เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย ใครเคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกชายบ้างไหมคะ ผู้เขียนเองก็มีลูกชาย อยากรู้จังว่าทุกครอบครัวที่มีลูกชาย มีเรื่องอะไรที่ต้องเจอและรับมือกับลูกชายกันบ้าง ทีมงาน Amarin Baby & Kids ขอแชร์ประสบการณ์การมีลูกชาย พร้อมเรื่องที่เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย
เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย
ใครเคยมีอารมณ์ประมาณว่า “สิ่งที่คิด” กับ “สิ่งที่เห็น” คล้ายๆ กับ before & after ผู้เขียนเป็นบ่อยกับลูกชายจอมซน เพราะเราคงนึกไม่ออกว่าจะทำยังไงให้เด็กผู้ชายนั่งนิ่งๆ สัก 5-10 นาที ต่อให้มีอะไรมาหลอกล่อ เผลอแป๊บเดียววิ่งไปตรงหน้าประตูบ้านซะแล้ว คือมีลูกชายยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้งเสียอีกค่ะ ^_^ แต่ที่พูดมานี้ไม่ใช่จะบอกว่ามีลูกชายแล้วไม่ดีไม่ใช่นะคะ
เด็กผู้ชายจะลักษณะที่ต่างจากเด็กผู้หญิง ก็ตรงที่ไม่ค่อยขี้อ้อนแม่เหมือนลูกสาว แต่จะไปลุยๆ เหมือนกับพ่อ อันนี้ไม่แน่ใจลูกชายบ้านอื่นเป็นเหมือนกันไหมนะ
เด็กผู้ชายจะเล่นแรงๆ และชอบเล่นอะไรแบบเลอะเทอะเต็มบ้าน ไม่ค่อยเป็นระเบียบสักเท่าไหร่
เด็กผู้ชายจะไม่ค่อยชอบให้แม่พูด หรือบ่นมาก แล้วก็จะชอบต่อรอง ถ้าแม่ให้กินข้าวอีกคำ จะขอกินแต่หมูไม่เอาผัก อันนี้ที่บ้านเจอบ่อยมากค่ะ ^_^
เด็กผู้ชายชอบชุดเสื้อผ้าแบบแมนๆ ยิ่งถ้าเป็นเสื้อผ้าที่มีลายการ์ตูน ลายซูเปอร์ฮีโร่ที่ชอบนี่ขอให้พ่อกับแม่ซื้อให้เลย
เด็กผู้ชายอยากเป็นซูเปอร์แมน เพราะบินได้ แต่ความจริงเราต้องบอกเขานะคะ ชีวิตจริงลูกไม่สามารถบินได้ อันนั้นเป็นในหนัง ในการ์ตูนเท่านั้นที่ทำได้
นี่แค่พอหอมปาก หอมคอ ที่เจอกับลูกชายที่บ้าน ซึ่งต่อไปที่เป็นไปตามวัยของเขา คุณพ่อคุณแม่ยังจะต้องเจอ และต้องรับมือกับเด็กผู้ชายอีกเยอะค่ะ เอาเป็นว่าเราลองไปดูเรื่องเหล่านี้ที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกับเด็กผู้ชาย ที่เราในฐานะพ่อแม่ควรจะรู้และเตรียมใจไว้ให้พร้อมกันค่ะ
อ่านต่อ >> “10 เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย” หน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
10 เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย
1. ชอบท้าทายพ่อแม่
เด็กผู้ชายเมื่อถึงวัยเริ่มที่จะพูดได้คล่อง และเข้าใจความหมายที่พ่อแม่พูด เขาจะไม่ทำตามแต่ออกจะดื้อๆ ท้าทายในสิ่งที่พ่อแม่บอกให้ฟัง เพราะเด็กเริ่มรู้แล้วว่าสิ่งที่เคยถูกห้ามไม่ทำนั้นสามารถทำได้ เช่น แม่บอกห้ามวิ่งขึ้นลงบันไดบ้าน เดี๋ยวตกลงมา เขาก็จะไม่ฟังแถมยังวิ่งขึ้นลงเล่นตรงบันได ให้แม่ปวดหัวเล่นซะอย่างนั้น
2. ชอบชกต่อย
การชกต่อยไม่อยากบอกว่าจะเป็นกับเด็กผู้ชายทุกคน แต่ด้วยบุคลิกลักษณะของเด็กผู้ชายมักจะชอบอะไรลุยๆ และอารมณ์ค่อนข้างร้อนไม่ใจเย็นเท่าเด็กผู้หญิง ทีนี้เวลาเล่นกับเพื่อนๆ อาจเกิดการกระทบกระทั่งไม่พอใจ ก็ดึงคอเสื้อกันไปมา เผลอแป๊บเดียวก็สวนมัดเข้าให้ อันนี้เพื่อนมีลูกอยู่อนุบาล 3 มาเล่าให้ฟังว่าลูกชายชอบต่อยกับเพื่อน แต่ต่อยของเด็กเล็กอาจไม่รุนแรงเท่าเด็กโต ดังนั้นแนะนำว่าต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ในการที่อบรมลูกๆ ว่าอะไรดีไม่ดี อะไรถูกต้องไม่ต้อง บ้างเรื่องที่ไม่ถูกใจไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความรุนแรงก็ได้ค่ะ
3. ลูกชอบจับจู๋
เรื่องนี้ผู้เขียนในฐานะที่เป็นของลูกชายวัยไม่ได้ทะลึ่งนะจ๊ะ เพราะตอนที่ลูกชายได้ 18 เดือน ไม่รู้ทำไมซิหน่าถึงได้ชอบจับจู๋จัง ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุง และพอถามจากเพื่อนๆ ที่มีลูกชายก็เป็นเหมือนกัน เรื่องนี้คนที่จะให้คำตอบได้ดีก็คือคุณหมอ ซึ่งแม่อย่างเราก็ไม่รอช้า โทรหาหมอประจำลูกซะหน่อย ก็ได้ความมาว่าเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายวัยนี้ เพราะการเด็กเริ่มค้นพบว่าการทำแบบนี้จะช่วยให้มีความสุข พอเผลอๆ เขาก็จะชอบเอามือไปจับอวัยวะเพศของตัวเองเล่นค่ะ ซึ่งเด็กก็ไม่ได้ทำไปเพราะความทะลึ่งอะไรเลยค่ะ
คุณหมอแนะนำว่า ให้คุณแม่พยายามหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจของลูก เช่น หาของเล่นที่ลูกชอบมาล่อให้สนใจ หรือพาลูกออกไปเดินเล่นนอกบ้าน ทำกิจกรรมอะไรก็ได้เพื่อให้ลูกสนใจ เพราะไม่อย่างนั้นเมื่อเป็นจับเล่นทันทีค่ะ
อ่านต่อ >> “10 เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย” หน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
4. จอมโวยวาย ทำลายข้าวของ
การยับยั้งชั่งใจของเด็กผู้ชายอาจมีน้อยกว่าเด็กผู้หญิง บางครั้งไม่ได้อะไรดั่งใจ หรือถูกเลี้ยงดูมาแบบตามใจ แล้วพอวันนึงไม่ได้อย่างที่เคยได้ พ่อแม่เตรียบรับมือกันไว้เลย โวยวายบ้านแตกนะจะบอกให้ เพื่อไม่ให้ลูกติดเป็นนิสัยไปจนโต เพราะเสี่ยงที่เด็กผู้ชายจะเก็บกดอารมณ์รุนแรงมากขึ้น แนะนำว่าควรเลี้ยงลูกแบบไม่ตามใจ หากลูกอยากได้ของเล่นเพิ่ม พ่อแม่ต้องมีวิธีสอน เช่น หนูมีหุ่นยนต์แบบเดียวกันกับตัวนี้ที่บ้านแล้วนะลูก แม่ว่าถ้าซื้อไปใหม่ พี่หุ่นยนต์ตัวเก่าต้องเสียใจเพราะไม่มีเพื่อนเล่นด้วยแล้วแน่เลย การค่อยๆ บอก ค่อยๆ สอนให้ลูกเห็นถึงความจำเป็นของข้าวของเครื่องใช้ หรือของเล่นต่างๆ จะช่วยให้ลูกเป็นเด็กคิดเป็นมากขึ้นค่ะ
5. เริ่มมีโลกส่วนตัว
ช่วงเวลาหอมหวานของคนเป็นแม่เริ่มจะหมดไปแล้วค่ะ กับเด็กผู้ชายส่วนใหญ่เริ่มที่จะมีโลกส่วนตัวมากขึ้นตอนที่เริ่มชั้นเรียนสูงกว่าระดับอนุบาล ลูกจะเริ่มมีเพื่อน เริ่มมีเรื่องที่ชอบมากจากตอนเป็นเด็ก ทำให้เขาอยู่แต่กับสิ่งที่ชอบ หรือเด็กผู้ชายบางคนถ้าชอบเรียนหนังสือมากก็จะเคร่งเครียดเอาแต่เรื่องเรียน จนไม่สนเรื่องอื่น รวมทั้งจะให้มาอ้อนแม่ กอดขาพ่อเหมือนตอนเป็นเด็กเล็กๆ เห็นทีจะยากค่ะ ดังนั้นสิ่งสำคัญสุดคือ พ่อแม่ต้องเปลี่ยนการเลี้ยงดูลูก ยิ่งกับเด็กผู้ชาย เราต้องทำปรับตัวเองให้เหมือนเพื่อนลูก ลูกชอบอะไร สนใจอะไร เราก็ชอบไปกับเขาด้วย เพื่อให้รู้สึกว่าพ่อกับแม่เปิดใจให้ แล้วลูกจะเปิดใจรับเราอีกครั้ง แถมจะหันมาปรึกษาเราทุกเรื่องด้วย และไม่ควรดุด่าลูกรุนแรง เด็กผู้ชายต้องค่อยๆ ใช้น้ำเย็นเข้าลูบค่ะ
6. เสียงเริ่มแตกหนุ่ม
สำหรับคุณแม่ที่ยังมีลูกชายวัยกระเตาะอยู่ อาจมองว่าอีกนานกว่าลูกจะเป็นหนุ่ม แต่รู้ไว้ก่อนก็ใช่เรื่องเสียใช่ไหมละคะ เมื่อลูกชายอายุเริ่มเข้า 12-14 ปี จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย จากเด็กน้อยน่ารักแบ้วๆ ของแม่ ก็จะเริ่มกลายเป็นเด็กหนุ่มหล่อเฟี้ยวกันแล้วค่ะ ลูกจะเริ่มเสียงแตก(เกิดจากฮอร์โมนเพศชายที่มาจากลูกอัณฑะที่เจริญเต็มที่แล้ว มากระตุ้นให้เซลล์ที่กล่องเสียงเปลี่ยนแปลงทำให้เสียงแตก)(1)
อ่านต่อ >> “10 เรื่องที่ พ่อแม่ต้องเจอ เมื่อมีลูกชาย” หน้า 4
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
7. ฝันเปียกคืออะไรครับแม่
เช้าวันที่อากาศสดใส ลูกชายอาจตื่นนอนมาพร้อมกับบอกคุณแม่หรือคุณพ่อว่า ที่เตียงนอนเขามีน้ำเปียกๆ แนะนำว่าอย่าพูดล้อให้ลูกอาย กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา แต่ควรจะพูดคุยบอกลูกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นว่าคืออะไร ช่วงเวลาที่เด็กผู้ชายเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม จะมีฝันเปียกเกิดขึ้น ซึ่งมาจากระบบอวัยวะสืบพันธุ์มีการสร้างและหลั่งน้ำอสุจิออกมา ซึ่งเด็กผู้ชายวัยนี้อาจมีความสนใจต่อเพศตรงข้ามมากขึ้น ตรงนี้พ่อแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักการยับยั้งชั่งใจด้วยนะคะ
8. ลูกชายจะมีแฟน แม่รับได้ไหม?
เป็นอีกหนึ่งวิวัฒนาการของเด็กผู้ชายค่ะ ที่พอเขาเริ่มโตเป็นหนุ่ม ก็มักจะมองสาวๆ สนใจเพศตรงข้ามมากขึ้น ซึ่งวันดีคืนดีเขาอาจพาสาวมาให้พ่อกับแม่รู้จักกันถึงบ้านเลยก็ได้ ผู้เขียนมีคำแนะนำว่า ควรสอนหรือบอกลูกในเรื่องความเป็นสุภาพบุรุษ คือไม่รังแกผู้หญิง หรือไม่ชิงสุกก่อนห่าม คือเราอาจหยิบยกเอาเรื่องที่ลูกชอบและใฝ่ฝันว่าจะเป็นในอนาคต เช่น นักบิน นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ เพื่อให้เขามุ่งมั่นที่จะเรียนเพื่อจะได้ทำตามความฝันให้เสร็จ เมื่อเรียนจบ มีอาชีพการงานที่มั่นคง แล้วรักแท้จากคู่ชีวิตจะมีมาเองค่ะ
9. รอยสักแรกที่ขัดใจแม่
ตอนนี้ถ้าลูกยังเป็นเด็กเล็ก เราในฐานะพ่อแม่สามารถสร้างและปูพื้นฐานให้ลูกได้มีความมั่นคงทางความ และจิตใจกันได้ค่ะ หากอยากให้ลูกทำตามคำสอน และยึดถือปฏิบัติในสิ่งที่ควร พ่อแม่ต้องสอนและปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกได้เห็นกันค่ะ
อย่างเรื่องการสัก คือไม่ได้จะบอกว่าการสักเป็นสิ่งไม่ดีอะไรนะคะ เพราะพี่ชายก็สัก แต่สักไม่มาก ซึ่งสำหรับเด็กผู้ชายแล้วเรื่องเจ็บๆ อย่างการสักเนื้อตัวถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ว่าหากลูกอยากรับราชการ หรือบางอาชีพเขาก็ไม่รับคนที่มีรอยสักเต็มตัวเลยนะคะ ฉะนั้นหากอยากให้ลูกผิวเนื้อตัวเกลี้ยงเกลา เราอาจจะต้องบอกชี้ถึงข้อดีและข้อเสียให้ลูกเห็น เพราะการสักลายจะอยู่ติดตัวเขาไปตลอดชีวิตเลยค่ะ
10. เริ่มมีหนวด
พ่อแม่ที่มีลูกชาย รู้ไว้เลยค่ะว่าลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอีกหลายเรื่อง อย่างการมีหนวด ขนรักแร้ ขนหัวหน่าวเริ่มขึ้น ตรงนี้ถือเป็นปกติ ซึ่งเราในฐานะพ่อแม่ ควรต้องสอนให้ลูกรู้จักการรักษาความสะอาด โดยเฉพาะหนวดเครา คุณสามีควรโกนให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง เพราะหากลูกอยู่ในวัยเรียนก็ไม่ควรไว้หนวดเคราเต็มหน้าค่ะ
ที่สำคัญเด็กผู้ชายมักจะมีกลิ่นตัวแรงมากด้วยค่ะ เพราะชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง เหงื่อออกง่ายหากปล่อยหมักหมมไม่รักษาความสะอาด เพื่อนๆ ที่โรงเรียนอาจร้องยี้ใส่ได้ค่ะ คุณแม่ควรพาลูกไปหาซื้อโคโลญจ์สำหรับดับกลิ่นกาย รวมทั้งโฟมล้างหน้า สบู่ครีมอาบน้ำอาจต้องเปลี่ยนให้เหมาะกับเด็กผู้ชายค่ะ
เรื่องของเด็กผู้ชายไม่ได้มีแค่นี้ที่พ่อแม่จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของลูก เพราะเราอาจต้องเรียนรู้ไปพร้อมกับลูกทั้งชีวิต ดังนั้นการปรับเข้าหากัน เรียนรู้ไปพร้อมกันระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกครอบครัวปฏิบัติต่อกัน เพื่อให้สายใยรัก สายสัมพันธ์ในครอบครัวยังคงอยู่ตลอดไป …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
เลี้ยงลูกให้เป็น “คนปกติ” ตามวัย
คุณแม่ Full Time เลี้ยงลูกอยู่บ้าน สบายที่สุด (จริงหรือ?)
3 หัวใจหลัก เลี้ยงลูกด้วยธรรมะ เสริมภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
1เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น. www.doctor.or.th