จากจุดเริ่มต้นของนักกีฬาขี่ม้ามืออาชีพ อย่าง ครูปุ้ย – พ.ต. เกียรติณรงค์ คล่องการ ดีกรีนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยและผู้ปลุกปั้นนักกีฬาขี่ม้ามากฝีมือประดับวงการหลายต่อหลายคน ครูปุ้ยคลุกคลีอยู่กับวงการนี้มานานกว่า 20 ปี จนถึงเวลาที่เหมาะสมจึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนขี่ม้าของตัวเองขึ้นมา โดยมีแนวคิดว่า “จะใช้กีฬาเป็นจุดมุ่งหมายหลักมากกว่าการทำธุรกิจ”
20 ปีในวงการขี่ม้า
“ผมเริ่มขี่ม้ามาตั้งแต่อายุ 18-19 แล้วก็ขี่มาตลอด มีโอกาสเป็นนักกีฬาทีมชาติ มีม้าเป็นของตัวเอง มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะ จุดเริ่มต้นที่ทำโรงเรียนแห่งนี้ก็เพราะที่ตรงนี้เป็นคอกม้าเก่า เจ้าของที่ก็เป็นรุ่นพี่ที่ผมนับถือ เขาถามมาตลอดว่าสนใจทำไหม เมื่อก่อนผมสอนที่อื่นอยู่ ก็ไม่ได้อยากขยับขยายไปไหน ไม่คิดที่จะทำธุรกิจด้วย
ใส่ใจเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก
“กีฬาประเภทนี้ล่อแหลมเรื่องความปลอดภัย องค์ประกอบหลักๆที่จะทำโรงเรียนสอนขี่ม้าได้ คือ หนึ่ง สถานที่ที่เหมาะสม มีรั้วรอบขอบชิดให้ดี สอง ม้าที่ซื่อสัตย์ เรื่องนี้สำคัญมากจะต้องได้ม้าที่เทคแคร์เด็ก คือได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี รวมถึงนิสัยใจคอต้องเป็นม้าไม่ขี้ตกใจ ไม่ตื่นเต้นง่าย เวลามีเสียงโครมคราม ตึงตังก็นิ่งเฉย สามารถพาเด็กไปยังทิศทางที่ปลอดภัยได้ และ สาม บุคลากร นี่สำคัญมาก ถ้าบุคลากรไม่มีประสบการณ์ไม่มีความรู้ความสามารถ ก็ค่อนข้างจะอันตราย”
แบ่งระดับตั้งแต่น้องเล็กจนถึงพี่โต
“สำหรับเด็กเล็กผมเองอาจจะไม่ถนัด ถ้าเราลงไปเองก็จะค่อนข้างจริงจัง ต้องขี่อย่างนั้น อย่างนี้ ซึ่งกับเด็กนั้นไม่ใช่ เด็ก 3 ขวบ 4 ขวบ จุดประสงค์หลักแค่ให้เขาสนุกบนหลังม้า เพราะฉะนั้นเราเลยหาคุณครูที่เหมาะสำหรับสอนเด็กต้องเป็นคนใจเย็น มีบุคลิกอ่อนโยน มีทักษะการขี่ม้าดี และมีอุดมการณ์เดียวกันที่จะอยู่กับเรา ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้คุณครูที่เก่งมากมาอยู่ด้วย ส่วนในเด็กโตหรือระดับที่ฝึกเป็นทีมชาติผมก็จะสอนเอง”
ชั่วโมงเรียนน้องเล็ก
“สำหรับเด็กเล็ก 3 ขวบขึ้นไป ชั่วโมงแรกเราจะให้เขาทำความคุ้นเคยกับม้าก่อน พอโอเคก็จะมีกิจกรรมให้เด็กกับม้าทำร่วมกัน โดยเราจะมีม้าโพนีตัวเล็กๆ ที่ตอนนี้มีอยู่ประมาณ 10 กว่าตัว ไว้ให้เด็กเล็กเรียน ซึ่งพอเป็นม้าตัวเล็กๆเด็กเขาก็จะชอบ เหมือนได้เล่นกับสุนัข จับต้องได้ มีกิจกรรมร่วมกัน สำหรับเด็กวัยนี้เราจะไม่ได้ใส่เรื่องทักษะความรู้ความสามารถอะไรให้เขามาก แต่เราปลูกฝังให้เขามีจิตใต้สำนึกที่จะรักสัตว์ มีความเมตตากรุณา โอบอ้อมอารี ซึ่งม้ามีเสน่ห์อย่างหนึ่งคือนอกจากเล่นกันได้แล้ว ก็ยังสามารถขึ้นหลัง เป็นพาหนะได้ ทีนี้เราก็จะเน้นเรื่องเกม ทักษะการทำกิจกรรมร่วมกันสัก 30-40 นาทีต่อครั้ง เช่น เกมอยู่บนหลังม้า พาวิ่ง พาเดินหน้า หมุนกลับหลัง โดยครูจะต้องถูกฝึกมาให้มีทักษะตรงนั้น เขาก็จะสนุกสนานเฮฮากันไป”
แบบประเมินผู้เรียนคนต่อคน
เพราะการเรียนขี่ม้าไม่สามารถใช้อายุเป็นตัวกำหนดได้ เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ครูปุ้ยจึงมีแบบทดสอบเด็กๆอยู่ตลอดเวลาระหว่างเรียน “การเลื่อนขั้นให้เด็กเรียนในระดับที่ยากขึ้นนั้น เราต้องดูร่างกายเขาด้วย ถ้าในระดับอายุน้อยแต่ร่างกายกำยำ สามารถดึงม้าได้ เราก็ให้เขาขึ้นไปบังคับเอง มันมีองค์ประกอบหลายอย่างทั้งชั่วโมงบิน ความถี่ของการเรียน ร่างกายสรีระของเขาเหมาะสมหรือยัง ซึ่งเราก็จะมีแบบทดสอบบนหลังม้าอยู่เรื่อยๆ พอเราเห็นก็จะรู้ว่าเด็กคนนี้เหมาะสมแล้ว สามารถบังคับม้าได้แล้ว หรือสามารถไปในระดับที่ยากกว่านี้ได้แล้ว”
ก่อนจากกันครูปุ้ยทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมใช้กีฬาเป็นจุดตั้งต้น และมีธุรกิจมาหล่อเลี้ยง ซึ่งมันก็พออยู่ได้ การทำธุรกิจก็ต้องหวังผลกำไร แต่ผมเอาเรื่องความถูกต้องและความชอบนำมากกว่า ผมเชื่อว่าน่าจะอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง เราเอากีฬาเข้ามาทำแล้วเราจริงใจที่จะทำ และเราก็ให้ความจริงใจกับลูกค้าทุกคน ธุรกิจมันก็จะตามมาเอง และไปได้ยั่งยืนกว่า นี่คือสิ่งที่ผมคิดนะ”
Information
Phoenix Riding Academy By KP
84 ซอยมหาชัย บางนาตราด กิโลเมตรที่ 10.5 บางพลี สมุทรปราการ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 092-952-0720, 086-655-9562
Facebook : Phoenix Riding Academy By KP