มีการศึกษาวิจัยพบว่า หากต้องการให้ลูกหลานพัฒนาทักษะด้านภาษาให้ดีเทียบเท่ากับเจ้าของภาษาควรส่งเสริมให้ลูกได้เริ่มต้นก่อนอายุ 10 ขวบ โดยผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็มีความสนใจ โรงเรียนนานาชาติ เป็นตัวเลือกสำหรับการส่งลูกเข้าโรงเรียน
โรงเรียนนานาชาติ เป็นโรงเรียนที่อ้างอิงหลักสูตรการสอนจากต่างประเทศ มีการเรียนการสอนเหมือนประเทศเจ้าของหลักสูตร โดยมีการปรับรายละเอียดเนื้อหารายวิชาใหม่หรือหลักสูตรที่จัดทำขึ้นเอง ไม่อิงหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และเน้นการใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อการเรียนการสอนให้กับนักเรียน มีการเรียนการสอนที่แตกต่างไปจากระบบหลักสูตรไทย แต่ก็ยังคงมีวิชาภาษาไทยมาเป็นวิชาบังคับ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งของการให้ลูกเข้าเรียนโรงเรียนประเภทนี้คือ ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับทุกคนภายในโรงเรียนและได้รับการปลูกฝังวัฒนธรรมในระดับสากล
แนะนำ 3 หลักสูตร โรงเรียนนานาชาติ ทำความรู้จักก่อนส่งลูกเข้าเรียน
สำหรับหลักสูตรของ โรงเรียนนานาชาติ ในประเทศไทยที่ใช้กันมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หลักสูตรการศึกษาหลักของอังกฤษ (UK) หลักสูตรการศึกษาของอเมริกา (US) และหลักสูตรนานาชาติ International Baccalaureate (IB) โดยในแต่ละโรงเรียนก็จะมีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนที่มีคุณลักษณะและการบูรณาการให้มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป
1.หลักสูตรแห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษและเวลส์ หรือ ระบบอังกฤษ
มีรูปแบบการสอนและแบบเรียนตามกฏตามกระทวงศึกษาธิการของประเทศอังกฤษ โดยหลักสูตรจะเน้นการใช้ภาษาที่ถูกต้อง และเน้นการเรียนมากกว่ากิจกรรม เมื่อเรียนถึงชั้นมัธยมตอนต้นก็จะใช้หลักสูตรที่เรียกว่า International General Certificate of Secondary Education (IGCSE) ซึ่งจะเรียนราว 8-9 วิชา เป็นวิชาบังคับอย่างน้อย 3 วิชา ได้แก่ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ โดยข้อสอบ IGCSE จะเป็นข้อสอบสากลที่ใช้สอบร่วมกันทั่วโลก จากนั้นนักเรียนที่ต้องการจะศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ ต้องเรียนต่อในระดับช่วงชั้นที่ 5 หรือที่เรียกว่า Sixth Form นักเรียนเลือกเรียนเฉพาะวิชาที่จะใช้ในการสมัครเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหลังจบหลักสูตร 2 ปีสุดท้าย สำหรับการแบ่งช่วงชั้นเรียนของหลักสูตรแบบอังกฤษจะเรียกระดับชั้นเป็น Year กำหนดให้อยู่ระหว่างอายุ 5-16 ปี ได้แก่
- Early Years (สำหรับเด็กอายุ 3-5 ขวบ)
- ช่วงชั้นที่ 1 อายุ 5-6 ปี (year 1-2)
- ช่วงชั้นที่ 2 อายุ 7–10 ปี ( year 3 – year 6)
- ช่วงชั้นที่ 3 อายุ 11–13 ปี (year 7 – year 9)
- ช่วงชั้นที่ 4 อายุ 14–16 ปี (year 10 – year 11) และจะต้องสอบเพื่อเข้าเรียนหลักสูตร A-Level 2 ปีเพื่อเตรียมตัวเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
2.หลักสูตรระบบอเมริกัน
การสอนและบทเรียนจะใช้ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการของประเทศสหรัฐอเมริกา มีหลักการที่สำคัญ คือ คำนึงถึงความต้องการของผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นการสร้างความรู้ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ โดยโรงเรียนส่วนใหญ่จะจัดการวัดผลรายวิชาเป็นการภายใน เพื่อให้นักเรียนสะสมหน่วยกิตเพียงพอแก่การจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานตามระบบการศึกษาแบบอเมริกัน การเรียนการสอนตามหลักสูตรนี้เริ่มที่อายุ 5 ปี หรือในบางโรงเรียนก็เปิดรับนักเรียนในระดับเตรียมอนุบาล (Pre-school อายุ 3-5 ปี ซึ่งไม่ได้เป็นการศึกษาภาคบังคับ) โดยเรียกระดับชั้นป็น Grade ซึ่งจะแบ่งดังนี้
- ระดับอนุบาล kindergarten (KG)
- ระดับประถมศึกษา Elementary School (Grades 1-5)
- มัธยมศึกษาตอนต้น Middle School (Grades 6-8)
- มัธยมศึกษาตอนปลาย High School (Grades 9-12) หลังจากนั้นนักเรียนจะต้องเตรียมตัวสอบวัดระดับที่เรียกกันว่า SAT เพื่อใช้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ ส่งลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติควรวางแผนอย่างไร คลิกหน้า 2
3.หลักสูตรระบบนานาชาติ International Baccalaureate (IB)
เป็นหลักสูตรที่เน้นกระบวนการสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามช่วงพัฒนาการของเด็ก 3 ระดับ สำหรับนักเรียนนานาชาติที่มีอายุ 3-19 ปี เป็นหลักสูตรที่เกิดจากการนำระบบการศึกษาหลากหลายหลักสูตรจากทั่วโลกมาผสมผสานกัน นักเรียนจะเรียนรายวิชาทั้งสิ้น 6 วิชา คือ ภาษาที่หนึ่ง ภาษาที่สอง สังคมศึกษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และศิลปะ รวมทั้งวิชาเลือกอื่น ๆ นอกจากนี้ยังยังมีการเขียน Extended essay รวมถึง Theory of knowledge (การเรียนรู้ด้านปรัชญา จริยธรรมประสาทสัมผัส ควบคู่ไปกับความรู้ทางวิชาการ) ที่นักเรียนจะต้องผ่านด้วย เน้นการเรียนการสอนที่เป็นนานาชาติและสากลที่ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใดในโลกก็ตามจะทัดเทียมกัน ซึ่งจะต้องได้รับการอนุมัติจากองค์กร IBO หรือ International Baccalaureate Organization ให้จัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรที่เรียกว่า International Baccalaureate (IB) และได้รับอนุญาตให้เป็นหนึ่งในกลุ่มโรงเรียน IB World School ซึ่งครูผู้สอนจะต้องได้รับการพัฒนาวิชาชีพ ผ่านการฝึกอบรมซึ่งจัดโดยองค์กร IBO ด้วยเช่นกัน โดยหลักสูตร IB แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
- ระดับปฐมวัยและประถมศึกษา Primary Years Programme ใช้เวลาเรียน 8 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 3-11 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น Middle Years Programme ใช้เวลาเรียน 5 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 11-16 ปี
- ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย Diploma Programme ใช้เวลาเรียน 2 ปี สำหรับนักเรียนอายุ 16-19 ปี เพื่อเตรียมการเรียนที่จะมุ่งเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยต่อไป
โรงเรียนสามารถเลือกจัดการเรียนการสอนทั้งสามระดับ หรือแยกเฉพาะระดับใดระดับหนึ่งก็ได้ ไม่มีข้อจำกัดว่านักเรียนจะต้องเรียนต่อกันทั้งสามระดับ
ส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติควรวางแผนอย่างไร
ในปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยมีจำนวนมาก ถึงแม้ใช้จ่ายค่อนข้างสูง แต่สำหรับพ่อแม่ที่มีเป้าหมายให้ลูกได้เรียนภาษาเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศในอนาคต การส่งลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติก็ถือว่าเป็นตัวเลือกตอบโจทย์ได้ตรงที่สุด ดังนั้นควรวางแผนและศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ดังนี้
1.ศึกษาดูว่าโรงเรียนที่คุณพ่อคุณแม่เลือกมีหลักสูตรการสอนระบบไหน เนื่องจากระบบของโรงเรียนที่เลือกจะมีผลต่อการเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยของลูกในอนาคต
2.เปรียบเทียบค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ว่าแตกต่างกันอย่างไร เช่น ค่าสมัครเรียน ค่าแรกเข้า และเงินค้ำประกันต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละโรงเรียน เพื่อนำข้อมูลมาวางแผนการเงินระยะยาว ซึ่งโดยทั่วไปค่าเทอมของโรงเรียนนานาชาติอยู่ที่ประมาณ 200,000 – 700,000 บาทต่อคนต่อปี
3.การเตรียมความพร้อมลูกก่อนเข้าเรียน เช่น การให้ลูกได้เข้าเรียนตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อเป็นการปูพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษ หรือหากลูกมีความสนใจหรือมีความสามารถด้านภาษาอังกฤษระดับหนึ่ง ก็มั่นใจได้ว่าการเข้าไปเรียนในโรงเรียนจะไม่ทำให้ลูกขาดความมั่นใจ และไม่ทำให้ต้องเรียนเสริมพิเศษเพิ่ม ซึ่งก็จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายขึ้นอีก
4.การยอมรับสังคมในโรงเรียน เมื่อคุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนนานาชาติ สิ่งที่จะต้องยอมรับอีกอย่างคือ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้นภายในโรงเรียนที่มีนักเรียนหลายเชื้อชาติ ซึ่งจะส่งผลให้ลูกมีแนวคิดหรือพฤติกรรมที่ต่างจากนักเรียนในโรงเรียนไทย จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกเพิ่มเติมในเรื่องของวัฒนธรรมไทยให้ลูกด้วย
การเริ่มต้นปูพื้นฐานการศึกษาที่ดีเป็นสิ่งที่พ่อแม่ยุคใหม่มอบให้เป็นของขวัญติดตัวไว้ให้กับลูกรัก เพื่อที่จะช่วยส่งเสริมให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้มากขึ้น ส่วนจะเลือกโรงเรียนแบบไหนให้ลูกได้เรียน คุณพ่อคุณแม่ควรศึกษาข้อมูลและเตรียมวางแผนให้พร้อมนะคะ.
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก: www.bangkokbiznews.com, www.alife.co.th
อ่านต่อบทความอื่นที่น่าสนใจ คลิก:
ทำความรู้จัก 7 หลักสูตรอนุบาล เลือกยังไงให้เหมาะกับลูก
หมอชี้! หลักการ เลือกโรงเรียนให้ลูก โรงเรียนที่ดีต้องมี 3 ข้อนี้
พ่อแม่จัด “กิจกรรมนอกหลักสูตร” ให้ลูกวัยประถมได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่