วย แหล่งอาหารที่อุดด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า น้ำมันพืช (น้ำมันถั่วเหลือง , น้ำมันดอกทานตะวัน , น้ำมันรำข้าว) เป็นต้น
♦ โอเมก้า 6 กรดไขมันที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหาร
ประโยชน์ของ Omega 6 คือ จะช่วยให้ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โอเมก้า 6 มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการการเจริญเติบโตของร่างกาย การทำงานของระบบสมองและหัวใจ แหล่งอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 6 ได้แก่ น้ำมันรำข้าว ถั่วเหลือง อิฟนิ่งพริมโรส และถั่วทุกชนิด
♦ โอเมก้า 9 กรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ จากการดึงเอาโอเมก้า 3 และ 6 มาใช้ ฉะนั้นหากร่างกายได้รับโอเมก้า 3 กับ 6 ไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะสร้างโอเมก้า 9 ขึ้นมาใช้ได้ไม่เต็ม 100%
ประโยชน์ของ Omega 9 ช่วยในการทำงานของโอเมก้า 3 และ 6 ในการสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์สมอง และช่วยให้อวัยวะสำคัญภายในร่างกายอย่าง สมอง หัวใจ ระบบเลือด ตับ ไตทำงานได้อย่างสมบูรณ์เต็มประสิทธิภาพ
แหล่งอาหารที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 9 ได้แก่ งา อโวคาโด อัลมอนด์ น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน ฯลฯ
คุณแม่เห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของอาหารที่ต้องเสริมเพื่อบำรุงสมองของลูกๆ ให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่าง DHA และ Omega 3 6 9 กันแล้วใช่ไหมคะ แนะนำว่าต้องให้ลูกรับประทานอาหารหลากหลายและครบหมู่ เพื่อให้สมองพัฒนาและเรียนรู้ มีสมาธิ จำเก่งแม่นยำได้อย่างเต็มที่ในทุกวันค่ะ
ง่ายๆ กับการเตรียมพร้อมสมองลูกให้ได้รับอาหารสมองทุกวัน
หากจะพัฒนาสมองของเด็กๆ ที่อยู่ในวัยกำลังโต โดยเฉพาะช่วงเวลาทองของการพัฒนาสมองของลูกในระหว่าง 1-6 ปี แนะนำคุณแม่ว่านอกจากจะเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ให้ลูกรับประทานครบ 3 มื้อแล้ว ยังจำเป็นต้องเสริมนมที่มีสารอาหารช่วยในการบำรุงระบบประสาท และสมอง เพื่อให้เด็กๆ พร้อมรับการเรียนรู้รอบด้าน เพราะการเรียนรู้ช่วยลูกไปได้ไกลขึ้น
นมที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับเด็กวัยกำลังโต โฟร์โมสต์ โอเมก้า 3 6 9 นมกล่องยูเอชที ที่คุณม่สามารถให้ลูกดื่มได้ทุกวัน นมโฟร์โมสต์ โอเมก้า 3 6 9 สูตรใหม่ เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และสมอง มี DHA เพิ่มขึ้น 50% , Omega 3 เพิ่ม 2 เท่า มี วิตามินบี 12 สูง ช่วยบำรุงระบบประสาทให้แข็งแรง ช่วยเพิ่มสมาธิ ความจำ และมีกรดอะมิโนจำเป็นอีก 9 ชนิด
โฟรโมสต์ โอเมก้า 3 6 9 มีคุณค่าสารอาหารเต็มกล่องที่คุณแม่มั่นใจได้ว่ามีส่วนสำคัญในการเสริมพัฒนาการของลูก ให้ลูกฉลาดคิด เรียนรู้ได้ดี
อ้างอิง : *เทคนิคพัฒนาสมองเจ้าตัวน้อย.สถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข https://th.rajanukul.go.th/