หน้ากากอนามัย กลายเป็นอาวุธสำคัญเพื่อปกป้องลูกจากเชื้อโรคร้ายอย่าง ไวรัสโคโรน่า และฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ที่กำลังจู่โจมอย่างหนักอยู่ตอนนี้ แต่ไม่มีเด็กคนไหนชอบใส่หน้ากาก เพราะมันทั้งอึดอัด หายใจไม่สะดวก แถมเกะกะเวลาเล่น จึงไม่ยอมใส่หน้ากากง่าย ๆ แล้วแบบนี้ แม่จะทำยังไงดี !!
หัดลูกใส่ หน้ากากอนามัย อย่างอ่อนโยน ไม่งอแง ไม่ดึงออก อยากใส่เอง
จากสถานการณ์ของฝุ่น PM2.5 ที่พุ่งสูงขึ้นจนเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และยังคงสูงต่อเนื่องไปจนกว่าจะหมดหน้าหนาว การปล่อยให้ลูกน้อย ซึ่งอยู่ช่วงวัยที่ระบบทางเดินหายใจ ระบบภูมิคุ้มกันยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้ฝุ่นละอองหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปถึงปอดส่วนลึกได้โดยตรง เร็ว และง่ายกว่าผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้ร่างกายของเด็กๆเกิดอาการผิดปกติหลายอย่าง
แต่ฝุ่นพิษยังไม่ทันจาง ก็มีข่าวร้ายให้คุณพ่อคุณแม่ต้องกังวลเพิ่มอีก เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของ ไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ ในประเทศจีน ต้นเหตุของโรคปอดอักเสบ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อนับพันคน เสียชีวิตแล้วหลักสิบคน และเริ่มแพร่ระบาดไปในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยด้วย ไวรัสชนิดนี้สามารถติดต่อได้ง่ายๆผ่านละอองจากการไอจาม ทุกคนในครอบครัวจึงจำเป็นต้องใส่ หน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตัวจากภัยที่มองไม่เห็นนี้ เพราะคนที่ร่างกายแข็งแรงก็มีเสี่ยงติดเชื้อได้เท่ากับคนกลุ่มเสี่ยงอย่าง แม่ท้อง เด็ก และ ผู้สูงอายุ
ฝุ่น PM2.5 ยิ่งหนา โคโรน่ายิ่งแข็งแรง
คงไม่มีใครคิดว่า PM2.5 กับไวรัสโคโรน่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงอาจไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อเว็บไซต์ Thaipbs ได้เผยแพร่ข้อมูล
จากนายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยข้อมูลงานวิจัยทางการแพทย์ของจีนเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า ฝุ่น PM2.5 กับไวรัสเป็นปัจจัยเกื้อหนุนกัน เพราะฝุ่น PM2.5 ทำให้เกิดอาการระคายเคือง เยื่อบุตา ปาก ทางเดินหายใจ
หลังจากเกิดการอักเสบแล้ว ไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การแพร่เชื้อผ่านเยื่อบุตาได้ คนจาม ไอ เข้าเยื่อบุตาได้ เอามือลูบหน้าถูกเยื่อบุตาได้ แต่ไวรัสโคโรนาตัวนี้ยังมีฤทธิ์ทำให้ร่างกายคนทั่วๆ ไป เกิดการอักเสบมากกว่าที่ควรจะเป็น แม้แต่ภูมิคุ้มกันที่ปกติจะต้องสร้างมารับมือ ก็ยังรับไม่ไหว
โดยหลังจากสัมผัสโรคแล้วประมาณ 7 วัน จะมีไข้วันแรก พอวันที่ 8 เริ่ม หายใจเหนื่อย วันที่ 9 เริ่มหายใจไม่พอ หายใจลำบาก และวันที่ 10 ครึ่ง จะเข้าไอซียู ซึ่งเป็นลำดับพัฒนาการของโรค ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้เสียชีวิตทุกคน แต่ข้อมูลจากจีน พบว่าถ้าไปโรงพยาบาลตอนออกอาการแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตได้ถึง 14-15%
หน้ากากอนามัยแบบไหน ใช้อย่างไรบ้าง
ในท้องตลาดมี หน้ากากอนามัยให้เลือกหลายแบบตามจุดประสงค์ในการใช้งาน และมีหลายขนาดให้เหมาะกับวัย ส่วนใหญ่จะแยกระหว่างหน้ากากสำหรับผู้ใหญ่ หน้ากากสำหรับเด็ก หน้ากากอนามัยสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังต่อไปนี้
- หน้ากากเยื่อกระดาษ 3 ชั้น
หรือหน้ากากกระดาษสีเขียวที่ใส่ทั่วไปในสถานพยาบาลทั่วไป ชั้นนอกเป็นสีเขียวที่เคลือบด้วยสารกันน้ำ ชั้นกลางมีแผ่นกรองเชื้อโรค ชั้นในสุดเป็นใยอ่อนนุ่มสีขาว ซึมซับละอองจากไอจาม และน้ำมูก สามารถป้องกันเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราได้ดี แต่ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสขนาดเล็กจิ๋วได้ ใส่แล้วต้องทิ้งในถังขยะมีฝาปิด ใช้ซ้ำไม่ได้
- หน้ากากผ้า
เน้นใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูก หรือน้ำลายจากการไอจาม แต่อาจไม่สามารถกรองเชื้อโรคขนาดเล็กมากได้ ซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำได้
- หน้ากาก N95
หน้ากากชนิดนี้ป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด ป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคเล็กสุดได้ถึง 0.3 ไมครอน สามารถป้องกันได้ทั้งฝุ่น PM2.5 และไวรัสโคโรน่าได้ ซึ่งต้องใส่ให้ถูกต้องและไม่มีรูรั่วใดๆ ให้อากาศภายนอกเข้าไป มีอายุใช้งาน 3 สัปดาห์ ราคาค่อนข้างสูง
อ่านต่อ วิธีฝึกลูกให้ยอมใส่หน้ากากอนามัย หน้า 2
ถึงจะอันตรายแค่ไหนแต่กลับไม่ใช่เรื่องสนุกของเด็กๆเลย พอมีอะไรมาปิดปาก ปิดจมูก เจ้าตัวน้อยจะร้องงอแงไม่ยอมใส่ หรือใส่ได้ไม่นานก็แกะออก เพราะใส่แล้วอึดอัด หายใจไม่สะดวกเหมือนปกติ ในเมื่อการใส่ หน้ากากอนามัย ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อได้ จะดื้อแค่ไหนลูกก็ต้องใส่หน้ากาก
- พ่อแม่ใส่เป็นตัวอย่าง
เมื่อพ่อแม่คือต้นแบบดีที่สุดของลูก ถ้าอยากให้ลูกใส่หน้ากากด้วยความเต็มใจ ลองหยิบหน้ากากมาใส่ทุกครั้งที่ออกจากบ้าน ทำเป็นเรื่องปกติ จากนั้นค่อยสอนให้ลูกหยิบหน้ากากสวมด้วยตัวเอง (มีพ่อแม่คอยเป็นผู้ช่วย) ไม่นานลูกจะรู้สึกคุ้นเคยและไม่ต่อต้าน
- เลือกลายการ์ตูนที่ชอบ
หน้ากากธรรมดาอาจดูน่ากลัวเกินไป ลองหา หน้ากากอนามัย สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่มีสีสันสดใส สีฟ้า สีชมพู แล้วมีลวดลายการ์ตูนที่ลูกชอบมาใช้ จะช่วยดึงดูดความสนใจ ช่วยให้การใส่หน้ากากง่ายขึ้นเยอะ
3.เลือกแบบที่สายคล้องหูยืดหยุ่นดี
สายคล้องหูของหน้ากากทั่วไปมักเป็นเส้นพลาสติกที่ใส่แล้วเจ็บหู ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกไม่อยากใส่หน้ากาก ลองเปลี่ยนมาใช้หน้ากากแบบ 3 D ซึ่งสายคล้องหูยืดหยุ่นและกระชับใบหน้า ไม่เจ็บหู ใส่ได้นาน
4. เลือกแบบที่ใส่แล้วไม่อึดอัด
สำหรับหน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เวลาใส่จะค่อนข้างแน่น หายใจลำบาก ลูกจึงใส่ได้ไม่นานและอาจทำให้ไม่ยอมใส่อีกเลย ลองเปลี่ยนมาใช้หน้ากากแบบที่มีวาล์วช่วยระบายอากาศ ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นและก็ยังกรองฝุ่นได้ด้วย
5.ไม่บังคับ ทำเป็นเกมเล่นสนุก
เด็กๆไม่ชอบถูกบังคับ ลองเปลี่ยนจากเรื่องที่ต้องทำด้วยความไม่เต็มใจ มาเป็นเกมใส่หน้ากากแสนสนุกแทน เช่น จับเวลาใครใส่หน้ากากได้นานกว่ากัน แข่งใส่หน้ากากใครก่อนกัน หรือจะเปลี่ยนหน้ากากธรรมดาเป็นกระดานวาดภาพ อวดฝีมือของลูกน้อย ประดิษฐ์หน้ากากชิ้นเดียวในโลก
บทความน่าสนใจอื่นๆ
ต้นไม้ฟอกอากาศ ช่วยดูดฝุ่น-ลดสารพิษ ได้จริงหรือ?
รีวิว หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 เลือกใส่แบบไหน ปลอดภัยทั้งแม่และลูกน้อย
แหล่งข้อมูล : www.chiangmainews.co.th https://news.thaipbs.or.th/
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่