ถ้าคุณแม่อยากให้ลูกน้อยเป็นเด็กฉลาด จิตใจดี มีสมาธิ คุณแม่ต้องฝึกสมาธิ กำหนดลมหายใจเข้าออก เป็นประโยชน์ทั้งตัวคุณแม่เอง และลูกในท้อง เพราะมีการทดลองแล้วว่า เมื่อ แม่ท้องฝึกสมาธิ ลูกในครรภ์ก็ได้นั่งสมาธิไปด้วย และแก้ปัญหาตะคริว ปวดหลังของคุณแม่ได้อีกด้วยค่ะ
จิตประภัสสรตั้งแต่นอนอยู่ในครรภ์
“การรอคอยวันเวลาที่ผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ เป็นความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกของคนที่กำลังจะได้เป็นแม่ ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหวไปมาอยู่ภายในหน้าท้อง แม่รับรู้ได้ถึงความรัก และการรอคอยที่มีความหมายอันยิ่งใหญ่ ทั้งความหมายของความรักอันบริสุทธิ์ และความหมายแห่งความเป็นแม่ อีกไม่นานเราจะได้พบกัน”
สมาธิ คือ การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ ในทางวิทยาศาสตร์ยังพบว่าคลื่นสมองในระดับความถี่ 8-12 รอบต่อวินาที คือช่วงที่สมองพักผ่อนหรือกำลังมีสมาธิ มีผลให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ลูกของเราจึงจะเป็นเด็กที่มีสมาธิได้
ผลของสมาธิก็ทำให้จิตสงบ คุณแม่ควรฝึกสมาธิตั้งแต่ตอนที่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์ การฝึกสมาธิมีหลายวิธีนอกจากการนั่งสมาธิแล้ว ยังมีการฝึกโยคะ หรือการเดินอย่างช้าๆ การเปิดเพลงเบาๆ ให้ลูกในครรภ์เคลื่อนไหวไปด้วยกันอย่างช้าๆ และมั่นคง
เสถียรธรรมสถาน เป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติให้กับครอบครัว คุณพ่อ และคุณแม่ตั้งครรภ์ ฝึกสมาธิให้ลูกจิตใจดี
อ่านต่อ “การฝึกสมาธิด้วยโยคะของคุณแม่ตั้งครรภ์ และฝึกลูกให้มีสมาธิ” คลิกหน้า 2
การฝึกสมาธิด้วยโยคะของคุณแม่ตั้งครรภ์
การฝึกโยคะระหว่างตั้งครรภ์ เป็นการฝึกสมาธิอีกวิธีหนึ่งในการฝึกจิตใจของคุณแม่ กำหนดลมหายใจเข้าออก พัฒนาจิตใจให้เข้มแข็ง ปรับสมดุลร่างกายให้คุณแม่ เพื่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
การฝึกโยคะสำหรับคุณแม่ท้อง เริ่มฝึกได้เมื่ออายุครรภ์ 3 เดือนขึ้นไป และไม่มีโรคประจำตัวที่อาจเป็นอันตรายเมื่อฝึก ใช้ท่าโยคะพื้นฐานโดยประยุกต์ให้เหมาะสมกับสรีระของคุณแม่ท้อง ท่านอนหงายสามารถฝึกได้ในไตรมาสที่ 2 (เดือนที่ 4-6) และควรงดฝึกในไตรมาสที่ 3 (เดือนที่ 7-คลอด) เพราะเมื่อหน้าท้องใหญ่ คุณแม่จะรู้สึกไม่สบายเวลานอนหงาย ให้ฝึกด้วยท่านั่งหรือยืนจะดีกว่า
ชมคลิปโยคะคนท้อง ท่าง่ายๆ ทำได้เองที่บ้านได้ที่นี่
ประโยชน์ของการฝึกโยคะ
1.บรรเทาอาการไม่สบายต่างๆ เนื่องจากตั้งครรภ์ เช่น คลื่นไส้ในตอนเช้า กล้ามเนื้อหรือข้อต่อต่างๆ เจ็บตึง
2.โยคะช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง อาการบวม รวมทั้งอาการตะคริวที่เกิดขึ้นตามปกติในคุณแม่ตั้งครรภ์
3.ช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การหมุนเวียนโลหิต การหายใจ การย่อยอาหาร ตลอดจนบรรเทาอาการท้องผูก
4.พัฒนาการเจริญเติบโตของอวัยวะรวมทั้งจิตใจของทารก ส่งสารอาหารไปเลี้ยงทารกอย่างมีประสิทธิภาพ
5.การฝึกโยคะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างความยืดหยุ่น และแข็งแรงแก่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ
6.โยคะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องและอุ้งเชิงกรานแข็งแรง รองรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
7.การฝึกโยคะช่วยให้รูปร่างคุณแม่หลังคลอดกลับสู่ปกติได้เร็วขึ้น
8.ขณะที่ฝึกโยคะ คุณแม่จะได้ฝึกสมาธิไปในตัว กำหนดการหายใจเข้าออก เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่และทารก ช่วยให้จิตใจสงบ ลดอาการเครียด
9.การฝึกโยคะรวมกันเป็นกลุ่ม ทำให้คุณแม่มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรื่องราวการตั้งครรภ์
ฝึกลูกให้มีสมาธิ
“ลูกไม่มีสมาธิ มีสอนนั่งสมาธิสำหรับเด็กไหม?”
เป็นคำถามหนึ่งในใจของคุณแม่คุณแม่หลายคน ทั้งๆ ที่เด็กเป็นวัยที่มีพลังชีวิตสูง เขาจึงต้องเคลื่อนไหว ลูกไม่ได้มานอนเฉยๆ ให้เราเลี้ยง แต่เขามาเพื่อทดสอบว่าพ่อแม่มีความอดทนมากแค่ไหน และคนที่อดทนกับเขาที่สุดจะเป็นคนที่เขาไว้ใจที่สุดเมื่อโตขึ้น อย่าเริ่มโดยการบังคับให้เด็ก นั่งนิ่งๆ
- เด็กบางคนสนใจกับการทำงานที่ใช้นิ้วมือเล็กๆ ตัดโน่น แปะนี่ เย็บนั่น ระบายสีนี่
- เด็กบางคนสนใจการทดลองกับของเล่นธรรมชาติพวกดิน หิน ทราย น้ำ ใบไม้ใบหญ้า
- เด็กบางคนสนใจกับเสียงดนตรีและจังหวะการเคลื่อนไหว
อะไรก็ตามที่ทำให้เขาอยู่กับสิ่งนั้นได้นานผ่านการเล่น เขาทำได้นานเพราะเขามีความสุข จิตใจก็จดจ่อต่อเนื่อง ลมหายใจที่เคยลุกลี้ลุกลนกับสิ่งเร้าภายนอก ก็เริ่มผ่อนคลายสู่จังหวะที่สงบเย็น นั่นแหละสมาธิได้เกิดขึ้นแล้ว
“เสร็จหรือยังลูก” “ทำแบบนี้สิ” “อย่าทำสีเลอะนะ” คำพูดแบบนี้ล้วนแต่จะทำลายความมั่นใจของลูก และยังทำลายสมาธิที่จะทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะลูกก็จะพาลหงุดหงิดเสียก่อน
เครดิต:หนังสือธรรมะกับโยคะสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โดย ฉัตริษา ศรีสานติวงศ์, เสถียรธรรมสถาน, AMARIN TVHD, Body&Soul Yoga Studio