AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก ง่ายๆ (ตั้งแต่ในท้อง-12ปี)

รู้หรือไม่!? การให้ ลูกเรียนดนตรี ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องในการช่วยให้ลูกเป็นอัจฉริยะได้ แล้วจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้ลูกมีความสามารถเป็นอัจฉริยะด้านดนตรี Amarin Baby & Kids มีเทคนิคดีๆ มาฝากค่ะ

เมื่อพูดถึงความฉลาดทางด้านดนตรี คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยมักเลือกให้เป็นหนึ่งในการเรียนเสริมของลูกๆ เรามาลองดูกันว่าลูกน้อยของคุณมีความเป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีมากน้อยแค่ไหน

เทคนิคส่งเสริมความสามารถให้ ลูกเรียนดนตรี ง่ายๆ
(ตั้งแต่ในท้อง-12
ปี)

ดร.ฮาร์เวิร์ด การ์ดเนอร์ ได้กล่าวถึงความฉลาดทางด้านดนตรี (Musical Intelligence) ว่า “เด็กที่มีความสามารถทางด้านดนตรี จะมีความไวเกี่ยวกับเสียงที่สูงต่ำ ทำนองเพลง จังหวะดนตรี และน้ำเสียงได้ดี ตัวอย่างของบุคคลที่เป็นเลิศทางด้านดนตรีที่รู้จักกันดี ได้แก่ คุณบัณฑิต อึ้งรังษี วาทยกรชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกนั่นเอง”

Good you know : คุณบัณฑิตเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันขันมาเซล – วิลาร์ (Maazel Vilar International Conducting Competition) ซึ่งเป็นการแข่งขันอำนวยเพลงรายการใหญ่และมีเกียรติสูงสุด ที่คาร์เนกีฮอลล์ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2545 คุณบัณฑิตมีความหลงใหลในดนตรีมาตั้งแต่วัยเด็ก เริ่มเรียนกีตาร์คลาสสิกเมื่ออายุ 13 ปี และมีโอกาสไปชมคอนเสิร์ตของวงนิวยอร์กฟิลฮาร์โมนิกออร์เคสตรา วงดนตรีที่มีชื่อเสียงหนึ่งในห้าของโลกซึ่งมาเล่นในประเทศไทย ได้เห็นสุบิน เมธาร์ ผู้อำนวยเพลงชาวอินเดียที่ได้รับการยกย่องเป็นวาทยกรระดับโลก จึงเกิดแรงดลใจว่า คนไทยก็น่าจะไปถึงระดับนี้ได้ นับแต่นั้นมา คุณบัณฑิตก็หันเข็มชีวิตจากธุรกิจส่วนตัวมาสู่วงการดนตรีเต็มตัว ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจฝ่าฟันอุปสรรคจนประสบความสำเร็จในที่สุด

วิธีการวัดแววความฉลาดทางด้านดนตรีของลูก

นี่เป็นแค่หนึ่งตัวอย่างที่ผมอยากนำเสนอเรื่องราวของคนที่มีความเป็นเลิศทางด้านดนตรีนะครับ ทีนี้เรามาลองดูวิธีการวัดแววความฉลาดทางด้านดนตรีว่าลูกน้อยของคุณมีประกายหรือมีแววในข้อใดบ้างหรือไม่

  1. ลูกของคุณมีความสุข สนุกสนานกับการฟังเพลงจากวิทยุ เทป ซีดี
  2. ชอบเคาะมือ เคาะเท้าเป็นจังหวะ หรือผิวปาก ฮัมเพลง ในขณะทำกิจวัตรประจำวัน
  3. รู้จักท่วงทำนอง จังหวะ และลีลาของเพลงต่างๆ มากมาย
  4. ร้องเพลงได้ไพเราะ หรือเล่นดนตรีต่างๆ ได้เก่ง
  5. มีท่วงที จังหวะ และลีลาในการพูดหรือเคลื่อนไหวที่แสดงออกทางดนตรีได้อย่างชัดเจน
  6. ชอบร้องเพลงคลอตามขณะเปิดเพลง ชอบการแสดงดนตรี (Concert) ชอบเล่นเครื่องดนตรีประเภทต่างๆ
  7. ชอบสะสมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับดนตรี เช่น เทปเพลง เนื้อเพลง ซีดี วิดีโอเพลง เครื่องดนตรีต่างๆ เป็นต้น
  8. สนใจฟังเสียงดนตรีหรือเสียงอื่นๆ รอบๆ ตัว และพยายามหาโอกาสในการฟัง สามารถคิดประกอบเสียงดนตรีหรือเสียงธรรมชาติอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
  9. สามารถฟังและตอบรับเสียงต่างๆ รอบตัวแล้วเรียบเรียงเสียงประสานให้อยู่ในรูปแบบที่มีความหมายได้
  10. สามารถพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการร้องเพลงหรือเล่นดนตรีได้ดี ทั้งการร้องเดี่ยวหรือกับคนอื่นๆ ได้

อ่านต่อ >> “เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ – วัยประถม” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

(ต่อ) วิธีการวัดแววความฉลาดทางด้านดนตรีของลูก

  1. สามารถบอกได้ว่าโน้ตดนตรีผิดคีย์
  2. ชอบใช้เวลาอยู่คนเดียวกับเครื่องดนตรีง่ายๆ สักชิ้น
  3. มีความสนใจอาชีพที่เกี่ยวกับดนตรี เช่น นักร้อง นักดนตรี ครูสอนดนตรี คนทำเครื่องดนตรี ดีเจ นักแต่งเพลง ผู้อำนวยเพลง เป็นต้น
  4. สามารถจดจำเสียงที่เคยได้ยินแม้เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งได้
  5. มักจะได้ยินเสียงเพลงจากภาพยนตร์ โทรทัศน์ หรือวิทยุก้องอยู่ในหูตลอดเวลา

หากสำรวจพบคุณสมบัติเหล่านี้ตั้งแต่ 12 ข้อขึ้นไป แสดงว่า เด็กคนนี้มีความฉลาดและถนัดทางด้านดนตรีครับ

ส่วนวิธีการที่จะฝึกทักษะทางด้านนี้ เช่น การแสดงบนเวที การร้องเพลง หัดให้เล่นดนตรี การใช้เครื่องดนตรี การรู้จังหวะดนตรี แต่งเพลงด้วยคอมพิวเตอร์ ร้องเพลงประสานเสียง เล่นดนตรีเครื่องสาย เล่นดนตรีสากล 2 – 4 ชิ้น การทำจังหวะ การเต้นตามจังหวะเพลง การอ่านเพลงสวด การสวดมนต์ การอ่านทำนองเสนาะ หรือใช้การร้องเพลงเข้ามาประกอบในบทเรียน

เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก

เพราะการสร้างความสามารถด้านดนตรี จำเป็นจะต้องส่งเสริมกันตั้งแต่ยังเล็ก หากคุณพ่อคุณแม่อยากให้ลูกมีความสามารถด้านดนตรี ลองมาดูเทคนิคการส่งเสริมความสามารถให้ลูกด้านนี้ จาก เล็ก  ส่วนลูกน้อยวัยไหน ควรจะส่งเสริมอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

** ตั้งแต่ในครรภ์

1.รักษาและปกป้องหูไม่ให้ถูกกระทบกระเทือน

ควรระวังไม่ให้ทารกในครรภ์ถูกกระทบกระเทือนจากเสียงที่ดังเกินไป โดยไม่สร้างมลภาวะทางเสียงให้รบกวนทารกในครรภ์ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดัง คุณแม่ที่ทำงานในโรงงาน ในสนามบิน สถานที่แสดงมหรสพ สถานที่บันเทิง เสียงที่ดังมากๆจากเครื่องขยายเสียงในโรงภาพยนตร์ หรือไมค์และลำโพงที่ใกล้เกินไปอาจทำให้ทารกในครรภ์มีความเสี่ยงต่อการได้ยิน ส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการที่ทารกมีน้ำหนักน้อย หรือคลอดก่อนกำหนดได้

2.ให้ประสบการณ์ดนตรีที่ผสมผสานในการเลี้ยงดู และปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติ

ทารกในครรภ์ มีพัฒนาการและการสร้างหูชั้นในและหูชั้นกลางชัดเจนตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 4 เดือน และสามารถตอบสนองด้วย การเคลื่อนไหวร่างกาย และมีการเต้นของหัวใจที่สอดคล้องกับ เสียงจังหวะของดนตรี มีการวิจัยพบว่าทารกสามารถจำเสียงที่เคยได้ยินเมื่อตอนอยู่ในครรภ์มารดาและจะแสดงความสนใจด้วยการหันมองทางเสียงที่ตนเองคุ้นเคย นอกจากนี้ ทารกในครรภ์ยังสามารถรับรู้ถึงเสียงต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัวจากหูและความรู้สึกสั่นสะเทือนของน้ำคร่ำที่มาสัมผัสกับผิวหนังได้ การที่คุณแม่ร้องเพลง ฟังเพลง พูดคุยกับน้องในครรภ์เป็นการสร้างประสบการณ์ดนตรีที่เหมาะสม

ใช้เสียงของแม่ให้สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ เนื่องจากเสียงที่ทารกในครรภ์ได้ยินชัดเจนที่สุด คือ

1.เสียงของแม่ ไม่ว่าเสียงพูด เสียงร้องเพลง
2. เสียงหัวใจแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเต้นช้าๆ อย่างสงบราบรื่น หรือเสียงกระชั้น กระตุก ดัง
3. เสียงน้ำในตัวคุณแม่
4.เสียงทุ้มและต่ำจากภายนอก เช่นเสียงของคุณพ่อ

ทารกแรกคลอดสามารถจดจำเสียงของมารดา รวมถึงเสียงที่คุ้นเคยอื่นๆที่เคยได้ยินมาระหว่างที่อยู่ในครรภ์  เมื่อเริ่มเดือนที่ 4 ทารกจะได้ยินเสียงที่แม่พูด เสียงเพลงที่แม่ร้อง หากทารกได้ยินแต่คำพูดที่สุภาพ เสียงเพลงที่ไพเราะ เพลงที่แสดงความรัก ความเอื้ออาทร และความห่วงใย จากคุณแม่ตลอด 9 เดือน  ดนตรีเหล่านี้ก็จะมีบทบาทสำคัญต่อการส่งเสริมความสามารถในการรับรู้ และเรียนรู้ต่อไป

อ่านต่อ >> “เทคนิคส่งเสริมความสามารถด้านดนตรีให้ลูก ตั้งแต่วัยอนุบาล – วัยประถม” คลิกหน้า 3

อ่านต่อ “บทความดี ๆ น่าสนใจ” คลิก!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 


** วัยอนุบาล

1. สร้างและสนับสนุนกิจกรรมดนตรีที่หลากหลาย เช่น ฟัง ร้อง เล่น เคลื่อนไหว โดยสามารถเลือกใช้บทเพลงสั้นๆ หรือ เลือกบทร้องต่างๆที่ใช้ในวัฒนธรรมไทยเช่น โยกเยกเอย จ้ำจี้ ก็ได้

2. เลือกคุณภาพ และความหลากหลายของบทเพลง การเลือกกิจกรรมทางดนตรีสำหรับเด็ก อาจเข้าทำนองการบริโภคอาหารอย่างถูกต้อง คือบริโภคอาหารให้ได้สารอาหารหลากหลายครบทั้ง5 หมู่ ทางดนตรีก็เช่นกัน การฟังเพลง หรือร้องเพลง ควรคำนึงถึงปัจจัยในด้านต่างๆ ดังนี้

3. เรียนดนตรีด้วยความสุข โดยให้ดนตรีอยู่ในชีวิตประจำวัน การฟังเพลง ร้องเพลง เล่นดนตรี เคลื่อนไหวไปกันดนตรี เป็นกิจกรรมดนตรีที่เหมาะสมซึ่งในระบบการศึกษาตั้งแต่ระดับเด็กเล็ก (2-3 ขวบ) และระดับอนุบาล (3-5ขวบ) คุณครูจะสอดแทรกกิจกรรมดนตรีดังกล่าวระหว่างเวลาเรียนอยู่แล้ว ดังนั้นให้คุณพ่อคุณแม่ ลองสอบถาม หรือสังเกตว่าลูกร้องเพลง ฮัมเพลง หรือเต้นรำอะไร ในเวลาที่เขาเพลินๆ จากนั้นสนับสนุน ชื่นชม สิ่งที่เด็กๆทำได้เพื่อสร้างกำลังใจ และสิ่งแวดล้อมทางดนตรีที่ดี

** วัยประถม

ก่อนอื่น ขออธิบายว่าความสามารถที่หลายคนกำลังพูดถึงและให้ความสนใจนั้น บางครั้งมักจะพลาดโดยความหมายแคบๆคือ “ความสามารถทางดนตรีเท่ากับความสามารถในการบรรเลงดนตรี”  ซึ่งหลายครั้งได้หมายความถึงความเก่งด้านการเล่น หรือทักษะด้านการบรรเลงเครื่องดนตรีเท่านั้น แต่ในครั้งนี้ขอแนะนำให้ใช้ความหมายที่กว้างกว่าของความสามารถทางดนตรี เนื่องจากว่าทั้ง3 ส่วนนี้สอดประสานกันและควรคำนึงถึงในการระบุความสามารถของเด็กในการเรียนรู้ไม่ว่าจะเป็นด้านต่างๆ วิชาต่างๆ ดังนี้

ดังนั้นการพัฒนาและส่งเสริมความสามารถทางดนตรีสำหรับเด็กประถม จึงควรคำนึงถึงการพัฒนาความสามารถทางสติปัญญาความคิด ความสนใจและเจตคติต่อดนตรี รวมถึงความคล่องแคล่วในการใช้ร่างกายในการปฏิบัติทักษะการบรรเลงเครื่องดนตรี  การเปิดโอกาสให้เด็กโตได้เลือกทำกิจกรรมทางดนตรีไม่ว่าจะการรวมวงดนตรีกับเพื่อน การเลือกฟังเพลงต่างๆ ร้องเพลงที่ตนเองชอบจะช่วยสามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านดนตรีโดยองค์รวม

คุณพ่อคุณแม่ควรสร้างรากฐานแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นตั้งแต่เด็ก ดังเช่นคำพูดที่ว่า “กว่าจะถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” เพราะในช่วงแรกของชีวิตเป็นเวลาแห่งการเรียนรู้ที่ดีที่สุด เด็กที่ได้รับการเตรียมพร้อมโดยพ่อแม่ก่อนเข้าโรงเรียนย่อมได้เปรียบกว่าเด็กคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมที่บ้าน เช่น ดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การเรียนดนตรีก็เช่นเดียวกันครับ คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากที่เข้าใจว่า เมื่อส่งลูกเข้าเรียนพิเศษในโรงเรียนสอนดนตรีก็หวังจะให้ลูกน้อยประสบความสำเร็จทางด้านดนตรี แต่ไม่ได้สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ดนตรีที่บ้าน เช่น เปิดเพลงให้ฟัง พาเด็กไปชมการแสดงดนตรี ก็คงจะเป็นไปได้ยาก

ที่สำคัญ ดนตรีที่ส่งเสริมความคิดที่ดีนั้นต้องเป็นดนตรีที่กลั่นกรองมาดี เช่น ดนตรีคลาสสิกหรือดนตรีพื้นบ้าน หมายความว่าเป็นดนตรีที่ไม่ได้รับการปรุงแต่งด้วยเทคโนโลยีจนผิดธรรมชาติ และวิธีช่วยลูกให้มีความฉลาดด้านต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับการจัดสิ่งแวดล้อมและการอบรมเลี้ยงดูที่ถูกต้อง การสังเกต ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความเข้าใจที่มีให้ จะสร้างลูกให้เป็นทั้งคนดีและคนฉลาดได้ไม่ยากเลย

อ่านต่อ “บทความดีๆ น่าสนใจ” คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก : นายแพทย์อนันต์ โลหะพัฒนบำรุง กุมารแพทย์ บทความโดยนิตยสาร Amarin Baby & Kids