เมื่อ ทารกเป็นหวัด รู้ไหมว่าเด็กแต่ละคนมีโอกาสป่วยเป็นหวัดได้บ่อยครั้งต่างกัน และพ่อแม่มักคิดว่าลูกจะป่วยเป็นหวัดก็แค่ปีละครั้งเฉพาะหน้าฝนเท่านั้น ความจริงคือเด็กทุกคนสามารถป่วยเป็นหวัดได้ตลอดปี ซึ่งที่เป็นแบบนี้ก็เนื่องมาจากเด็กแต่ละคนมีภูมิคุ้มกันโรคไม่เหมือนกัน ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีเรื่องที่พ่อแม่ควรรู้เมื่อ ลูกเป็นหวัด มาให้ทราบกันค่ะ
เมื่อ ทารกเป็นหวัด – โรคหวัดคืออะไร?
โรคหวัด (Common cold) ที่เราจะพูดกันถึงนี้คือโรคหวัดธรรมดาที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเจ็บป่วยได้เหมือนกันโดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่มักพบว่าป่วยเป็นหวัดได้บ่อยถึงปีละ 6-8 ครั้ง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าเด็กมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้ ทารกเป็นหวัด ได้บ่อย และอย่างที่บอกค่ะว่าโรคหวัดสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะกับหน้าฝน หรือหน้าหนาวเท่านั้น
Must Read >> ไข้ หรือ ตัวร้อน เรื่องที่พ่อแม่ต้องรู้ และดูอาการลูกให้เป็น!!
โรคหวัดมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ที่ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะระบบทางเดินหายใจ ซึ่งไวรัสที่พบว่าก่อโรคหวัด ก็คือ กลุ่มไรโนไวรัส (Rhinoviruses) และ โคโรนาไวรัส(Coronaviruses)
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ทารกเป็นหวัด มีอาการอย่างไร?
เมื่อ ทารกเป็นหวัด พ่อแม่มือใหม่มักมีความสับสนปนไม่แน่ใจว่าลูกเป็นหวัดธรรมดา หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ สำหรับโรคหวัด สามารถสังเกตอาการได้ดังนี้…
- เด็กที่ป่วยเป็นหวัดธรรมดา มักจะไม่มีอาการรุนแรงมาก
- เด็กจะมีไข้ แต่ไม่สูง คือเมื่อวัดไข้อุณหภูมิร่างกายมักจะไม่เกิน 38 องศาเซลเซียส
- เด็กจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เด็กจะมีน้ำมูกใส คัดจมูก และมีการจาม
- เด็กจะมีอาการไอ และเจ็บคอ
- เด็กบางคนอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
ไข้หวัดธรรมดา จากการติดเชื้อไวรัส มักจะทำให้ลูกมีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ส่วนใหญ่เป็นอยู่ประมาณ 5-7 วัน แล้วก็จะค่อยๆ มีอาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติ โดยส่วนใหญ่เมื่อ ทารกเป็นหวัด แล้วไปพบคุณหมอหากเป็นไม่มาก อาจได้รับยามาทานต่อที่บ้าน ซึ่งมักจะเป็นยาลดไข้สำหรับเด็กเพื่อช่วยบรรเทาอาการไข้
สำหรับโรคหวัดที่เกิดขึ้นกับลูกเล็กๆ นั้น พ่อแม่สามารถดูแลรักษาอาการหวัดให้ลูกดีขึ้นจนหายจากหวัดได้ ซึ่ง แพทย์หญิงปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต จากเพจ Dr.Pam book club(1) ได้ให้ความรู้พ่อแม่ในการดูแลลูกเล็กเมื่อ ลูกป่วยเป็นหวัด ให้ได้เข้าใจกันอย่างถูกต้อง มีดังนี้
6 เรื่องที่พ่อแม่ต้องเข้าใจเมื่อ ทารกเป็นหวัด
1. เด็กเล็กหายใจทางจมูกเท่านั้น
เด็กเล็กนั้น โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ปี ลิ้นจะมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับช่องปาก เพราะฉะนั้น เขาจะหายใจผ่านจมูก มากกว่า 90% และเหตุนี้แม้เราจะคิดว่าการเป็นหวัด เป็นเพียงการเจ็บป่วยเพียงเล็กน้อยในผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กเล็กนั้นการเป็นหวัด ทำให้ทรมาณมากทีเดียว เพราะการที่เยื่อบุจมูกบวมขึ้นเพียงแค่ 1 มิลลิเมตรอาจทำให้การต้านทานอากาศเพิ่มขึ้น หายใจเอาลมเข้าไปยากขึ้น ถึง 16 เท่า
หัวใจสำคัญของการรักษาโรคหวัดในเด็ก ก็คือ nose care พ่อแม่สามารถช่วยลูกด้วยการหยดน้ำเกลือเพื่อชะล้างน้ำมูกที่อยู่ในโพรงจมูกอันกว้างขวาง และน้ำมูกหลังลำคอที่ทำให้เกิดเสียงครืดคราด
ควรหยดน้ำเกลือในจมูกตอนไหน ? จริงๆ ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการเพราะไม่ได้มีอันตรายอะไร แต่อย่างน้อย ถ้าแม่ไม่อยากทำ หรือทำยาก ไม่ถนัดคือต้องหยดให้ลูกก่อนนอน
2. ถึงจะมีไข้ แต่ถ้ายังยิ้มได้ กินนมได้ ถือว่าอาการไม่น่าห่วง
พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะกังวลกับการมีไข้ของลูก หมอจะบอกว่า “ไข้” เป็นกระบวนการตอบสนองต่อเชื้อโรคตามธรรมชาติของร่างกายไม่ว่าติดเชื้อใดๆ ก็จะมีไข้ ซึ่งแปลได้ว่ามีการทำงานของภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นแล้ว การมีไข้ ทำให้เด็กไม่สบายตัว พ่อแม่สามารถช่วยลูกได้ด้วยการเช็ดตัว เพราะทำให้สบายตัวได้ทันที การเช็ดตัวที่ถูก คือเอาผ้าชุบน้ำ บิดให้หมาดและถูโดยออกแรงเล็กน้อย เพื่อให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว จะได้ระบายความร้อนออกไปเช็ดสวนกับรูขุมขน
ส่วนยาลดไข้ให้กินได้ตามความเหมาะสม ถ้าให้ดีแม่มือใหม่ควรซื้อปรอทวัดไข้ไว้ที่บ้าน เพราะการจับหน้าผากด้วยมือไม่แม่นยำ ถ้าไข้สูง (>38.2C) ให้กินยาลดไข้ก็จะช่วยให้ไข้ลดเร็วขึ้นค่ะ แต่ถ้าไข้ต่ำๆ แค่เช็ดตัวก็เอาอยู่แล้วค่ะ
3. น้ำเกลือหยดจมูกไม่ทำให้สำลัก และต้องไม่มีน้ำมูกไหลออกจากจมูกอีกฝั่ง เพราะไม่เหมือนการล้างจมูก
สิ่งที่หมอจะให้คู่กับยาลดไข้ เวลาเด็กเป็นหวัดคือน้ำเกลือเอาไว้หยดจมูก น้ำเกลือหยดจมูกไม่เหมือนเอาน้ำเกลือมาล้างจมูก (nasal irrigation) นะคะ
น้ำเกลือหยดจมูก มักใช้ในเด็กเล็กที่ยังนั่งเองไม่ได้ ไม่แนะนำให้ “ล้างจมูก” ในเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน เพราะเขายังกลั้นหายใจตามจังหวะการพ่นน้ำเกลือเข้าจมูกไม่ได้ พ่อแม่มักจะถามว่าเด็กจะสำลักมั้ยถ้าเพียงแต่หยดลงไป 2-3 หยดต่อข้าง น้ำเกลือไม่ลงมาถึงกล่องเสียงหรือหลอดลมค่ะ ไม่สำลักหยดได้ค่ะ เด็กอาจจะร้องไห้ปกติอยู่แล้ว แต่หลังจากหยดน้ำเกลือ เขาจะรู้เลยว่าหายใจสบายขึ้น ถ้าพ่อแม่ทำบ่อยๆ ลูกจะเรียนรู้ไปเองค่ะ
อ่านต่อ >> “6 เรื่องที่พ่อแม่ต้องเข้าใจ เมื่อลูกเป็นหวัด” หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
4. หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดน้ำมูก
เป็นหวัด หมายถึง การติดเชื้อไวรัสทางเดินหายใจที่แสดงอาการเด่นบริเวณจมูกและลำคอ ไวรัส ไม่มียาฆ่าเฉพาะหายได้ด้วยภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของเด็กเอง
ซึ่งยาที่จ่ายกันเวลาเด็กเป็นหวัดเป็นยาบรรเทาอาการเท่านั้น มีไข้ก็ให้ยาลดไข้ มีน้ำมูกก็ให้ยาลดน้ำมูก ถ้าไอก็ให้ยาละลายเสมหะ แต่ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 1 ปี ไม่ควรกินยาลดน้ำมูก ยากลุ่มนี้คือ anti-histamine ซึ่งไม่ได้ช่วยให้การอักเสบในเยื่อบุทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ออกฤทธิ์ลดการหลั่งสารคัดหลั่งของทางเดินหายใจ ซึ่งก็คือ น้ำมูก และเสมหะ มีรายงานว่าการใช้ anti-histamine เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดการหลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ มากกว่า ดังนั้น ถ้าจะใช้ควรใช้อย่างระมัดระวัง
5. ไม่ใช่หมอคนสุดท้ายเก่ง แต่หวัดถึงเวลาหายพอดี
คุณคิดว่าลูกจะหายจากหวัดภายในกี่วันคะ? เป็นคำถามที่หมอมักจะถามพ่อแม่เสมอเพราะเวลาลูกป่วยเวลา 1 วัน เหมือนนานเป็นปียิ่งเด็กเล็กเป็นหวัด เรียกว่าไม่ได้นอนกันทั้งครอบครัว
หมอจะบอกว่าหวัดใช้เวลา 7-10 วันกว่าจะหาย อาการจะ peak ที่วันที่ 2 เป็นเวลาที่พ่อแม่พาลูกไปหาหมอคนแรก พอได้ยามากิน พ่อแม่คาดหวังถึงคำว่า “หาย” ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ เพราะยาที่ให้ มันแค่ช่วยบรรเทาอาการเท่านั้น พอมันไม่ได้อย่างที่ใจคิดบวกความไม่รู้ ก็มักจะพาไปหาหมอคนที่ 2 คนที่ 3 หมอคนสุดท้าย…มักจะเป็นหมอที่เก่งสุดเสมอ เพราะมาในเวลาที่โรคกำลังจะหายอยู่แล้ว
ลูกเป็นหวัด กว่าจะหาย 5-10 วัน โดยที่วันที่อาการหนักจะเป็น 1-3 วันแรก หลังจากนั้นอาการจะดีขึ้นตามลำดับ แต่ถ้ามีอาการที่ไม่ใช่ของหวัด ก็ต้องพาไปพบแพทย์ เช่น ไข้สูงลอย เด็กหอบเหนื่อย ไม่เล่น ไม่กิน เช่นนี้คือสัญญาณบ่งบอกว่ามีภาวะแทรกซ้อน เอาเป็นว่า เชื่อสัญชาตญานความเป็นแม่นะคะ แม่นสุดแล้ว
6. เด็กมีพลังฟื้นตัวที่เยี่ยมยอด แม่คือหมอที่ยอดเยี่ยมของลูก
ที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่า การจะหายจากการติดเชื้อไวรัสได้ต้องขึ้นกับความแข็งแรงของเด็กเองร่วมกับการดูแลใกล้ชิดของพ่อแม่ แต่จะอย่างไร ก็ยังมีเรื่องให้กังวลสารพัด ตอนป่วยกินน้อยมาก กินแต่น้ำ ยังมีเสียงครืดคราด ยังมีอาการไออยู่เลย และอีกมากมาย
ถ้าเด็กป่วยแล้วเขายังเล่นได้ นั่นแสดงว่าเขายังไหวอยู่ ส่วนการเบื่ออาหารของเด็กที่ป่วยถือเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อถึงเวลาที่เด็กหายดีแล้วเขาจะทานอาหารชดเชยให้กับร่างกายค่ะ
ดังนั้นหากเมื่อเวลาที่ลูกป่วยแล้วพ่อแม่มีความกังวล แนะนำให้ปรึกษากับคุณหมอนะคะ หมอเด็กเกือบทุกคนเป็นที่ปรึกษาที่ดีค่ะ ถึงจะไม่ได้ยา..แต่ได้ความอุ่นใจ ไม่ต้องกลัวค่ะ ประสบการณ์จะสอนแม่เอง(1)
โรคหวัดหากเกิดขึ้นกับลูกๆ ที่บ้าน พ่อแม่อย่าเพิ่งกังวลใจมากไป เพราะทุกอย่างแก้ไขได้ เพียงแค่ขอให้มีความเข้าใจในอาการป่วยของลูกก่อนในเบื้องต้น จากนั้นก็ให้ดูแลรักษาตามอาการที่คุณหมอแนะนำมาค่ะ ที่สำคัญการที่ลูกจะหายเป็นหวัดได้เร็วพ่อแม่ต้องดูแลในเรื่องอาหาร มีสภาพแวดล้อมที่ดีให้ลูก ที่สำคัญต้องมีความรักการเอาใจใส่ให้กำลังใจลูกด้วย เพราะกำลังใจที่ดีจะช่วยให้ลูกหายจากอาการป่วยได้เร็วขึ้น …ด้วยความใส่ใจและห่วงใยค่ะ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A โรคระบาดที่พ่อแม่ควรรู้
แพ็คเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ระบาด ปี 2560
กลุ่มเสี่ยง ไข้หวัดใหญ่ ที่ควรได้รับวัคซีนทุกปี
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก
1แพทย์หญิงปุษยบรรพ์ สุวรรณคีรี กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจและเวชบำบัดวิกฤต. 6 ข้อที่หมอเด็กอยากบอกเมื่อเด็กเล็กเป็นหวัด. จากเว็บเพจ Dr.Pam book club