ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง เป็นเรื่องที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ไว้ค่ะ เพราะเรื่องของน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมาในระหว่างตั้งครรภ์นั้น ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น แล้วน้ำหนักเท่าไร จึงจะเรียกว่าเหมาะสม? วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีวิธีดีๆมาแนะนำแม่ๆกันค่ะ
ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง เคล็บลับความเป๊ะของคุณแม่กระแต
ใครว่าเป็นคุณแม่ท้อง แล้วจะต้องปล่อยตัวเชยจริงไหมคะ ดูอย่างซุปตาร์คุณแม่ลูกสอง กระแต ศุภักษร บอกเลยว่าคนท้องก็แซ่บได้จริงๆ เพราะล่าสุดคุณแม่กระแตขอจัดเต็ม ใส่ทูพีช สีขาวบางเซ็กซี่ อวดหุ่นแซ่บๆโชว์ท้อง 7 เดือนไปเลย เรียกว่าเป็นคุณแม่ที่ความสวยยังเป๊ะเหมือนเดิม คุณแม่ๆที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้เห็นแล้วน่าจะมีกำลังใจในการดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนท้องเลยนะคะ เพราะแม้ว่าจะเป็นคุณแม่ ก็ต้องยังสวยได้ ซึ่งคุณแม่กระแตเอง ก็เคยเผยเคล็บลับว่า ความเป๊ะนี้ไม่ได้มาฟรีๆ แต่มาจากการที่ดูแลตัวเองอย่างดี ตั้งแต่ที่รู้ว่ามีเบบี๋เลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่องการ ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง สำคัญมากๆ หุ่นจะได้เป๊ะตั้งแต่ท้องแบบนี้ค่ะ
แต่ละรูป ยอมใจ ยกให้เป็นคุณแม่สายแซ่บตัวจริงเลยค่ะ ซึ่งคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องอยู่ตอนนี้ ถ้าอยากหุ่นแซ่บแบบแม่กระแต ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์เลยค่ะ รวมถึงเรื่องของการ ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ด้วยสำคัญมากๆค่ะ
ขอบคุณภาพจาก IG : iamkratae
แม่ท้อง น้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่าไรจึงเหมาะสม?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ตอนตั้งครรภ์น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นเท่าไร?
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ บางท่านคิดว่าต้องกินเยอะๆเผื่อลูกในท้องไว้ก่อน เพราะความเชื่อว่ากลัวลูกจะขาดสารอาหาร รวมถึงของฝากของบำรุงต่างๆจากครอบครัวและคนรอบข้าง อาจจะทำให้คุณแม่ท้องแฮปปี้กับการรับประทานเกินไปหน่อย จนทำให้รู้ตัวอีกทีก็น้ำหนักพุ่งซะแล้ว ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มมานี้ อาจกลายเป็นน้ำหนักส่วนเกินของคุณแม่ที่ยังคงอยู่หลังคลอดได้ค่ะ ดังนั้น ในแต่ละเดือน น้ำหนักคุณแม่ควรเพิ่มขึ้นประมาณเท่าไรจึงจะพอดี มาดูกันค่ะ
ไตรมาสแรก : น้ำหนักควรเพิ่ม 1 – 2 กิโลกรัม
สำหรับคุณแม่ในช่วงที่กำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ ส่วนใหญ่คุณแม่มักจะมีอาการแพ้ท้องค่ะ เช่น เบื่ออาหารได้ หรือบางคนอาจไม่แพ้อาหารเลย ซึ่งการอาการแพ้ท้องเหล่านี้ ก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักของคุณแม่ไม่เพิ่มขึ้น หรือบางครั้งอาจลดลงอีกได้ เนื่องจากรับประทานได้น้อย ซึ่งทารกในครรภ์ช่วงนี้ยังไม่ได้ต้องการอาหารในปริมาณมาก เพียงแต่คุณค่าของอาหารนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโต เพราะฉะนั้น ในช่วงที่คุณแม่แพ้ท้อง ไม่อยากอาหาร ควรจะเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วน หรือกินอาหารอ่อนๆ ที่ย่อยง่ายแทน แบ่งกินมื้อย่อยๆ และไม่บังคับตัวเองว่าควรกินปริมาณมาก-น้อยเพียงใด เพราะจะยิ่งทำให้เครียดได้
ไตรมาสที่สอง : น้ำหนักควรเพิ่ม 4 – 5 กิโลกรัม (เพิ่มเดือนละ 1 – 1.5 กิโลกรัม)
ในช่วงการตั้งครรภ์ ไตรมาสที่สองนี้ อาการแพ้ท้องของคุณแม่มักจะเริ่มบรรเทาลงแล้วค่ะ จึงทำให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น ประกอบกับทารกเริ่มโตเร็วขึ้นด้วย ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว คุณแม่ท้องต้องระมัดระวังการกินจุบจิบ และการกินอาหารที่มีไขมันสูง เพราะจะกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวที่มากเกินไป อาจทำให้เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้ง่ายค่ะ
ไตรมาสที่สาม : น้ำหนักควรเพิ่ม 5 – 6 กิโลกรัม (เพิ่มเดือนละ 2 กิโลกรัม)
สำหรับในไตรมาสนี้ การเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวคุณแม่ มีผลต่อการคลอด และน้ำหนักตัวแรกคลอดของทารกด้วยค่ะ ซึ่งถ้าน้ำหนักตัวคุณแม่เพิ่มขึ้นมากจนเกินไป หรืออ้วนเกินไป อาจจะทำให้การคลอดยากขึ้น เสี่ยงทำให้หายใจลำบากขณะเบ่งคลอด รวมถึงทารกตัวใหญ่กว่าช่องเชิงกรานทำให้คลอดยากได้ แต่ถ้าหากน้ำหนักตัวน้อยกว่าเกณฑ์ที่กำหนดในไตรมาสนี้ ก็อาจทำให้ทารกขาดสารอาหารและไม่แข็งแรงได้ค่ะ
♦♦♦ คุณแม่ๆจะเห็นว่าในแต่ละไตรมาสนั้น มีช่วงน้ำหนักตามเกณฑ์ที่เหมาะสม ซึ่งหากน้ำหนักเพิ่มขึ้นมากเกินไป หรือเพิ่มน้อยเกินไปจากเกณฑ์ค่อนข้างมาก ก็ย่อมไม่เป็นผลดีทั้งสิ้นค่ะ เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน ในขณะตั้งครรภ์ได้มากขึ้น ที่สำคัญ ในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ไม่ควรควบคุมน้ำหนักด้วยการอดอาหารอย่างยิ่ง เพราะถ้าน้ำหนักตัวของแม่เพิ่มน้อย อาจทำให้ทารกมีปัญหาการเจริญเติบโตช้า ส่วนถ้าน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่าปกติ อาจทำให้น้ำตาลหรือไขมันในเลือดของแม่สูงกว่าปกติ เกิดเบาหวานหรือภาวะครรภ์เป็นพิษในขณะตั้งครรภ์ได้ รวมถึงเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวกและเหนื่อยง่าย มือบวม เท้าบวม อีกทั้งอาจทำให้การลดน้ำหนักหลังคลอดลูกก็ทำได้ยากด้วยเช่นกันค่ะ
5 วิธี ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ทำได้อย่างไร?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
5 วิธี ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ไม่ให้เกินเกณฑ์
1. แม่ท้องควรเน้นเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีในแต่ละมื้อ
การจะ ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ได้ดีต้องเกิดจากการที่คุณแม่เลือกรับประทานอาหารที่ดีด้วยนะคะ และการได้รับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีเข้าไป ก็จะทำให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อีกทั้งอาหารที่ดีมีประโยชน์นั้น ก็มักจะไม่ทำให้น้ำหนักคุณแม่เพิ่มมากจนเกินไป หากรับประทานในปริมาณที่พอดีด้วย เช่น
- ควรดื่มน้ำเปล่า น้ำผลไม้ นม หรือนมถั่วเหลืองไขมันต่ำ แทนการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลค่ะ จะช่วยควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ได้ดีทีเดียว
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วลันเตา เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะช่วยควบคุมน้ำหนักคุณแม่ได้ดี และยังป้องกันปัญหาทางระบบการย่อยอาหาร อาการท้องผูกด้วย
- อาหารที่มีโฟเลตต่างๆ ได้แก่ น้ำส้มคั้น สตรอเบอรี่ ถั่วลันเตา ผักโขม ขนมปัง หรือซีเรียล ซึ่งอาหารเหล่านี้ยังช่วยป้องกันภาวะโรคโลหิตจางในระหว่างตั้งครรภ์ด้วย
- ควรเลือกบริโภคไขมันดีแบบไม่อิ่มตัว เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วลิสง
- อาหารคุณแม่ท้องในแต่ละมื้อ ควรมีผักและผลไม้รวมอยู่ในมื้ออาหารให้บ่อยที่สุด จะดีมากค่ะ
2. แม่ท้องควรรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ แต่ให้ประโยชน์ได้มาก
การควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ด้วยการรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ ก็ช่วยได้ค่ะ เช่น การรับประทานผัก เห็ด สาหร่าย เป็นสารอาหารที่ให้แคลอรี่ต่ำ อาจจะนำมาประกอบอาหารคู่กับเนื้อสัตว์เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณคุณค่าทางโภชนาการได้ ซึ่งในผักก็มีกากใยที่จะช่วยป้องกันอาการท้องผูก หรือริดสีดวงทวารได้ด้วย ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์บางรายอาจจะเกิดปัญหานี้ได้ในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ
3. แม่ท้องควรรับประทานอาหารมื้อย่อย ประมาณ 5 – 6 มื้อ/วัน
คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะรู้สึกหิวบ่อยๆค่ะ โดยเฉพาะเมื่อเริ่มเข้าสู่ไตรมาสที่สอง ดังนั้น จึงต้องมีการแบ่งอาหารเป็นมื้อย่อยๆ 5 – 6 มื้อ/วัน ในปริมาณที่พอดีต่อมื้อด้วยนะคะ ซึ่งอาจจะเป็นของว่างที่มีประโยชน์ช่วยเพิ่มสารอาหารในมื้อหลักได้ เช่น ผลไม้ ลูกเกด โยเกิร์ต ถั่ว ลูกพรุน เป็นต้น คุณแม่จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด แน่นท้องจนเกินไป เพราะช่วงนี้ระบบย่อยอาหารอาจจะยังไม่สมบูรณ์
4. แม่ท้อง ไม่ควรนอนดึก
การพักผ่อนไม่เพียงพอ ในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งครรภ์ อาจจะส่งผลทำให้มีอาหารอ่อนเพลียได้ รวมถึงทำให้เกิดอาการเบื่ออาหาร ไม่อยากรับประทานอาหาร ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณแม่ได้สารอาหารไม่เพียงพอแล้ว ยังอาจส่งผลทำให้น้ำหนักคุณแม่ลดลงไปด้วยค่ะ
5. แม่ท้อง ก็สามารถออกกำลังกายได้
ปัจจุบันคุณแม่ๆจะเห็นว่า แม่ท้องหันมาออกกกำลังกายกันมากขึ้น ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยเหมือนแต่ก่อน ซึ่งในการออกกำลังกายสำหรับคนท้องนั้น ก็ต้องมีการศึกษาการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนท้อง และในบางรายควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่า สามารถออกกำลังกายได้มากน้อยแค่ไหนสำหรับแต่ละคน ต้องบอกเลยว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์กับคุณแม่ท้องมากๆ เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักตอนท้องได้แล้ว ยังดีต่อสุขภาพคุณแม่ เพราะช่วยลดอาการปวดท้องคลอด แก้ปัญหาอาการนอนไม่ค่อยหลับ ลดภาวะเครียด ลดอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคแทรกซ้อน ช่วยให้มีอารมณ์ที่แจ่มใส และยังช่วยให้การลดน้ำหนักหลังคลอดนั้นง่ายขึ้นอีกด้วย หุ่นคุณแม่ๆก็จะกลับมาเป๊ะได้เร็วขึ้นค่ะ
สำหรับการออกกำลังกายเพื่อ ควบคุมน้ำหนักตอนท้อง ที่คนท้องสามารถทำได้ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ การเดิน ปั่นจักรยานบนเครื่อง แต่ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่เสี่ยงให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณส่วนท้อง รวมถึงก่อนจะเลือกเล่นกีฬาประเภทใดๆก็ตาม คุณแม่ท้องควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อดูความเหมาะสมกับแม่ท้องแต่ละคนก่อนนะคะ จะได้ไม่เกิดอันตรายทั้งแม่ และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก kapook
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
รวม 5 เมนูสตรอเบอรี่ สูตรเด็ดเพื่อแม่ท้อง
คนท้องกินช็อกโกแลตได้ไหม อันตรายกับลูกในท้องหรือไม่
คนท้องดื่มชาเขียวได้ไหม? ดื่มมากไป เสี่ยงแท้ง จริงหรือ?
คนท้องดื่มน้ำขิงได้ไหม? เสี่ยงแท้งจริงหรือ?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่