โรงเรียนสาธิต เป็นโรงเรียนอีกหนึ่งประเภทที่พ่อแม่ผู้ปกครองอยากให้ลูกเข้าเรียน สอบติด เพราะเชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะส่งผลต่ออนาคต จึงมุ่งแสวงหาโรงเรียนที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับลูก
โรงเรียนสาธิตในประเทศไทย มีทั้งโรงเรียนรัฐบาลและเอกชน โดยอยู่ภายใต้การดูแลของคณะศึกษาศาสตร์หรือคณะครุศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ มีครูที่มีคุณวุฒิรวมถึงนักศึกษาจากคณะดังกล่าวมาเป็นครูฝึกสอน จึงเป็น สถานฝึกปฏิบัติการทางการศึกษาเพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาวิจัยงานต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนห้องทดลองทางการศึกษาของมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจมีวิธีการเรียนการสอนใหม่ ๆ และวิธีคิดที่นอกกรอบ แต่ก็ยังคงไว้ในด้านโครงสร้างการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชาการที่ได้มาตรฐานซึ่งได้รับการยอมรับ แบ่งเป็น
- สังกัดมหาวิทยาลัยของรัฐ
- สังกัดมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ
- โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏ
- โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล
- โรงเรียนสาธิตในสังกัดมหาวิทยาลัยเอกชน
คุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกได้เข้าโรงเรียนสาธิตตั้งแต่อนุบาลสามารถเรียนต่อเนื่องได้จนถึงมัธยม นักเรียนจะได้รับการเตรียมพร้อมอย่างครบครันในการเข้ามหาวิทยาลัยภายใต้กำกับดูแล โรงเรียนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ปกครองที่วางแผนด้านการศึกษาของลูกแบบระยะยาว ซึ่งโรงเรียนสาธิตได้มีการสอบเข้าเพื่อจำกัดการรับนักเรียนเข้าเรียน เนื่องจากจำนวนโรงเรียนที่มีคุณภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง มีจำนวนเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น แต่ละแห่งก็รับนักเรียนได้จำนวนจำกัด ดังนั้นวิธีการที่ใช้คัดเลือกนักเรียนก็คือ “การสอบแข่งขัน”
แชร์ 11 เคล็ด(ไม่)ลับ เตรียมลูกสอบเข้า โรงเรียนสาธิต ด้วยตนเอง!
ในสนามสอบเข้าโรงเรียนสาธิตนั้นถือเป็นการสนามสอบที่มีการแข่งขันสูง เด็กที่มีความรู้และเตรียมความพร้อมมาดีย่อมมีโอกาสสอบติด การสอบเข้าโรงเรียนสาธิตจึงไม่ใช่แค่การเตรียมตัวลูกให้พร้อมเท่านั้น แต่พ่อแม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมไปกับลูกด้วย เว็บไซต์ www.kidsmystic.com ได้แชร์ประสบการณ์ “กว่าจะเข้าสาธิต” ที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่รุ่นต่อ ๆ ไปสามารถนำประสบการณ์เหล่านี้ไปใช้ในการเตรียมตัวให้ลูกสอบเข้าสาธิตกันค่ะ
1.ตั้งเป้าเข้าโรงเรียนสาธิต
เมื่อคุณพ่อคุณแม่มีความมุ่งมั่นให้ลูกเข้าสาธิต ขอให้มีความเชื่อว่าลูกคุณสามารถเข้าสาธิตได้ อย่าให้สภาพแวดล้อมไม่ว่าจะคู่แข่งที่เก่งกว่าลูกเรา การที่ลูกอายุน้อยกลัวสู้คนอื่นไม่ได้ หรือแม้แต่คิดว่าลูกสอบไม่ได้คือแล้วแต่ดวง มาทำลายความฝันที่จะให้ลูกเข้าสาธิต แต่ขอให้คุณพ่อคุณแม่หนักแน่นมีความเชื่อว่าลูกจะต้องสอบเข้าสาธิตได้
2.เตรียมตัวเพื่อไปให้ถึงสาธิต
หลายบ้านที่ตั้งเป้าให้ลูกเข้าสาธิตแล้ว จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวลูกก่อนสอบเพื่อให้พร้อมด้วยความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่จำเป็น ซึ่งพ่อแม่ก็มีส่วนสำคัญที่จะเป็นโค้ช เป็นที่ปรึกษา และคอยหาเทคนิคมาสนับสนุนลูกทุกด้านเพื่อให้เด็กได้รับองค์ประกอบ 100 % เช่น ให้ลูกลองทำเนื้อหาง่ายใน 1 วันควรทำประมาณ 10 – 15 หน้า เนื้อหายากนิดหน่อยควรอยู่ 7 – 8 หน้า เนื้อหายากที่สุด ควรอยู่ 3 – 5 หน้า เป็นต้น ตลอดระยะเวลา 1 ปีหรือมากกว่านั้นในระหว่างที่เตรียมเข้าสู่สาธิต ลูกจะต้องตั้งใจกับการอ่านหนังสือติวมากมาย เพื่อเตรียมสอบ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กันและกันมาก ๆ อย่าท้อแท้และค่อย ๆ ทำตามเป้าหมายที่วางไว้
3.กำหนดไทม์ไลน์
เด็กก็ยังเป็นเด็ก ในบางครั้งลูกชอบเล่นสนุกจนเพลิน คุณพ่อคุณแม่ควรจัดสรรเวลา อาจทำกำหนดตารางเวลาให้เหมาะสมกับลูก สำหรับการเล่น การพักผ่อน และการมุ่งอ่านตำราให้ไม่ตึงไม่หย่อนจนเกินไป เช่น ในช่วงเวลา 2 เดือนแรกควรจะติวให้ลูกวันละ 15 นาที หลังจาก 2 เดือนถัดไปควรเพิ่มเวลาอีก 15 นาทีเพื่อฝึกเด็กให้นั่งนิ่งมีสมาธิมากขึ้น ทุก 2 เดือนเพิ่มเวลา 15 นาที จนครบ1 ชั่วโมง วันธรรมดาเวลาเหมาะสม 16.00 – 17.00 หรือ 19.00 – 20.00 วันเสาร์อาทิตย์เวลาเหมาะสม 9.00 – 10.00 และ 19.00 – 20.00 หากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำแบบนี้ได้ทุกวันขอแสดงความยินดีล่วงหน้าเลย
อ่านต่อ เคล็ดลับติวลูกสอบเข้าสาธิตด้วยตนเอง คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
4.ฝึกเป็นประจำ ทบทวนบ่อยๆ
แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่เคยสอนไปแล้ว แต่ลูกก็มีโอกาสที่จะลืมได้ ดังนั้นเราต้องทบทวนบ้างเพื่อตอกย้ำในการเข้าใจในเนื้อหา ฝึกทำแบบฝึกหัดเป็นประจำทุกวัน สะสมวันละนิด ทำให้ลูกมีการพัฒนาด้านต่าง ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ เพราะแบบฝึกหัดโจทย์ต่าง ๆ มีแบบง่ายและมีแบบยาก ต้องลองฝึกแก้ปัญหาและหาคำตอบทุกข้อให้ผ่านไปให้ได้ ถ้าทำแบบนี้ได้ไม่ว่ามาในรูปแบบใด ลูกก็จะสามารถสร้างกระบวนการคิดแก้ไขปัญหาโจทย์ได้สามารถพิชิตโจทย์ได้ และอย่าประมาทมาเร่งรัดให้ลูกตอน 3 เดือนสุดท้ายก่อนสอบ เพราะจะทำให้เด็กรับเนื้อไม่ทัน ทำให้ลูกเครียด เกิดด้านลบต่อการเรียนนะคะ
5.ลองสัมผัสกับของจริง
นอกจากลงทุนด้านซื้อหนังสือ ยังต้องมีส่วนอื่น ๆ ในการใช้สอบสาธิต ยกตัวอย่างเช่น ของเล่นไม้บล็อกต่าง ๆเพราะเวลาสอนยากกว่าเล่นไม้บล็อกของจริง การได้สัมผัสของจริงจะทำให้เด็กเข้าใจง่าย และสนุกสนานด้วยเด็กสามารถจินตนาการว่าไม้บล็อกอันนี้ติดกับชิ้นไหน ไม้บล็อกมีกี่ชิ้น เพราะบางชิ้นมองจากภาพแล้วไม่สามารถมองเห็นได้ เมื่อได้ลองเล่นกับของเล่นจริง เด็กก็สามารถมองภาพจินตนาการได้
6.พาลูกไปลองจำลองสนามสอบ
จำลองสนามสอบสาธิตถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสอบเข้าโรงเรียนสาธิต ทำให้เด็กได้มีโอกาสสัมผัสกับสนามสอบเสมือนจริง ยิ่งไปจำลองสนามสอบมากเท่าไหร่ลูกจะยิ่งได้เปรียบเพราะแต่ละครั้งไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ว่าลูกจะนั่งตำแหน่งไหนของห้อ งบางทีนั่งข้างหน้า บางทีนั่งข้างหลังของห้อง สิ่งเหล่านี้ให้ฝึกจนชิน เมื่อถึงเวลาสอบจริงเด็กจะได้ไม่ประหม่า และจะได้สัมผัสกับแนวทางในการสอบซึ่งเมื่อรู้ผลก็สามารถนำมาหาวิธีกระบวนการปรับปรุง การสอน หรือเพิ่มเนื้อหาสำหรับการสอบให้ดีกว่านี้
7.ให้ลูกได้พัก
ในการสอนลูกบางครั้งลูกไม่เข้าใจ ทำอย่างไรก็ไม่เข้าใจ อย่าเพิ่งไปฝืน กดดัน หรือใส่อารมณ์กับลูกมาก เพราะจะทำให้เด็กไม่อยากที่จะอ่าน เกิดด้านลบ หรือเครียดได้ ควรหาวิธีใหม่ในการสอนลูก หรือปล่อยให้ลูกได้รีแลกซ์ เมื่อลูกมีอาการเครียดเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ให้ลูกได้พักการทำแบบฝึกหัดต่าง ๆ ทันที หรืออาจจะหยุด 3 – 7 วันให้ลูกได้เปลี่ยนสภาพแวดล้อมบรรยากาศใหม่ตามที่ต้องการ แล้วค่อยเข้าสู่สภาพวะปกติ
8.ฟังข่าว-เล่าเรื่อง
การฝึกฟังข่าวทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือเวลากินข้าวพร้อมกันเล่าเรื่องต่าง ๆ เป็นการฝึกการฟัง การจำ การเล่าเนื้อเรื่องได้ดีเยี่ยม ยกตัวอย่าง เมื่อดูข่าวที่ผ่านไป คุณพ่อคุณแม่อาจจะถามว่า เมื่อกี้คุณพ่อคุณแม่ฟังไม่ทันหรืออาจจะไม่ได้ฟัง ลูกเล่าให้ฟังหน่อยสิว่าในข่าวพูดอะไรบ้าง การถามมาก ๆ หรือถามซ้ำ ๆ จะเป็นการฝึกให้เด็กเกิดกระบวนการคิดได้ และเมื่อลูกไม่เข้าใจอย่าเบื่อที่จะตอบคำถาม “ทำไม” จากลูก เพราะเมื่อลูกถามแสดงว่าลูกอยากรู้ ซึ่งในบางครั้งเรื่องราวรอบตัวรอบโลกก็อาจจะเป็นข้อสอบก็ได้นะ
9.สร้าง Idol แรงบันดาลใจ
หลักการสร้างไอดอลหรือแรงบันดาลใจในการมุ่งมั่นสอบเข้าสาธิต คือสังเกตว่าลูกชอบอะไรเป็นพิเศษ มีศิลปิน ดาราคนไหนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนหรือที่จบไปแล้วเป็นที่น่าภาคภูมิใจ คอยกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ลูก เมื่อเด็กฝันถึงเรื่องราวสิ่งที่อยากเจอทุกวัน มันก็มีโอกาสให้กลายเป็นฝันที่เป็นจริงได้
10.สร้างความชื่นชม
ในบางครั้งเมื่อทำโจทย์ออกมาได้ดี ลูกก็ต้องการคำชื่นชมจากพ่อแม่ เพราะจะทำให้เกิดทัศนคติที่ดีไปทางบวก มีกำลังใจ และตั้งใจเพื่อทำผลงานอันยอดเยี่ยมให้คุณพ่อคุณแม่ชมอีกหลายครั้ง อย่าลืมที่จะให้กำลังใจลูกกันเยอะ ๆ นะคะ
11.ดูแลสุขภาพลูกรัก
ข้อนี้สำคัญที่สุด ยิ่งในช่วง 15 วันก่อนเข้าสนามสอบ คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลให้ลูกอยู่ในสภาวะปกติที่สุด ให้นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ กินอาหารที่ถูกสุขลักษณะตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้คนที่ไม่สบาย ฯลฯ เพื่อให้ลูกมีสุขภาพที่ดี และเพื่อการเตรียมตัวตลอดทั้งปีที่คุ้มค่า หลังลูกสอบเสร็จแล้วควรหากิจกรรมเพื่อผ่อนคลายให้สบายใจ หลังจากที่ทุกคนในครอบครัวพยายามกันมาตลอดทั้งปี
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับประสบการณ์บางส่วน “กว่าจะเข้าสาธิต” ที่ไม่ใช่ตัวลูกเท่านั้นที่จะต้องตั้งใจและเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้า แต่ยังรวมถึงที่ปรึกษาที่ดี กำลังใจ และติวเตอร์ส่วนตัวอย่างคุณพ่อคุณแม่ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนสาธิต อาจจะไม่ใช่ทางเลือกเดียว ยังมีโรงเรียนอีกหลายหลักสูตรที่เป็นตัวเลือกน่าสนใจ ก็สามารถสร้างให้ลูกเก่งดีมีสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตได้เช่นกันนะคะ
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก www.kidsmystic.com
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ :
3 ข้อดี โรงเรียนรัฐบาล vs โรงเรียนเอกชน ต่างกันอย่างไร?
10 โรงเรียนหลักสูตร EP (English Program) ยอดนิยม ในกรุงเทพฯ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่