อัลตร้าซาวด์ Ultrasound คือ คลื่นเสียงความถี่สูงที่เกินกว่าหูมนุษย์จะได้ยิน (มากกว่า 20,000 เฮิซร์ต) ในการวินิจฉัยโรคจะใช้ความถี่ประมาณ 2 – 7.5 เมกกะเฮิซร์ต โดยอาศัยหลักการทำงานของเสียง …เมื่อเปิดเครื่องอัลตร้าซาวด์ กระแสไฟฟ้าสลับที่ไหลเข้ามาภายในเครื่องจะผ่านหัวตรวจซึ่งภายในมีผลึก จะเกิดการสั่นสะเทือนและมีการปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงออกมาจากหัวตรวจ ผ่านลงสู่ผิวหนังเข้าไปยังอวัยวะภายในที่ต้องการตรวจ เมื่อเสียงกระทบเนื้อเยื่อต่างชนิดกัน ก็จะเกิดการสะท้อนและการดูดกลับของเสียงไม่เท่ากันในเวลาที่ไม่เท่ากันตามระดับความลึกของเนื้อเยื่อนั้นๆ และจะถูกแปลผลให้ปรากฏเป็นภาพบนจอ
ความแตกต่างของมิติอัลตร้าซาวด์
เทคโนโลยีทางการแพทย์ได้ก้าวล้ำไปอย่างมาก ทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นหน้าลูกน้อยตั้งแต่อยู่ในครรภ์กันเลยทีเดียวและการอัลตราซาวนด์นั้นมีมากมายหลายประเภทให้คุณพ่อคุณแม่ได้เลือกตามความต้องการว่าอยากเห็นภาพทารกชัดแค่ไหนอยากเก็บภาพลูกแบบไหน ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ในแต่ละโรงพยาบาลสมัยนี้ก็สามารถให้ได้ทุกรูปแบบ ส่วนราคาของการความทันสมัยย่อมสูงไปตามๆกัน โดยสามารถแจกแจง ได้ดังนี้คะ
อัลตราซาวนด์ แบบ 2 มิติ
อัลตราซาวนด์ 2 มิติ คุณภาพของระบบทำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ภาพที่เห็น ความกว้างและความยาว เป็นภาพตัดขวางตามแนวคลื่นเสียงความถี่สูงที่ส่งออกไป ซึ่งจะสามารถมองเห็นได้ทีละระนาบในแต่ละครั้งสูติแพทย์จะเลือกทำอัลตราซาวด์2มิติเมื่อใต้องการวินิฉัยถึงความ ผิดปกติต่างๆได้ดี ซึ่งสูติแพทย์จะนิยมใช้ภาพ 2 มิตินี้ในการตรวจเป็นมาตรฐาน แต่ภาพที่เห็นลักษณะนี้จะดูและเข้าใจได้ยากมีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่จะแปลผลที่เห็นได้ คุณพ่อคุณแม่ก็มักดูไม่รู้ว่าหน้าตาลูกเป็นอย่างไร หรือดูไม่รู้ว่าตรงไหนคืออวัยวะอะไรบ้าง เห็นเป็นรูปร่างเงาๆเท่านั้น ภาพที่ได้เป็นขาวดำ ค่าใช้จ่ายถือว่าถูกสุดแล้วในการทำอัลตราซาวด์ ขึ้นอยู่กับว่าเลือกทำที่ไหน
- โรงพยาบาลเอกชน 1,500-2,500 บาท / ครั้ง
- คลินิก 400 -1,000 บาท/ ต่อครั้ง
- โรงพยาบาลรัฐบาล 400 – 600 บาท / ต่อครั้ง
อัลตราซาวนด์ แบบ3 มิติ
หลักการทำงานของเครื่องอัลตราซาวนด์แบบ 3 มิติ จะมีการตรวจและอุปกรณ์ประมวลผลจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เครื่องจะทำหน้าที่เก็บภาพ 2 มิติ คือ ความกว้างและความยาว แต่จากนั้นหัวตรวจจะถูกลากผ่านไปมาแล้วนำมาประกอบกันขึ้นสร้างเป็นภาพ 3 มิติ ส่วนการเก็บภาพมิติที่ 3 คือ ความลึกทำให้ภาพของทารกที่ปรากฏออกมาดูเหมือนจริงมากขึ้นคุณพ่อคุณแม่ดูง่ายและเข้าใจมากขึ้นส่วนค่าใช้จ่ายไม่แตกต่างกันมาก เท่าๆกับ 2 มิติ
- โรงพยาบาลเอกชน 1,500-2,500 บาท / ครั้ง
- คลินิก 400 -1,000 บาท/ ต่อครั้ง
- โรงพยาบาลรัฐบาล 400 – 600 บาท / ต่อครั้ง
อัลตราซาวด์ แบบ 4 มิติ
การอัลตราซาวด์แบบ 4 มิติ เป็นการนำภาพ 3 มิติ มาเรียงกัน แสดงผลเป็นภาพเคลื่อนไหว ทำให้เห็นภาพของทารกในครรภ์ในอิริยาบถต่าง ๆ เช่น การหันหน้า ยกแขน ขยับตัว ดูดนิ้วได้ สามารถมองเห็นอวัยวะภายนอกของทารกในครรภ์ได้ชัดเจนกว่าการตรวจด้วยอัลตราซาวด์ 2 มิติ เช่น ใบหน้า แขน ขา นิ้วมือ พ่อแม่จึงสามารถมองภาพได้เข้าใจมากขึ้น เห็นความผิดปกติของทารกภายนอกพื้นผิวได้ชัดเจนมากขึ้น แต่การใช้ภาพ 4 มิติจะไม่สามารถมองเห็นความผิดปกติภายในได้ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการทำ อัลตราซาวด์ แบบอื่นๆ
- โรงพยาบาลเอกชน2,500-4,000 บาท / ครั้ง
- คลินิก 2,500-3,000 บาท/ ต่อครั้ง
- โรงพยาบาลรัฐบาล1000- 2000บาท / ต่อครั้ง ส่วนมากไม่มีแบบ4มิติ
- คลิปตัวอย่าง อัลตราซาวด์ ชนิด 2 – 3 – 4 มิติ
คลิกชมคลิปจริง >> เปรียบเทียบการอัลตร้าซาวด์แบบ 2 – 3 และ 4 มิติ
พร้อมอ่านต่อ >> ประโยชน์ของการอัลตร้าซาวด์ คลิกเลย
ประโยชน์ของการอัลตร้าซาวด์
การอัลตราซาวด์ในช่วงตั้งครรภ์ ถือว่าเป็นการตรวจที่ปลอดภัย มีประโยชน์ อย่างน้อย ๆ ก็มี 10 ประการ ดังนี้
1.ดูเพศของทารก
2.ใช้ดูว่ามีครรภ์แฝดหรือไม่
3.ทำให้ทราบอายุครรภ์ที่แท้จริง ซึ่งจะมีความแม่นยำสูงเมื่อทำในช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับคุณแม่ที่จำวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายไม่ได้ หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ
4.ดูว่าการตั้งครรภ์อยู่ภายในโพรงมดลูกหรือไม่ มีการตั้งครรภ์นอกมดลูกหรือครรภ์ไข่ปลาอุกหรือไม่
5.ประเมินน้ำหนักและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
6.กรณีมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ การอัลตราซาวด์จะทำให้รู้ว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ โดยการใช้อัลตราซาวด์ดูว่า หัวใจของเด็กยังเต้นอยู่หรือไม่ ซึ่งสามารถดูได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 6 สัปดาห์
7.ใช้ตรวจความผิดปกติของตัวเด็ก วินิจฉัยความพิการทางร่างกายแต่กำเนิดของทารก ประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ โดยการดูการเคลื่อนไหว การหายใจของทารก วินิจฉัยภาวะหัวใจพิการแต่กำเนิด เป็นต้น
8.ใช้ดูปริมาณน้ำคร่ำว่ามีน้ำคร่ำน้อยเกินไปหรือมากเกินไปหรือไม่ ซึ่งทั้ง 2 ภาวะนี้มีอันตรายแก่ทารกทั้งคู่
9.ใช้ดูตำแหน่งของรกว่ารกเกาะต่ำหรือไม่ ถ้ารกเกาะต่ำ เช่น เกาะตรงปากมดลูก เวลาคลอดปากมดลูกจะเปิดทำให้มีการตกเลือดได้ ถ้ารกเกาะต่ำมากอาจต้องคลอดโดยการผ่าตัด
10.ประเมินความยาวของปากมดลูกในกรณีที่มีประวัติคลอดก่อนกำหนด ประเมินส่วนนำในการคลอดของทารก เช่น ท่าหัว ท่าก้น เป็นต้น
อัลตร้าซาวด์บ่อยๆ อันตรายหรือไม่
เรื่องนี้ทางการแพทย์ยืนยันว่า การใช้คลื่นเสียงความถี่สูงจากการอัลตร้าซาวด์นั้น ไม่ส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ เพราะไม่มีการใช้รังสี และยังไม่เคยมีการศึกษาอะไรที่แสดงให้เห็นว่า ทารกที่อยู่ในครรภ์ซึ่งได้รับการทำการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงเกิดความผิดปกติใดๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเลือกอัลตร้าซาวด์กี่มิตินั้น คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์อยู่ เพื่อพิจารณาข้อมูลต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการอัลตร้าซาวด์ โดยในทางการแพทย์ การวินิจฉัยความผิดปกติหลักของโครงสร้างร่างกายของทารกในครรภ์ ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้อัลตร้าซาวด์แบบ 2 มิติเป็นหลัก เพราะอัลตร้าซาวด์แบบ 3 และ 4 มิติ ไม่สามารถวินิจฉัยได้ แต่สิ่งที่เหนือกว่าก็คือการทำให้มารดาได้เห็นทารกในครรภ์ได้ชัดเจน เหมือนการถ่ายวิดีโอให้ดูทารกได้ทั้งตัวที่มีรูปร่างเหมือนทารกจริงๆ ไม่ใช่ภาพที่ตัดในแนว 2 มิติดังที่เห็นกันทั่วไป
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : ultrasoundlink
ขอบคุณข้อมูลจาก: www.si.mahidol.ac.th