คุณแม่รู้หรือไม่? มี อาหารห้ามแช่ตู้เย็น อยู่หลายอย่าง ซึ่งหากนำอาหารเหล่านี้ไปไว้ในตู้เย็นอาจทำให้รสชาตินั้นเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพของลูกน้อย และทุกคนในครอบครัวได้
เชื่อว่ามีคุณแม่บ้านและคุณพ่อบ้านหลายคน อาจเคยชินกับการเก็บวัตถุดิบอาหารเหล่านี้เอาไว้ในตู้เย็น เพราะคิดว่าตู้เย็นจะช่วยถนอมอาหารให้เก็บไว้กินได้นานขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก เนื่องจากอาหารบางชนิด ควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องก็พอแล้ว ทั้งนี้การนำไปแช่ตู้เย็นอาจจะทำอาหารเน่าเสีย และมีรสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิมอีกด้วย
22 อาหารห้ามแช่ตู้เย็น เด็ดขาด!
เสี่ยงทำลายสุขภาพลูกน้อย
และคิดว่าการนำไปแช่ตู้เย็น เป็นวิธีถนอมอาหารที่ดีที่สุด คงความสดใหม่ไว้ได้นานที่สุด แต่คุณพ่อคุณแม่รู้หรือไม่ว่า มีอาหารสดหลายอย่างที่ห้ามนำไปแช่ตู้เย็นโดยเด็ดขาด เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย และทุกคนในครอบครัว Amarin Baby & Kids จึงจะมาบอกว่า มีอะไรที่ห้ามแช่ตู้เย็นบ้าง แล้วถ้านำไปแช่เย็นจะเกิดอะไรขึ้น ตามไปดูกันเลยค่ะ
1. มะเขือเทศ
หากนำผลมะเขือเทศสดๆ ไปแช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานาน ผิวที่เคยเต่งตึงก็จะเหี่ยวช้ำ รวมทั้งรสชาติจะเพี้ยนตามไปด้วย วิธีการเก็บมะเขือเทศที่ดีที่สุดคือ ใส่ไว้ในตะกร้าหรือกล่องพลาสติก แล้ววางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ แต่ถ้าอยากให้มะเขือเทศสุกเร็วขึ้น แนะนำให้ห่อไว้ในถุงกระถางอีก 1 ชั้น
2. มันฝรั่ง
ถ้าเผลอนำมันฝรั่งเข้าไปแช่ไว้ในตู้เย็น จากรสชาติที่มันๆ นุ่มๆ ก็จะกลายเป็นรสเฝื่อนเหมือนแป้ง และเนื้อสัมผัสจะหยาบคล้ายเนื้อทราย ฉะนั้นเราควรจะเก็บมันฝรั่งไว้ในถุงกระดาษ แล้ววางไว้ในตู้กับข้าว นอกจากนี้ห้ามใส่ไว้ในถุงพลาสติก เพราะจะทำให้เกิดความชื้นและเชื้อรา
3. กระเทียม
เป็นอาหารที่ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด มิเช่นนั้นกระเทียมจะเน่าเสียเร็วขึ้น หรืออาจมีต้นอ่อนงอกออกมา วิธีการเก็บกระเทียมที่ถูกต้องคือ เก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำและไม่โดนแสงแดด
4. หัวหอมใหญ่
ที่เก็บไว้ในตู้เย็นจะถูกความชื้นเข้าไปทำลายเนื้อสัมผัสเดิม จะทำให้หัวหอมนิ่มและเละ แนะนำให้เก็บไว้ในถุงกระดาษเจาะรูหรือถุงตาข่ายที่มีอากาศถ่ายเท จากนั้นวางไว้ในที่ที่เย็นและอับแสง
อ่านต่อ >> “อาหารห้ามแช่ตู้เย็น ทำรสชาติผิดเพี้ยน และเสี่ยงทำลายสุขภาพลูกน้อย” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
5. ใบโหระพา/ใบกะเพรา
เพราะจะทำให้ใบโหระพานั้นแห้งและเหี่ยวไว ไม่เพียงเท่านั้น ใบโหระพายังดูดซับกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาไว้ในตัวอีกด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ก็จะนำไปประกอบอาหารไม่ได้อีกต่อไป
⇒ Must read : แม่แชร์สูตร! อาบน้ำใบกะเพรา ระเบิดพุง แก้ปัญหาลูกท้องผูก
⇒ Must read : อาหารบำรุงน้ำนม สำหรับคุณแม่หลังคลอด
6. ฟักทอง
อย่าปล่อยให้ความเย็นในตู้เย็นทำรสชาติของฟักทองหายหมด แต่ควรเก็บไว้นอกตู้ในที่ที่เป็นอุณหภูมิห้อง เพื่อรักษาความเหนียวและรสชาติหวานๆ ของฟักทองให้ยังคงอยู่
7. กล้วย
หากลูกน้อย หรือคุณพ่อคุณแม่ชอบกินกล้วยแช่เย็น ก็คงต้องเลือกหน่อยแล้ว เพราะถ้าหากนำกล้วยที่เปลือกยังมีสีเขียวไปแช่ในตู้เย็น ความเย็นจะกักเก็บความสดไว้ ทำให้กล้วยสุกช้าลงมาก ทางที่ดีควรเก็บกล้วยที่ยังเขียวเอาไว้นอกตู้เย็น เพื่อรอให้มันสุกได้ที่แล้วค่อยนำไปแช่จะดีกว่า แม้ว่าเปลือกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่เนื้อด้านจะยังคงสุกพร้อมกินเหมือนเดิม
⇒ Must read : อุทาหรณ์! ลูกไม่โต เพราะ กล้วยอุดตันลำไส้ จนเน่า
8. แตงโม
หลายคนคิดว่าการแช่แตงโมไว้ในตู้เย็นจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินมากขึ้น แต่จริงๆ แล้วแตงโมที่ถูกเก็บไว้ในอุณหภูมิต่างหากจะมีรสชาติที่พอดี และเนื้อสัมผัสจะยังคงสดใหม่ไม่ช้ำง่าย ถ้าอยากจะกินแบบเย็นขึ้นมา แนะนำให้ตัดแบ่งออกเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยนำไปแช่
9. เมล่อน
ควรจัดเก็บเมลอนไว้บนเคาท์เตอร์เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับแตงโม แคนตาลูป และเมล่อนผิวเรียบ งานวิจัยของ USDA พบว่าการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องจะไม่ทำให้เมล่อนสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระและเมื่อหั่นเป็นชิ้นก็ควรเก็บไว้ในตู้เย็นประมาณ 3-4 วัน
10. ส้ม
ทั้งส้มและเลมอนต่างก็เป็นพืชในตระกูลเดียวกัน และก็ต้องไม่เก็บไว้ในตู้เย็นเช่นเดียวกัน ทางที่ดีควรเก็บไว้นอกตู้เย็น วางไว้ในที่ที่เย็นและไม่มีแสงส่องถึง อุณหภูมิห้องจะดีต่อพืชผลเหล่านี้มากที่สุด
⇒ Must read : น้ำผลไม้ (น้ำส้มคั้น) อย่าให้ลูกอายุน้อยกว่า 1 ขวบกิน!!
อ่านต่อ >> “อาหารห้ามแช่ตู้เย็น ทำรสชาติผิดเพี้ยน และเสี่ยงทำลายสุขภาพลูกน้อย” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
11. อะโวคาโด
ที่ซื้อมายังดิบและแข็งอยู่ อย่านำให้ไปแช่ในตู้เย็นเด็ดขาด เพราะอะโวคาโดจะไม่ยอมสุกงอมง่ายๆ ดังนั้นจึงควรเก็บเอาไว้นอกตู้เย็น จะวางไว้ที่เคาน์เตอร์ครัวหรือที่ไหนก็ได้ที่เป็นอุณหภูมิห้อง
⇒ Must read : ประโยชน์ของอะโวคาโด และวิธีเลือกอะโวคาโดให้สุกพอดีกินเพื่อลูกน้อยโดยเฉพาะ!
12. แอปเปิล
เรียกได้ว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพและความสวยความงามตัวแม่เลยค่ะ ฉะนั้นถ้าเราตั้งใจจะกินแอปเปิลให้หมดภายใน 2 สัปดาห์ ก็ให้วางไว้นอกตู้เย็น หรือจะวางตามเคาน์เตอร์ครัวก็ได้ไม่ว่ากัน
⇒ Must read : พ่อแม่ระวัง ลูกดื่มน้ำแอปเปิ้ลแล้วไอเป็นเลือด
13. ผลไม้อบแห้ง
การเก็บผลไม้อบแห้งไว้ในตู้เย็นจะช่วยตัดปัญหาเรื่องมดไปได้ก็จริง แต่เมื่อเรานำผลไม้อบแห้งออกมากิน ก็จะพบว่ามันแข็งจนกินแทบไม่ได้ ดังนั้นควรหากล่องหรือถุงซิปล็อกมาใส่แล้ววางไว้ด้านนอกแทน ไม่ว่ามดแมลงหน้าไหนก็มายุ่งกับผลไม้อบแห้งของเราไม่ได้แล้ว
14. ขนมปัง
การนำขนมปังมาสต็อกเก็บไว้อาจจะต้องวางแผนให้ละเอียดนิดหนึ่ง ถ้าจะกินภายใน 1 สัปดาห์ สามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นได้ เพราะถ้าหากนำไปแช่ไว้จะทำให้ขนมปังคืนตัว มีเนื้อสัมผัสแห้ง และกระด้างไม่น่ากิน ส่วนใครที่อยากเก็บไว้กินนานๆ ให้ใส่ขนมปังไว้ในถุงซิปล็อกและแช่ไว้ในช่องแช่แข็งเท่านั้น
⇒ Must read : ขนมปังโฮลวีต เลือกแบบไหน อย่างไรให้ลูกดี
15. ถั่ว
ถ้าวางแผนที่จะกินถั่วให้หมดภายใน 1 เดือน ก็สามารถเก็บไว้นอกตู้เย็นที่ที่เป็นอุณหภูมิห้องได้ แต่ถ้าจะเก็บเอาไว้กินนานเกิน 1 เดือนขึ้นไป แนะนำให้แช่ไว้ในตู้เย็นเลยดีกว่า เพราะความเย็นจะช่วยหยุดยั้งไม่ให้น้ำมันถั่วที่ทำให้เหม็นหืนออกมาได้
16. สมุนไพรสด
สมุนไพรสดที่เพิ่งได้มา อย่านำไปแช่ไว้ในตู้เย็นโดดเด็ดขาด เพราะสมุนไปเหล่านี้จะคอยดูดกลิ่นของอาหารรอบข้างเข้าไป ทำให้รสชาติผิดเพี้ยนไปจากเดิม ฉะนั้นแนะนำให้เอาสมุนไพรสดมาปักลงในขวดแก้วที่มีน้ำหล่ออยู่เพื่อความสดใหม่ หรือเก็บไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิดแล้วค่อยนำไปแช่ในตู้เย็น ก็จะช่วยรักษาความสดใหม่ได้ดีกว่า
⇒ Must read : สมุนไพรไทย บำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนม ตัวไหนที่คุณแม่ทานได้!
อ่านต่อ >> “อาหารห้ามแช่ตู้เย็น ทำรสชาติผิดเพี้ยน และเสี่ยงทำลายสุขภาพลูกน้อย” คลิกหน้า 4
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
17. เครื่องเทศ
รสชาติเครื่องเทศคือสิ่งที่เราต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะถ้าหากนำไปแช่ไว้ในตู้เย็น ความชื้นจะทำให้สูญเสียรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวไป ฉะนั้นให้เก็บเครื่องเทศไว้ในบรรจุภัณฑ์ที่มีฝาปิด แล้ววางไว้ในที่ที่เย็นและแห้ง
18. น้ำมัน
ใครที่เคยนำน้ำมันไปแช่ไว้ในตู้เย็นให้รีบเอาออกมาด่วน มิเช่นนั้นน้ำมันจะแข็งตัวและจับตัวเป็นไขทำให้ปรุงอาหารลำบาก เอาเป็นว่าก็เก็บไว้ด้านนอกในที่เย็นและไม่มีแสงแดดส่องถึงเหมือนดีกว่า
19. เนยถั่ว
เนยถั่วขวดไหนที่ถูกเปิดฝาแล้วอย่านำไปแช่ไว้ในตู้เย็นเด็ดขาด ให้วางด้านนอกที่มีอุณหภูมิห้อง เมื่อครบ 3 เดือนให้นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อยืดอายุให้นานขึ้น แต่ถ้าเป็นเนยถั่วที่ทำเองและต้องการกินให้หมดภายใน 1 เดือน แนะนำให้เก็บไว้นอกตู้เย็นเช่นเดียวกัน รสชาติก็จะยังคงเหมือนเดิม
20. น้ำผึ้ง
หลายคนคิดว่าควรเก็บน้ำผึ้งไว้ในตู้เย็นเพื่อรักษารสชาติและป้องกันมดแมลง ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่จะทำให้น้ำแข็งตัวและตกผลึก แถมยังเพิ่มปริมาณความหวานให้มากขึ้นอีกด้วย เอาเป็นว่าเลือกเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดมิดชิด วางไว้ในที่ที่อุณหภูมิเย็น และไม่โดนแสงแดด
⇒ Must read : เด็กชายญี่ปุ่นวัย 6 เดือน เสียชีวิตด้วยโรคโบทูลิซึมในทารก เพราะน้ำผึ้งเป็นเหตุ!
21. กาแฟ
ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยกำจัดกลิ่น เราจึงไม่ควรเก็บกาแฟเอาไว้ในตู้เย็นโดนเด็ดขาด มิเช่นนั้นมันจะดูดกลิ่นอาหารต่างๆ ที่อยู่ในตู้เย็นเข้าไป ทำให้รสชาติของกาแฟผิดเพี้ยนตามไปด้วย แนะนำให้เก็บไว้ในขวดโหลที่มีฝาปิดสนิท และวางไว้ในที่ที่ไม่มีแสงส่องถึง
⇒ Must read : คนท้องกินกาแฟได้ไหม เกิน 2 แก้ว เสี่ยงแท้ง
22. ซอสพริก
สิ่งสุดท้ายที่ไม่ควรนำไปแช่เย็น ก็คือ ซอสพริก ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำไปแช่ตู้เย็น เพราะมันสามารถเก็บไว้ตามอุณหภูมิห้องได้ถึง 3 ปีเลยทีเดียว และถ้านำไปแช่ตู้เย็นเมื่อไร ซอสพริกก็จะแข็งตัวได้ กว่าจะนำมาปรุงอาหารจานด่วนได้ก็ต้องเสียเวลารอซอสพริกให้ละลายก่อน
สำหรับ 22 อาหารห้ามแช่ตู้เย็น ตามที่กล่าวมาข้างต้น อาจมีบางอย่างที่สามารถนำเข้าไปไว้ตู้เย็นได้บ้าง แต่ก็ไม่ควรเอาไว้นาน เพราะแม้ว่าตู้เย็นจะช่วยรักษาสภาพอาหาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาอาหารทุกชนิดไปเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นได้ อีกทั้งอาจทำให้อาหารบางอย่างเสียเร็วขึ้น เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็รีบไปเช็กตู้เย็นที่บ้านว่า ได้แช่สิ่งเหล่านี้ไว้บ้างหรือเปล่า ถ้ามีก็รีบเอาออกทันทีเลยนะคะ เพื่อไม่ให้อาหารนั้นเสียรสชาติหรือส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสุขภาพของลูกน้อย และทุกคนในครอบครัวได้
อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!
- เก็บยาในตู้เย็น บริเวณไหนปลอดภัย ช่วยลดยาเสื่อมสภาพ
- เคล็ดลับแม่บ้าน เทคนิคเก็บอาหารให้อยู่นาน คงคุณค่าสูง!
- อาหารแช่แข็ง อันตรายกับลูกน้อยจริงหรือไม่?
- เตือนแม่!! 11 ภาชนะ ห้ามใส่อาหารเข้าอุ่นไมโครเวฟ อันตรายต่อสุขภาพลูกน้อย
ขอบคุณข้อมูลจาก : cooking.kapook.com