เพจหมอออกมาโพสต์ ไขข้อสงสัยทำไมต้อง เลื่อนเปิดเทอม เป็นวันที่ 1 ก.ค. และไม่มีปิดเทอมช่วง ต.ค. 63 และ เม.ย. 64 เหตุผลในเชิงหลักวิชาการแพทย์ เป็นเพราะ!?
ครม.ไฟเขียว เลื่อนเปิดเทอม เป็นวันที่ 1 ก.ค. 63
จากการที่คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบให้สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จากวันที่ 16 พฤษภาคม 2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 นั้น
การเลื่อนเปิดเทอม ในครั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มเด็กนักเรียน นักศึกษา รวมไปถึงครู ผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษา
ทั้งนี้การจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2563 ก็จะไม่มีการปิดภาคเรียนที่ 1 ในเดือนตุลาคม 2563 และเดือนเมษายน 2564 เนื่องจากมีการเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ล่าช้าไปกว่า 2 เดือนแล้ว ดังนั้นทางสถานศึกษาจะต้องมีการจัดการเรียนการสอนให้ครบตามหลักสูตร
โดยกำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานออกเป็น
-
การรับสมัครสอบนักเรียนชั้น ป.1, ม.1, และ ม.4 ทั่วประเทศ ในเดือนพฤษภาคม
-
หลังจากนั้นเดือนมิถุนายนจึงดำเนินการเรื่องสถานที่สอบ
-
ก่อนที่จะไปเปิดภาคเรียนจริงในวันที่ 1 กรกฎาคม
ซึ่งในช่วงเวลาที่ขยับ เลื่อนเปิดเทอม ไปนั้น จะมีการนำช่วงปิดเทอมในเดือนตุลาคม และปลายปีมาชดเชย ก็ทำให้จำนวนชั่วโมงเรียนในหลักสูตรยังเท่าเดิม เพียงแค่ขยับชั่วโมงการสอนเท่านั้น นั่นหมายถึงการจัดการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2563 จะไม่มีการปิดภาคเรียนที่ 1 ในเดือนตุลาคม 2563 และเดือนเมษายน 2564 เนื่องจากมีการเลื่อนเปิดภาคเรียนที่ล่าช้าไปกว่า 2 เดือนแล้วนั่นเอง
ทั้งนี้เรื่องการรับสมัครนักเรียนชั้น ม.1 และ ม.4 จะเริ่มดำเนินการรับสมัครผ่านระบบออนไลน์ ในเดือนพฤษภาคม 2563 โดย ศธ.จะมีการตรวจสอบรายชื่อเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน เมื่อมีความพร้อมก็จะเปิดสอบพร้อมกันทั่วประเทศ แต่หากช่วงนั้นไวรัสโควิด-19 ยังระบาดอยู่ ก็จะหาวิธีจัดสอบแบบออนไลน์
ซึ่งทาง กระทรวงศึกษาธิการ เองยังได้เตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ทั้งครู และนักเรียน โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษา
รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์การเรียนการสอนที่จะใช้รองรับการเรียนการสอนผ่านระบบดังกล่าว ซึ่งในเดือนพฤษภาคมจะเริ่มออนแอร์การเรียนการสอนออนไลน์ผ่านระบบทีวีดิจิทัล เพื่อให้เด็กปรับตัวกับการเรียน และทดลองสัญญาณในการออกอากาศ
อีกทั้งกระทรวงศึกษาธิการเตรียมดำเนินการที่จะจัดซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนการสอนออนไลน์ที่มีความเหมาะสมแจกนักเรียนอีกด้วย โดยอาจจะเป็น Tablet หรือ Laptop ที่มีความแตกต่างจากที่เคยแจกในครั้งที่แล้ว ให้สามารถใช้เรียนออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเหมาะสมกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน และคุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐได้ออกมาตรการให้ทุกคนกักตัวอยู่บ้าน เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งนั้นก็ส่งผลกระทบทุกภาคส่วน ตั้งแต่เศรษฐกิจระดับประเทศ จนถึงประชาชนตัวเล็กๆ ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนสถานที่ทำงาน โดยหลายๆ ออฟฟิศก็เริ่มให้ทำงานที่บ้าน หรือ Work from home และล่าสุดยังมีคำสั่ง เลื่อนเปิดเทอม อีก สำหรับเรื่องนี้ก็ยิ่งอาจทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหลายบ้านเครียดจนต้องยกมือกุมขมับว่า จะรับมือกับเด็กๆ ไม่ว่าจะเด็กเล็ก วัยเรียน หรือวัยรุ่นอย่างไรดี และทำให้เกิดความสงสัยขึ้นมาได้ว่า ทำไมต้องเลื่อนเปิดเทอม
Must read >> แนะตารางกิจกรรมเช้า-ค่ำ พร้อม 12 กิจกรรมให้ลูกทําสุดเจ๋ง
เมื่อต้องอยู่บ้านหนีโควิด19+ปิดเทอมยาว
Must read >> งานก็ต้องทำ ลูกก็ต้องเลี้ยง work from home ยังไงให้ดี ถ้ามีลูกต้องดูแล
สำหรับเหตุผลที่ ทำไมต้องเลื่อนเปิดเทอม เพจเฟซบุ๊ก Infectious ง่ายนิดเดียว ซึ่งมีแอดมินผู้ดูแลเพจเป็นคุณหมอโรคติดเชื้อ ID (Infectious disease) ได้โพสต์ข้อความระบุว่าถึงเหตุผลที่ต้องเลื่อนเปิดเทอม และไม่มีปิดเทอมช่วงตุลาคม 63 และเมษายน 2564 นั้น มีเหตุผลในเชิงหลักวิชาการแพทย์ ดังนี้…
อ่านต่อ >> “คุณหมอไขข้อสงสัย
ทำไมต้องเลื่อนเปิดเทอม” คลิกหน้า 2
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.bangkokbiznews.com , www.prachachat.net
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
จากคำสั่งให้มีการเลื่อนเปิดเทอม อาจมีหลายคนสงสัยว่าทำไมต้อง เลื่อนเปิดเทอม เลื่อนแล้วช่วยอะไรได้ คุณหมอแอดมินเพจ Infectious ง่ายนิดเดียว ได้ให้เหตุผลในเชิงหลักวิชาการแพทย์ ว่า…
1. เนื่องจากประเทศไทยมีโรคระบาดประจำถิ่น ประจำฤดูกาลอยู่ 4 โรคแล้ว ซึ่งถ้ามีการเปิดเทอมพร้อมกับโรคมาใหม่ คือ โควิด-19 ที่ยังระบาดอยู่ การปิดเทอมยาว หรือ เลื่อนเปิดเทอม ไปแบบนี้ จะช่วยลดคนออกจากบ้าน ให้อยู่บ้าน ห้างปิด ถนนรถโล่ง มีเคอร์ฟิว ผู้คนพบปะกันน้อยลง
2. หากเปิดเทอม ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียน มหาวิทยาลัย คณาจารย์ร้านค้า ขนส่งสาธารณะ รถขนเด็ก รถโรงเรียน รถรับส่งนักเรียน สถานที่เรียนพิเศษ คงคึกคัก และมีการรวมตัวกันของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่งผลให้มาตรการ Social distancing หรือ ห่างกันสักพัก จะไม่ได้ผล และจะมีคนป่วยมากขึ้น
3. ส่วนโรคที่มากับฤดูกาล 4 โรคประจำถิ่น ได้แก่
-
- ไข้เลือดออก
- และไข้หวัดใหญ่ที่จะพบมากในเด็กโตและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะยิ่งไข้หวัดใหญ่มักติดมาจากเพื่อนในห้องเรียน สถานที่ทำงาน โดยอาการคล้ายโรคโควิด-19 โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ คือ ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก หอบเหนื่อย และปอดอักเสบได้
- โรคหลอดลมฝอยอักเสบในเด็กจากเชื้อ RSVต้องดูดเสมหะ ต้องพ่นยา
- โรคลำไส้อักเสบจากเชื้อโรต้า ซึ่ง 2 โรคนี้พบมากในเด็กเล็ก
คิดดูถ้ารวมไวรัสโคโรนาอีกตัว เป็น 5 โรคนี้เตียงก็คงเต็ม และบุคลากรทางการแพทย์คงเหนื่อยเพิ่ม x5 เท่า
4. นอกจากนี้ สถานการณ์ทั่วโลกยังไม่นิ่ง ทั้งทาง ยุโรป สหรัฐฯ หรือแม้แต่ในประเทศอาเซียน ก็ยังมีเคสผู้ติดเชื้อที่เพิ่มมากขึ้น ไม่มีแนวโน้มที่กราฟกระดกลง ถ้าต่างประเทศยังไม่นิ่ง ไวรัสยังไม่หมดไปจากโลก อีกทั้งไทยเรายังเปิดสนามบิน ก็จะเหมือนเดิม มีเคสจากต่างประเทศ วนไป ไม่จบสิ้น
ดังนั้นการสั่งปิดเทมอต่ออีก 3 เดือน อาจมองดูเป็นเรื่องเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย สุดท้ายคุณหมอแอดมินเพจ Infectious ง่ายนิดเดียว ยังได้บอกถึงแนวทางการแก้ไขว่า หลายโรงเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ ก็ขอให้ทุกคนอดทน อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ ให้คุณพ่อคุณแม่อยู่กับลูกๆ เด็กๆ หลานๆ แล้วเราจะรอดโควิดไปด้วยกันตลอด 3 เดือน เมษา-มิถุนา เราต้องเสร็จศึก ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน
ทำไมต้องเลื่อนเปิดเทอม 1 กรกฎาคม_ เลื่อนเปิดเทอมเป็น 1 กรกฎาคม_ไม่มีปิดเทอมช่วง ตุลาคม 63 และเมษายน…
Posted by Infectious ง่ายนิดเดียว on Tuesday, April 7, 2020
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :
- ผลกระทบจากโควิด ของคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกแรกเกิด
- วิธีดูแลใจเด็กๆ ในช่วงวิกฤติโควิด-19
- แอปติดตามโควิด หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงปลอดภัยทั้งครอบครัว
- จีนออก คู่มือป้องกันโรคโควิด 19 (ฉบับภาษาไทย) ต้องทำยังไงเพื่อให้รอดจากเชื้อไวรัสโคโรน่า
- เผย 7 กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ควรปฏิบัติตามมาตรการรัฐบาลอย่างเคร่งครัด
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ Infectious ง่ายนิดเดียว
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่