AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

วิตามินคนท้อง

วิตามินคนท้อง เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับหญิงตั้งครรภ์ การทานวิตามิน ก็เพื่อให้มั่นใจได้ว่าแม่ท้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกในท้องและตัวแม่ท้องเอง

10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

ในช่วงเวลาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ร่างกายของแม่ท้องต้องการสารอาหารที่มากขึ้น ในแม่ท้องบางคน ที่อาจแพ้ท้องจนทานได้ไม่เยอะ หรืออาจจทานอาหารได้ไม่หลากหลาย จนทำให้ได้รับสารอหาารไม่เพียงพอกับที่ร่างกายของแม่ท้องและลูกในท้องต้องการ การทาน วิตามินคนท้อง จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้แม่ท้องมั่นใจว่าได้รับสารอาหารครบถ้วนและเพียงพอต่อความต้องการของลูกในท้อง มาดูกันค่ะ ว่ามีวิตามินอะไรบ้างที่แม่ท้องควรกิน

  1. กรดโฟลิก

กรดโฟลิก ถือเป็นวิตามินที่สำคัญที่สุดสำหรับการตั้งครรภ์ เนื่องจากกรดโฟลิกจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิดในทารกในครรภ์ ซึ่งหากเกิดภาวะนี้ จะทำให้การพัฒนากระดูกหลังหรือไขสันหลังในทารกไม่สมบูร๕์ และยังทำให้การพัฒนาของสมองส่วนสำคัญของทารกไม่สมบูรณ์อีกด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทารกที่คลอดออกมาพิการหรือมีชีวิตไม่ยืนยาวได้

ปริมาณของกรดโฟลิกที่หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับต่อวันคือ 400 ไมโครกรัมในช่วงก่อนการตั้งครรภ์ตลอดไปจนถึง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และ 600 ไมโครกรัมในช่วงเดือนที่ 4-9 ของการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังควรทานกรดโฟลิกตลอดไปจนถึงช่วงของการให้นมบุตร โดยควรทาน 500 ไมโครกรัมต่อวัน

วิตามินคนท้อง มีส่วนช่วยให้แม่ท้องได้รับสารอาหารที่่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน

2. ธาตุเหล็ก

โรคโลหิตจาง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ โดยโรคโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์นั้นมักเกิดจากการที่ร่างกายขาดธาตุเหล็กนั่นเอง หากแม่ท้องขาดธาตุเหล็กระหว่างตั้งครรภ์ จะส่งผลกระทบหลายอย่างต่อลูกในท้อง ดังนี้  เพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ลูกในครรภ์น้ำหนักน้อย ลูกในครรภ์มีโลหิตจาง หากโลหิตจางมาก อาจทำให้เกิดน้ำคร่ำน้อย ซึ่งทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังอาจเกิดอันตรายกับมารดาในช่วงคลอด เพราะอาจตกเลือดจนเสียชีวิตได้ค่ะ

การตั้งครรภ์เป็นสาเหตุของโรคโลหิตจางได้ เนื่องจากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ น้ำเหลือง (พลาสม่า) จะเพิ่มมากกว่าเม็ดเลือดแดง ทำให้เสมือนว่าเม็ดเลือดแดงซึ่งอยู่ในน้ำเหลืองมีจำนวนน้อยลง อีกทั้งธาตุเหล็กจากการรับประทานอาหารมักไม่เพียงพอ เนื่องจากแม่ท้องต้องการธาตุเหล็กมากกว่าคนปกติ เพื่อเสริมสร้างส่วนของทารกและส่วนของมารดา โดยแม่ท้องต้องการธาตุเหล็กตลอดการตั้งครรภ์จำนวน 1,000 มิลลิกรัม โดยจำนวน 300 มิลลิกรัม ไปสร้างส่วนที่เป็นรกและทารก จำนวน 500 มิลลิกรัม ไปเพิ่มส่วนที่เป็นโลหิตของแม่ และจำนวน 200 มิลลิกรัม ถูกขับออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ ดังนั้นคนท้องทุกคน จึงต้องเสริมธาตุเหล็ก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ 10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

3. แคลเซียม

แคลเซียม เป็นสารอาหารที่ทราบกันดีว่ามีส่วนในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง สำหรัมแม่ท้อง ก็เป็นสารอาหารที่สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะแคลเซียมที่แม่ท้องได้รับขณะตั้งครรภ์ จะไปช่วยพัฒนาโครงสร้างร่างกาย กระดูก และฟันของทารกในครรภ์ แม่ท้องที่ได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอขณะตั้งครรภ์ ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับทารกในครรภ์ เนื่องจากลูกในท้องสามารถดึงแคลเซียมที่สะสมอยู่ในกระดูกของคุณแม่มาใช้ได้ เมื่อถูกดึงแคลเซียมมาใช้มาก ๆ เข้า จะเกิดผลกระทบกับตัวแม่ท้องเองในระยะยาว เช่น ทำให้กระดูกเปราะบาง ผุง่ายกว่าปกติ ฟันผุง่ายขึ้น ซึ่งจะแสดงอาการเมื่อแม่่ท้องมีอายุมากขึ้น นอกจากนี้ แม่ท้องที่ขาดแคลเซียมมักจะเป็นตะคริวบ่อย เพราะการขาดแคลเซียม จะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อปวดเกร็งได้บ่อย ๆ นั่นเอง

ในคนปกติ ร่างกายจะดูดซึมแคลเซียมครั้งละ 500-600 มิลลิกรัม แต่ปริมาณแคลเซียมที่คุณแม่ท้องต้องการนั้นสูงถึงวันละ 1,000-1,200 มิลลิกรัม เพราะแคลเซียมในตัวคุณแม่ได้ถูกดึงไปใช้ในการเสริมสร้างกระดูกของเจ้าตัวเล็ก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 นอกจากแคลเซียมจะเป็นส่วนประกอบสำคัญของกระดูก ฟัน และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ยังช่วยทำให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ เช่น ระบบของกล้ามเนื้อ ระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

4. ไอโอดีน

ไอโอดีน เป็นสารอาหารที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ หากหญิงตั้งครรภ์ได้รับสารไอโอดีนในปริมาณไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้เด็กในครรภ์มีความพิการทางสมองได้ เป็นภาวะอันตรายที่สามารถป้องกันได้ ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์จึงควรได้รับสารไอโอดีนอย่างเพียงพอจากการบริโภคอาหาร เนื่องจากสารไอโอดีนเป็นสารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ โดยลูกในท้องจะต้องได้รับจากมารดาเท่านั้น ส่วนตัวแม่ท้องเองจะสามารถรับสารไอโอดีนได้จากการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารไอโอดีน หรือได้รับจากยาเสริมธาตุไอโอดีน

นอกจากนี้ยังพบว่าในหญิงตั้งครรภ์จะมีการทำงานของไตที่หนักกว่าคนทั่วไป ทำให้เกิดการขับไอโอดีนออกจากร่างกายปริมาณมากกว่าคนอื่น จึงควรบริโภคไอโอดีนให้มากกว่าปกติ โดยไอโอดีนจะถูกส่งไปยังทารกในครรภ์ผ่านทางรก และหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับไอโอดีน 170-200 ไมโครกรัมต่อวัน ทางที่ดีสำหรับการรับสารไอโอดีนของหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับก่อนตั้งครรภ์เป็นเวลา 5 เดือน หากมีการวางแผนที่จะมีบุตร

10 วิตามินที่คนท้องควรกินเพื่อลูกในท้อง

5. วิตามินซี

วิตามินซี เป็นวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ส่มองทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรงอีกด้วย การขาดวิตามินซี จะทำให้ร่างกายแม่ท้องไม่แข็งแรง ป่วยง่าย มีเลือดออกตามไรฟัน เป็นต้น

วิตามินซียังมีความสำคัญกับลูกในท้อง โดยมีส่วนช่วยสร้างอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายของลูกในท้องทำงานดี เจริญเติบโตดี โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกจะช่วยให้รกแข็งแรงและดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้นด้วย แม่ท้องควรได้รับวิตามินซี 80-85 มิลลิกรัมต่อวัน

6. วิตามินอี

วิตามินอีจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงและป้องกันภาวะแท้งและครรภ์เป็นพิษได้ โดยปริมาณวิตามินอีที่เหมาะสมกับแม่ตั้งครรภ์ คือ ประมาณวันละ 10-15 มิลลิกรัม

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ 10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

10 วิตามินคนท้อง ที่ควรกินเพื่อบำรุงแม่และลูกในท้อง

7. วิตามินดี

การขาดวิตามินดีในแม่ท้อง อาจส่งผลให้เกิดกระดูกหักหรือผิดรูปได้ในทารกแรกเกิดได้ เพราะวิตามินดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกให้แก่ทารกในครรภ์ ทำให้โครงสร้างกระดูกมีความสมบูรณ์เมื่อทารกโตขึ้น ปริมาณที่เหมาะสมของการทานวิตามินดีในหญิงตั้งครรภ์ปกติที่ไม่ได้มีภาวะขาดวิตามินดี อยู่ที่วันละ 400 หน่วยสากล (IU)

8. สังกะสี

สังกะสี เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบการทำงานของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์โปรตีนเอนไซม์ต่าง ๆ มากกว่า 300 ชนิดในร่างกายของเรา นอกจากนี้ยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกของลูกในท้องอีกด้วย แม่ท้องที่ขาดธาตุสังกะสี จะส่งผลให้เกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด ทารกในครรภ์เติบโตช้ากว่าปกติ ส่งผลให้เกิดความพิการ การเสียเลือดหลังคลอด ในในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรได้รับสังกะสีวันละ 20-25 มิลลิกรัม

9. วิตามินบีรวม (บี1 บี2 บี3 บี6 บี12)

วิตามินบี 1 มีผลต่อการพัฒนาระบบประสาทส่วนกลางของทารก และในกรณีที่ได้รับมิตามินนี้น้อยไป จะมีผลเสียต่อหัวใจและปอดของทารกได้ วิตามินบี 2 มีส่วนอย่างมากกับการพัฒนาสมองของทารกในครรภ์ให้เจริญเติบโต ถ้าได้รับน้อยเกินไป จะส่งผลทำให้สมองของทารกพัฒนาได้ไม่เต็มที่ หรือมีขนาดเล็กกว่าปกติ วิตามินบี 6 มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับระบบการทำงานของสมองและการทำงานของระบบประสาท ของทั้งแม่ท้องเองและลูกในท้อง วิตามินบี 12 ช่วยในการทำงานของระบบประสาท และช่วยในการผลิตเม็ดเลือดแดง ทำให้ทารกเติบโตตามปกติ ไม่เกิดอาการขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการนำเอาออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายและสมองของทารก ในหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวิตามินบีรวมในปริมาณต่อไปนี้ วิตามินบี 1 (thiamine) 3 มิลลิกรัม / วิตามินบี 2 (riboflavin) 2 มิลลิกรัม / วิตามินบี 3 (niacin) 20 มิลลิกรัม / วิตามินบี 12 ปริมาณ 6 ไมโครกรัม

10. โอเมก้า 3

โอเมก้า 3 จะช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนของแม่ท้อง ทำให้มดลูกแข็งแรง ช่วยเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ลดภาวะคลอดก่อนกำหนด ทำให้น้ำหนักตัวลูกดี เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และคุณลูก ควรกินโอเมก้า 3 หรือน้ำมันปลาเป็นประจำ แต่เนื่องจากการทานปลาทะเลเป็นประจำ ก่อให้เกิดการสสมสารตะกั่วในร่างกายได้ ดังนั้น การทานวิตามินที่มีโอเม้า 3 จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับแม่ท้อง

การทานวิตามินขณะตั้งครรภ์ ควรทานวิตามินสำหรับคนท้องเท่านั้น

วิตามินหลาย ๆ ชนิดที่ร่างกายของหญิงตั้งครรภ์ต้องการ นั้นสามารถหาทานได้จากอาหารทั่วไป แต่หากแม่ท้องต้องการมั่นใจว่าสามารถรับสารอาหารที่จำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์อย่างครบถ้วน การทาน วิตามินคนท้อง มักจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก

2 เรื่องสำคัญ แม่ท้องต้องทำ เพื่อให้ลูกเกิดมาครบ 32 และมีสมองดี

15 อาหารที่มีโฟเลตสูง ที่แม่ท้องและลูกในท้องควรทาน

7 วิธีดูแลตัวเองตอนท้อง อยากให้ลูกในท้องแข็งแรง ต้องทำสิ่งนี้

 

ข้อมูลอ้างอิงจาก : rama channel, ไทยรัฐ, โรงพยาบาลสมิติเวช

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids