5 วิธี เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่เตี้ย! - Page 2 of 2 - Amarin Baby & Kids
เพิ่มความสูงให้ลู

5 วิธี เพิ่มความสูงให้ลูก แม้พ่อแม่เตี้ย!

event
เพิ่มความสูงให้ลู
เพิ่มความสูงให้ลู

อย่างไรก็ตามจากวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก กรณี ของ “น้องมียา” ที่คุณพ่อเติ้ล ตะวัน และคุณแม่กระแต เสาวคนธ์ ได้กล่าวมา คือปัจจัยสำคัญในการเพิ่มความสูง ซึ่งเรื่องของการทำให้ลูกสูงนั้น น.พ.วรวัฒน์ เอี่ยวสินพานิช แพทย์ฟื้นฟูสมรรถภาพ โรงพยาบาลปิยะเวท ให้คำแนะนำว่า เด็กจะมีการเพิ่มความสูงใน 2 ช่วงอายุ คือ ช่วงแรกเกิดจนถึง 2 ปีแรก กับช่วงที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่น ซึ่งผู้หญิงจะเข้าสู่วัยรุ่นในช่วงอายุ 11.5 ปี จนถึง 16 ปี ส่วนผู้ชายตั้งแต่อายุ 13 ปี จนถึง 20 ปี

โดยจะเห็นได้ว่า เด็กผู้ชายจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นช้ากว่า และจะมีช่วงอายุที่นานกว่า ดังนั้นคนที่มีลูกสาวจึงควรเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ และที่สำคัญเด็กผู้หญิงควรจะต้องดูว่าได้รับฮอร์โมนที่ทำให้เป็นสาวเร็วกว่าปกติหรือไม่ ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้จะอยู่กับอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์ได้รับการฉีดฮอร์โมนเข้าไป ส่วนใหญ่เป็นอาหารพวกฟาสต์ฟู้ด ทำให้เด็กผู้หญิงมีโอกาสเป็นสาวได้เร็วกว่าปกติ เช่น เด็กบางคนอายุแค่ 8 ขวบ ก็มีหน้าอกหรือมีประจำเดือนแล้ว ถ้ามีอาการเช่นนี้ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อตรวจและฉีดยาที่จะทำให้เป็นสาวได้ ช้าลง มิฉะนั้นจะมีผลต่อความสูงของเด็กได้

สำหรับปัจจัยที่จะช่วย เพิ่มความสูงให้กับเด็กวัยรุ่นได้มี 4 ประการด้วยกัน คือ

  1. พันธุกรรม มีสัดส่วนประมาณ 50%
  2. ฮอร์โมน
  3. โภชนาการ
  4. การออกกำลังกาย

ซึ่งทั้ง 3 ข้อหลังนี้รวมกันประมาณ 50% ดังนั้นถ้าพ่อแม่มีความสูงไม่มากนัก อาจจะปรับเปลี่ยนไปเน้นในปัจจัยอื่น ๆ ที่จะช่วยเพิ่มความสูงได้

โดยเฉลี่ยแล้วความสูงของลูกนั้นมีสูตรคำนวณ คือ
เด็กชาย = (ความสูงของพ่อ + ความสูงของแม่ + 13) หาร 2 ความสูงที่ควรจะเป็น + 8
เด็กหญิง = (ความสูงของพ่อ + ความสูงของแม่ – 13) หาร 2 ความสูงที่ควรจะเป็น + 6

5 วิธี เพิ่มความสูงให้ลูก ตามเกณฑ์ แม้พ่อแม่เตี้ย

ดังนั้นถ้าไม่อยากให้เกิดปัญหา ความสูงของลูก  พ่อแม่ควรเอาใจใส่และส่งเสริมลูกในเรื่องต่างๆ ดังนี้

1. การจัดเตรียมอาหารและนม

ควรให้ลูกกินให้ครบ 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ และไขมัน แต่เด็กยุคใหม่มักไม่ค่อยรับประทานผักผลไม้ ชอบอาหารฟาสต์ฟู้ดมากกว่า จึงจำเป็นที่คุณพ่อคุณแม่ปลูกฝังให้เด็กๆ กินผักผลไม้ตั้งแต่เด็กๆ นอกจากนี้ ควรดื่มนมวันละ 2 กล่อง 250 มิลลิลิตรขึ้นไป โดยแนะนำให้เป็นนมจืด

 เพิ่มความสูงให้ลู

2. การเข้านอนก็สำคัญ

หนึ่งในวิธี เพิ่มความสูงให้ลูก ที่สำคัญ ซึ่งควรให้ลูกเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม เพื่อให้ฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโต (growth hormone) ได้ทำงานได้อย่างเต็มที่โกรทฮอร์โมน เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยสร้างความสูงและการเจริญเติบโตของร่างกายในด้านต่างๆเวลาที่ลูกหลับสนิทในช่วงตั้งแต่ 4 ทุ่ม เป็นต้นไป เมื่อลูกเข้านอนเร็วแล้วหลับสนิทตลอดทั้งคืน ก็จะทำให้โกรทฮอน์โมนนี้ทำงานได้อย่างเต็มที่ส่งผลให้ร่างกายของลูกเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ ทำให้ลูกมีความสูงที่เพิ่มขึ้นด้วย แนะนำให้นอนอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง

3. ออกกำลังกายเพื่อความสูง

การออกกำลังกายของเด็กนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังจะสามารถเพิ่มความสูงให้ลูกอีกวิธีหนึ่งการออกกำลังกายประเภทกระโดดสูง หรือกระโดดเชือก ถือว่าเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มความสูง เพราะการออกกำลังประเภทดังกล่าวเป็นการกระตุ้นการยืดกล้ามเนื้อบริเวณขาและกระตุ้นการหลังของโกรทฮอร์โมนเพิ่มมากขึ้นเป็นตัวช่วยในการกระตุ้นความเจริญเติบโตของร่างกายลูกอีกด้วย

4. ใช้เทคนิค เพิ่มความสูงให้ลูก จากแพทย์ญี่ปุ่น

สามารถทำได้ทุกวัย เป็นเทคนิคที่ต้องทำเป็นประจำวันละ 1 นาที สั้นๆ ทำง่ายๆ โดยให้ลูกนั่งคุกเข่าแล้วโน้มตัวไปด้านหลังจนเหมือนการนอนราบ ยืดแขนขึ้นด้านบนราบกับพื้น ทำท่านี้ค้างไว้ 1 นาทีท่านี้สามารถทำให้กระดูกที่งอหรือคดกลับมาตรงได้เหมือนเดิม จะทำให้รู้สึกว่าสูงขึ้นอีกเล็กน้อย

5. ปรึกษาคุณหมอ

สุดท้ายแล้วหากเกิดความสงสัยในร่างกายของลูก หรือคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูกตัวเล็กหรือเตี้ยไม่สูงขึ้นเลยในช่วง 1-2 ปี ดูแล้วว่าลูกน่าจะตัวเตี้ยกว่าเพื่อนๆที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อันดับแรกใช้คุณแม่วัดความสูงเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานในช่วงอายุของลูก หากความสูงนั้นต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน สามารถพาลูกเข้าพบคุณหมอเพื่อปรึกษาหาทางแก้ปัญหาความสูงของลูกได้เลย คุณหมอจะสามารถแนะนำวิธีเพิ่มความสูงให้ลูก ได้อย่างถูกต้องแน่นอนและเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับลูกอีกด้วย

ดังนั้นหากอยากเพิ่มความสูงให้ลูก สิ่งสำคัญคือ คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นตรวจเช็คการเจริญเติบโตของลูก ว่ามีปัจจัยใดที่จะทำให้ลูกเรามีแนวโน้มเตี้ยหรือไม่ เพื่อรับคำปรึกษาจากคุณหมอและดูแลลูกได้อย่างถูกวิธีนะคะ

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก :


ขอบคุณข้อมูลจาก :  ศิราณี วงษ์โซ  ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ , www.guidemama.comwww.khaosod.co.th

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

เรื่องที่คนอ่านมากสุด

keyboard_arrow_up