วิธีเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์ ทั้ง 13 วิธีนี้เป็นคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคนดัง ที่รับรองว่าเมื่อได้อ่านแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะต้อง มีแนวคิดใหม่ๆ ในการเลี้ยงลูกให้ได้ดีกันอย่างแน่นอน อยากรู้ไหมว่าว่าการเลี้ยงลูกแบบสร้างสรรค์นั้นมีอะไรบ้าง ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีมาบอกให้ได้ทราบกันตามนี้เลยค่ะ
วิธีเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์
อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่า วิธีเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์ จากผู้เชี่ยวชาญเขามีแนะนำไว้อย่างไรกันบ้าง สำหรับ การเลี้ยงลูกที่เราจะพูดถึงนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราจะต้องพบเจอกันอยู่แล้วในแต่ละวัน แต่จะดีมากยิ่งขึ้นถ้าทำแล้วจะช่วยให้เด็กๆ เติบโตขึ้นมาเป็นคนคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาเราไปทำความเข้าใจกับทั้ง 13 วิธีในการเลี้ยงลูกกันค่ะ
1. ปล่อยลูกให้รู้จักความผิดหวัง
ถ้าเราอยากให้ลูกรู้จักช่วยเหลือตัวเอง เด็กๆ ต้องล้มแล้วลุกเองเป็น “พ่อแม่ส่วนใหญ่รู้ว่าลูกลุกขึ้นเองได้ แต่ก็อดที่จะเข้าไปช่วยไม่ได้” เชอร์รี่ โนคา ผู้เขียนหนังสือเรื่อง กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง: วิธีการเลี้ยงลูกให้มีความกตัญญูและรับผิดชอบในยุคของการทำตามใจตัวเอง (Have the Guts to Do It Right: Raising Grateful and Responsible Children in an Era of Indulgence) พ่อแม่ควรท่องไว้เสมอว่า: การที่ลูกเจอกับอุปสรรคบ้างจะส่งผลดีต่อลูกในระยะยาว ตัวอย่างเช่น เด็กวัยรุ่นที่ซักผ้ารีดผ้าเองเป็นก็สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากกว่าเพื่อนๆ ที่ยังทำไม่เป็น ก่อนจะรีบเข้าไปช่วยเหลือลูก คุณพ่อคุณแม่ลองถามตัวเองก่อนว่า “ถ้าเราไม่เข้าไปช่วยตอนนี้ ลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ อย่างการหกล้มของเด็กๆ หรือปัญหาและอุปสรรคใหญ่ๆ เรื่องเพื่อนหรือเรื่องการเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็อย่าเพิ่งรีบเข้าไปช่วยค่ะ ลองปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหาเองดูก่อน เพราะทักษะการแก้ปัญหานี่แหละที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กๆ เอาล่ะ ได้เวลาที่คุณพ่อคุณแม่จะยืนมองดูอยู่ห่างๆ แล้วค่ะ
2. ยึดมั่นในกฎเหล็ก 3 ข้อเรื่องการบ้านลูก
ข้อแรกคือ “กินกบตัวนั้นซะ” กฎที่ เท็ด ธีโอดอร์โร อาจารย์สอนสังคมศาสตร์ โรงเรียนมัธยมแฟร์แฟกซ์ เคาน์ตี้ รัฐเวอร์จิเนีย กล่าว กฎนี้หมายความว่า “ให้ทำข้อที่ยากที่สุดก่อน” ข้อสองคือ วางโทรศัพท์ลง เวลาทำการบ้านเด็กๆ อาจต้องใช้คอมพิวเตอร์ แต่การกดโทรศัพท์เพื่อเล่นเกมหรือคุยกับเพื่อนนั้นเป็นข้อห้ามระหว่างการทำการบ้าน ข้อที่สามคือ เมื่อทำการบ้านเสร็จให้เก็บใส่กระเป๋าแล้ววางไว้หน้าประตูทางออกให้เรียบร้อย ตอนเช้าเด็กๆ จะได้ออกจากบ้านไปพร้อมกับการบ้านที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงแค่ยึดกฎเหล็กสามข้อนี้เท่านั้น คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ต้องคอยตามบ่นลูกๆ เรื่องการบ้านอีกต่อไป
บทความแนะนำ คลิก>> เลี้ยงลูกแบบญี่ปุ่น กับ 8 ความลำบาก เพื่อให้ลูกเป็นเด็กเก่ง โตไปมีคุณภาพ
3. เด็กๆ จะงอแงเวลาหิว กระวนกระวายใจ เหงา และเหนื่อย
ต้นเหตุของอาการงอแงและการทำตัวไม่น่ารักของเด็กๆ ก็คือ 4 ข้อนี้ค่ะ หิว ไม่สบายใจ เหงา หรือเหนื่อยเกินไป คุณพ่อคุณแม่ต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจเลย
อ่านต่อ 13 วิธีการเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์ หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
4. ปลูกฝังความมีจิตอาสาให้กับเด็กๆ
เด็กๆ ต้องเรียนรู้ว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนควรทำกัน ลองให้ลูกๆ ช่วยเก็บเศษอาหารของเพื่อนไปทิ้งหลังจากมื้ออาหาร หรือช่วยบ้านข้างๆ ตัดหญ้า การช่วยเหลือผู้อื่นทำให้ลูกมีจิตอาสาและลดอัตตาลง “สำนึกที่ดีจะช่วยหล่อหลอมจิตใจของเด็ก” เจฟฟรีย์ เจ. โฟร ผู้เขียนเรื่อง สอนลูกให้เป็นคนกตัญญู (Making Grateful Kids) กล่าว
5. เข้มงวดกับเวลาเข้านอนของลูก
ผลจากการศึกษาเรื่องกุมารเวชศาสตร์ ที่ตีพิมพ์เมื่อปีพ.ศ. 2556 พบว่ากลุ่มเด็กอายุ 7 ขวบที่เข้านอนไม่เป็นเวลาจะมีแนวโน้มจะมีปัญหาด้านพฤติกรรมมากว่ากลุ่มเด็กที่เข้านอนเป็นเวลา ยิ่งเด็กๆ นอนไม่เป็นเวลาติดต่อกันนานๆ ผลเสียต่อพฤติกรรมของเด็กก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางคนที่ทำงานเลิกดึก แต่ก็อยากกลับมาเล่นกับลูกๆ ก่อนพวกเขาหลับ อาจเปลี่ยนเป็นการคุยโทรศัพท์หรือคุยแบบเห็นหน้าผ่านวีดีโอคอลแทน” ศาสตราจารย์และนักจิตวิทยา ฮีเธอร์ เทเลอร์ จากศูนย์การเรียนรู้มอริสซี่-คอมป์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนียแนะนำ
บทความแนะนำ คลิก>> ภาพหาดูยาก! สอน การเลี้ยงลูกของคนจีน ในสมัยก่อน แต่ยังสอนได้ดีในสมัยนี้
6. ให้ลูกอ่านหนังสือที่ตัวเองชอบ
จากการศึกษาของสถาบันศึกษาศาสตร์ประจำกรุงลอนดอน เด็กที่อ่านหนังสือเก่งจะมีผลการเรียนที่ดีในทุกๆ วิชาด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจอยากให้ลูกอ่านหนังสือที่มีสาระความรู้เต็มเปี่ยม แต่หากลูกๆ เลือกที่จะอ่านการ์ตูน คุณพ่อคุณแม่ก็ควรอนุญาตค่ะ (อย่าลืมดูความเหมาะสมของเนื้อหาในการ์ตูนก่อนนะคะ) “หนังสือการ์ตูนก็เป็นจุดเริ่มต้นให้เด็กรักการอ่านได้” แมรี่ ลีออนฮาร์ท อดีตครูสอนวิชาภาษาอังกฤษ และนักเขียนเรื่อง พ่อแม่ที่รักการอ่านกับลูกที่ไม่ชอบอ่าน (Parents Who Love Reading, Kids Who Don’t) กล่าว
7. อย่าจ้างลูกให้เก็บกวาดพื้นที่ของตัวเอง
“ถ้าคุณให้เงินลูก เมื่อลูกปูเตียงของตัวเองเสร็จ เวลาที่คุณหิ้วถุงใส่ของพะรุงะรังแล้วขอให้ลูกๆ ช่วย พวกเขาจะถามกลับว่าจะได้ค่าจ้างเท่าไหร่” อลิสัน แชฟเฟอร์ นักเขียนและผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเลี้ยงลูกกล่าว คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกเรื่องการใช้เงินและการเก็บออม แต่อย่าใช้เงินจ้างให้ลูกๆ ทำสิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องทำอยู่แล้วทุกๆ วัน เช่นการเก็บเตียงตัวเองให้เรียบร้อย
อ่านต่อ การเลี้ยงลูกอย่างสร้างสรรค์ หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
8. เป็นตัวอย่างเรื่องความกล้าหาญให้กับลูกๆ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกเป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างให้กับลูกก่อน “ผู้ใหญ่บางคนไม่กล้าไปไหนคนเดียว เพราะกลัวจะอายเวลาคนอื่นมาเห็น” เดวิด อัลลิน ผู้เขียนเรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าฉันทำได้ (I Can’t Believe I Just Did That) กล่าว ถ้าลูกๆ เห็นว่าคุณแม่หัวเราะขำตัวเองที่ใส่เสื้อกลับด้านมาเกือบครึ่งวัน พวกเขาก็จะขำตัวเองได้ง่ายๆ เหมือนกัน หากเกิดเรื่องน่าอายขึ้นกับพวกเขา
9. คุณพ่อคุณแม่ไม่ใช่พ่อครัวอาหารตามสั่ง
“เด็กๆ ควรที่จะเป็นคนกินง่าย” เอลลิน แซทเทอร์ นักโภชนาการและผู้แต่งหนังสือชื่อ เคล็ดลับครอบครัวสุขภาพดี (Secrets of Feeding a Healthy Family) กล่าว นอกจากนี้ สตีเฟน เดเนียล ประธานสาขากุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์โคโรลาโด ยังแนะนำว่าในหนึ่งมื้อควรจะมีอาหารที่หลากหลาย ทั้งเนื้อสัตว์ ข้าวหรือเส้น ผัก ผลไม้ และนม “คุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งกังวลใจหากลูกๆ กินอาหารไม่ครบในหนึ่งมื้อ พ่อแม่สามารถชดเชยสารอาหารที่ขาดไปในมื้อต่อมาได้ โดยให้ดูจากสารอาหารที่เด็กได้รับโดยรวมต่อหนึ่งวันแทน” สตีเฟนกล่าว
10. ช่วงวัย 14 ปี เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ต้องใส่ใจ
ช่วงวัยนี้เป็นช่วงที่เด็กๆ จะเริ่มสร้างตัวตนของตัวเอง การทำอะไรตามกลุ่มเพื่อนจะเริ่มลดน้อยลง คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นพูดคุยกับลูกบ่อยๆ อย่าลืมถามถึงเพื่อนๆ ที่โรงเรียนด้วยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าลูกมีปัญหาเรื่องการเข้ากับกลุ่มเพื่อน คุณพ่อคุณแม่ควรหาทางช่วยเหลือค่ะ
11. สอนให้ลูกต่อสู้กับความกลัว
ถ้าลูกกลัวสุนัข คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องทำถึงขนาดดึงลูกไปใกล้ๆ กับสุนัขตัวโตหรอกนะ แต่ต้องลองพูดกับลูกดีๆ ด้วยเหตุและผล ลองถามลูกว่า “เราไปลูบขนนุ่มๆ ของเจ้าตูบตัวนั้นกันดีมั้ยจ้ะ” กุมารแพทย์ รอย เบอร์นารอชแนะนำ “บอกลูกว่าลองลูบขนมันดูแป๊บนึงคงไม่เป็นไร” ที่สำคัญอย่าใช้สิ่งที่ลูกกลัวมาขู่หรือแกล้งลูกเด็ดขาด
12. ถ้าอยากให้เด็กๆ ลดเสียงลง คุณพ่อคุณแม่ต้องพูดเสียงเบา
เมื่อคุณพ่อคุณแม่พูดเสียงเบาเด็กๆ ก็จะนิ่งและตั้งใจฟังมากขึ้น คุณพ่อคุณแม่อาจลองใช้การกระซิบเบาๆ มาผสมกับการเล่นกับลูกก็ได้
13. ใส่หน้ากากอ็อกซิเจนให้ตัวเองก่อน
หรือแปลว่าให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลตัวเองให้ดีก่อน จึงจะสามารถเลี้ยงดูลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ “พ่อแม่บางคนรู้สึกผิดที่ทำงานเยอะ เมื่อมีเวลาว่างจึงยกให้ลูกหมด จนไม่เหลือเวลาให้กับตัวเอง” เฟรด สต็อคเคอร์ นักจิตวิทยาเด็ก มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ลูอิสวิล รัฐเคนตัคกี้ กล่าว “เมื่อพ่อแม่ไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง ในที่สุดก็จะรู้สึกเหนื่อยล้า” ถ้าคุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าร่วมกับกิจกรรมของเด็กๆ หลายอย่างในหนึ่งวัน ลองให้เด็กๆ ลำดับความสำคัญของแต่ละกิจกรรมดูค่ะ หากกิจกรรมไหนมีความสำคัญไม่มากคุณพ่อคุณแม่ก็เอาเวลาช่วงนั้นมาพักและดูแลตัวเองบ้างนะคะ แน่นอนว่าคุณพ่อคุณแม่รักลูกอย่างสุดหัวใจ แต่การหาเวลาให้กับตัวเองบ้างก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มีความสุขมากขึ้น และมีแรงในการดูแลลูกต่อไปค่ะ
การเลี้ยงลูกให้ได้ดี และประสบผลสำเร็จไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในเวลาเดียวกันค่ะ ดังนั้นสองแรงร่วมมือประสานใจตั้งใจเลี้ยงลูก เชื่อว่าต้องบรรลุเป้าหมายดั่งที่ตั้งใจกันไว้อย่างแน่นอน …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
6 เคล็ดลับเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ
เคล็ดลับเลี้ยงลูก ฝึกตัวเองเป็นพ่อแม่มืออาชีพ
ที่มา: http://www.realsimple.com/work-life/family/kids-parenting/only-parenting-advice-you-really-need