AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อันตรายกับทารกในครรภ์อย่างไร?

คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ บอกเลยว่าเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากๆค่ะ เพราะเมื่อ คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ จะเป็นอันตรายกับทารกในครรภ์มาก อย่างเช่นประสบการณ์ของคุณแม่ท่านนึง ที่แท้งลูก เพราะติดเชื้อจากสายฉีดปัสสาวะ

 

คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

คุณแม่เจ้าของ Facebook : Chonlada Chomnak

ได้แชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้อ่าน และระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งคุณแม่ได้เล่าว่า

 

“ขอให้เป็นเคสอุทาหรณ์เตือนว่าที่คุณแม่ทุกๆคน จากคุณแม่อายุครรภ์ 25 สัปดาห์ที่ต้องเสียลูกน้อยไปอย่างไม่มีวันกลับ ทั้งๆที่ลูกแข็งแรงปกติหมดทุกอย่าง อะไรที่ผิดสังเกต ผิดปกติ ให้รีบไปหาหมอดีที่สุดค่ะ  หลังจากแต่งงานมา 9 เดือนแล้ว พอรู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ตั้งแต่สัปดาห์แรก ก็เห่อมากรีบไปฝากครรภ์เลยค่ะ ก็บำรุงตัวเอง ดูแลตัวเอง ซึ่งสุขภาพปกติทุกอย่าง และแล้ววันที่เริ่มผิดปกติเริ่มมาเยือนค่ะ”

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม 2561
หมอนัดไปตรวจครรภ์ประจำเดือน อายุครรภ์ครบ 24 สัปดาห์ (6 เดือน) ตรวจเรื่องเบาหวานและสุขภาพแม่ พบว่าปกติ น้ำคร่ำดีทุกอย่าง และหมอเฉพาะทางมาเช็คหัวใจ4 ห้องเปิด-ปิดปกติ อวัยวะต่างๆ ปกติ น้ำหนักโอเค ขนาดตัวโอเค อวัยวะครบ ลูกไม่เป็นดาวซินโดรม

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม 2561
เริ่มปวดมวนท้องตอนตี 3 เหมือนปวดกล้ามเนื้อหน้าท้องแบบคน sit up รู้สึกไม่สบายตัว เมื่อยข้างใน

วันอังคารที่ 20 มีนาคม 2561
ไปทำงานแบบมีอาการเจ็บท้องแบบจุกเสียดทั้งวัน เจ็บแบบแค่เดินหรือนั่งก็เสียดจุกแปลบๆที่ท้องตลอดเวลา ไลน์ปรึกษาหมอที่ฝากครรภ์ประจำ หมอฝากครรภ์ให้ลองนอนพัก ถ้าไม่ดีขึ้นให้ไปหา สรุปรู้สึกไม่ไหวไปหาหมอ แต่ได้พบหมอเวรตอนเย็น หมอเวรวิเคราะห์ว่าเป็นกระเพาะอักเสบกับกรดไหลย้อน แต่เราให้ช่วยเช็คลูกด้วย เพราะเพิ่งเคยปวดผิดปกติ หมอแจ้งว่าหัวใจเต้นปกติ กดท้องแล้ว มดลูกไม่แข็ง ไม่เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด หมอบอกว่าคนท้องมักเป็นโรคกระเพาะกับกรดไหลย้อนกัน เรารับยามาแบบแย้งในใจ พร้อมไลน์รายงานผลกับหมอที่ฝากครรภ์ประจำ

วันพุธที่ 21 มีนาคม 2561
อาการไม่ดีขึ้นแค่นอนตะแคง พลิกตัว ก็เจ็บแปลบที่หน้าท้อง เดินไม่ไหว เดินไปเจ็บไป คิดในใจว่าอาการกระเพาะอักเสบ กับกรดไหลย้อนไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ ก็ไลน์คุยกับหมอที่ฝากครรภ์ว่า เป็นไปได้มั้ยว่าเพราะลูกตัวใหญ่ขึ้น มดลูกขยายตัว หมอบอกเป็นไปได้ เราก็คิดว่าคงเป็นเรื่องปกติ

วันพฤหัสที่ 22 มีนาคม 2561
ไปทำงานทั้งๆที่ไม่ดีขึ้น นั่งๆอยู่ รู้สึกมีตกขาวไหล ไปดูที่ห้องน้ำตกขาวเป็นสีช็อคโกแล็ต เท่านั้นล่ะ ใจคอไม่ดี รีบไปโรงพยาบาล หาหมอที่ฝากครรภ์ทันที หมอให้ตรวจปัสสาวะ ผลตรวจพบว่าเราติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ถามหมอว่าเกิดได้อย่างไร หมอแจ้งว่าจากการใช้สายฉีดน้ำจากห้องน้ำสาธารณะ แนะนำให้ใช้แต่ทิชชู่เปียก หรือแม้แต่การอั้นฉี่ หรือกางเกงในชื้น ก็ทำให้เป็นได้ พอติดเชื้อ เลยส่งผลทำให้มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด หมอจึงสั่งให้หยุดงาน พร้อมให้ยาฆ่าเชื้อ ยาฮอร์โมน ยาคลายมดลูก และบอกห้ามทำอะไรหนักเลย ขยับตัวให้น้อยที่สุด เพราะถ้าขยับมากๆจะเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดได้  แต่ใจคอยังรู้สึกไม่ดี เลยขอหมอซาวน์ดูลูก พอรู้ว่าลูกปลอดภัย ดิ้นเก่งเหมือนเดิมก็โอเคที่สุดแล้ว พอตกกลางคืน เริ่มปวดท้องหนักขึ้น ปวดหน่วงๆบิดๆ ก็ไลน์หาหมอ หมอบอกเพราะมดลูกเราบีบตัวเลยเป็นแบบนี้ ก็เลยพยายามนอนแต่นอนไม่หลับ

 

แม่แชร์อุทาหรณ์ คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (ต่อ)

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

แม่แชร์อุทาหรณ์ คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (ต่อ)

วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม 2561
ปวดท้องหนัก ก็ไปถ่าย พอถ่ายเสร็จ รู้สึกมีเลือดออกเหมือนเมนส์ ก็เลยโทรไปถามโรงพยาบาลเป็นเบอร์ฉุกเฉินสำหรับคนท้องที่ให้สอบถามข้อมูล พอเล่าอาการตั้งแต่ที่เป็นมาให้หมอในสายฟัง หมอบอกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนท้องบางคนก็มีเลือดออกจากการที่มดลูกบีบตัว เราก็อุ่นใจขึ้น แต่มันเริ่มปวดท้องถี่ขึ้นๆ จนต้องโทรไปหาหมอที่ฝากครรภ์ตอนเกือบตีสอง หมอบอกให้ลองกินยาคลายมดลูก แล้วนอนพักดู ถ้าไม่ดีขึ้นให้ไปหาหมอ จนตีสองกว่านอนไม่ได้เลย ปวดทรมานมากๆ ถี่ขึ้นๆ จนจะร้องไห้ ก็แต่งตัวเตรียมจะไปโรงพยาบาล ไปเข้าห้องน้ำ ปรากฎยังไม่ทันได้ฉี่ น้ำพุ่งออกมาแรงมาก เรารู้ทันทีว่าเป็นน้ำคร่ำถึงจะเป็นท้องแรก บอกแฟนว่า น้ำคร่ำแตกแล้ว พอน้ำคร่ำเริ่มหมด ก็ลุกขึ้นจะใส่กางเกง รู้สึกมีอะไรตุงๆที่ปากมดลูก เราตกใจกรี๊ดสุดเสียงเลยเพราะขาลูกโผล่มาแล้ว ค่อยๆไหลออกมา ทีนี้เราเสียสติร้องไห้ กรี๊ดบอกแฟนว่าแท้งแล้วๆ อย่างเดียวเลย แฟนรีบโทรหาหมอที่ฝากครรภ์ว่าน้องออกมาแล้วจะทำไงดี หมอตอบว่า “เสียใจด้วยนะคะ แท้งแล้วค่ะ ให้รีบไปโรงพยาบาลนะคะ

นาทีนั้นมันตกใจคิดไม่ออกหรอกว่าต้องโทรเรียกรถฉุกเฉิน หรือหน่วยกู้ภัย พอแฟนเรารวบรวมสติได้ บอกคลอดเลย ไม่งั้นจะไปยังไง เลยตัดสินใจเบ่งเลยค่ะ แบบกลัวลูกจะเป็นอะไร เราเบ่งสุดแรงใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที เนื่องจากลูกยังตัวเล็กมาก แฟนก็รองรับลูกซึ่งเราคลอดออกมาทั้งรกเลยค่ะ ตอนคลอดลูก ไม่ได้ยินเสียงเค้าร้องเพราะเพิ่ง 6 เดือนกับ 1 อาทิตย์ สำหรับอายุครรภ์เท่านี้ คือ อวัยวะครบหมดแล้ว แต่ปอดจะเริ่มทำงานตอน 7 เดือน ทีนี้รีบไปโรงพยาบาลเลย พอไปถึงหมอช่วยลูกเบื้องต้นโดยการ cpr และใส่เครื่องช่วยหายใจ แจ้งค่าใช้จ่ายว่าน้องต้องอยู่ห้องฉุกเฉินซึ่งแพงมากต่อคืน ซึ่งต้องอยู่อย่างน้อย 3 เดือน ถ้าไม่พร้อมจะหารพ Refer ให้ ซึ่งน้องต้องฉีดยากระตุ้นปอดภายใน 6 ช.ม แต่กว่าจะหาโรงพยาบาลที่จะรับเคสน้องต่อได้ ก็เกือบ 6 ช.ม แล้ว สรุปน้องโดนส่งมาที่กรุงเทพ เป็นโรงพยาบาลเดียวที่ตอบรับ เพราะน้องถือว่าเป็นเคสโคม่า ตอนจะย้ายลูกไป เราขอหมอเจอหน้าลูกก่อน เพราะคลอดเสร็จยังไม่เห็นหน้าเค้าเต็มๆเลย เพราะมัวแต่ร้องไห้เสียสติอยู่ พอเค้าเข็นลูกมา สายอะไรไม่รู้เต็มตัวเค้าเลย เรารีบบอกให้เค้าเข็นไป กลัวร้องไห้ใส่ลูก บอกให้หนูปลอดภัยนะลูก ส่วนเราหมอไม่ให้ย้ายโรงพยาบาลตามลูก แฟนเลยไปกับลูกคนเดียว ในใจเราก็คิดตั้งแต่คลอดเค้าแล้วว่า ลูกอาจไม่รอด แต่หวังปาฏิหาริย์ช่วย พอไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลบอกให้พาแม่ไปหาลูก เพราะน้องอาการวิกฤติโคม่า พร้อมจะไปได้เสมอ พอไปถึงหน้าตู้อบ หมอบอกลูกอยู่ในช่วง 7 วันอันตราย ถ้าลูกเราผ่าน7 วันนี้ไปได้ น้องก็อาจรอด แต่ถึงรอดก็อาจจะพิการ หรือไม่ปกติ เพราะเราคลอดเอง เลือดน้องเลยออกที่เยื่อหุ้มสมองระดับ 3 แล้ว ถ้าระดับ 1 ยังรักษาได้ แต่แค่เราเห็นสภาพลูกก็ร้องไห้หนักมาก เพราะเค้าตัวนิดเดียว แต่สายอะไรติดเต็มตัวเค้าไปหมด โดนเจาะ โดนเข็ม ถ้าเปลี่ยนกันได้ เราอยากเจ็บ อยากเป็นแทนลูก เลยพูดกับลูกว่าไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะ ถ้าหนูไม่ไหวก็ไปเลยนะลูก หนูสู้เต็มที่แล้ว แม่ไม่อยากเห็นหนูทรมาน เค้าก็ตอบรับ โดยการดิ้น มือเท้าขยับ เราอาจดีใจที่ลูกยังอยู่ แต่เค้าอาจมีชีวิตแบบผักแบบปลา เค้าอาจจะไม่ดีใจเหมือนเรา

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม 2561
ที่ห้อง NICU เราไปเยี่ยมลูก เค้ายังนอนทรงๆนิ่งๆ ขยับตัวบ้างเล็กน้อยๆ หมอให้เลือดน้องไป 4 ถุงแล้ว และให้อาหารทางสายแทน ยังไม่สามารถให้นมแม่ได้ เรามองลูกแล้วเหมือนเค้าดูตัวเต็มขึ้นก็แอบดีใจ แต่หมอบอกว่ายังไงโอกาสรอดก็แค่ 25% ยังอยู่ขั้นโคม่า พอช่วงดึกๆ 4 ทุ่ม มีเบอร์แปลกๆโทรเข้ามา เราก็หวิวๆแล้ว พอรับสาย ปลายทางพูดว่า ให้รีบลงมาหาลูกที่ห้อง NICU เพราะสัญญาณชีพจรน้องหายไปแล้ว พอลงไปถึง คือรู้เลยว่าลูกเค้าไปสบายแล้ว เค้าคงมาลาแม่ ลักษณะน้องเหมือนเด็กนอนหลับเฉยๆ ก่อนหมอจะถอดสายต่างๆตามตัวเค้าออก เค้าให้เราอุ้มและพูดลาลูก เราก็พูดกับลูกว่า ขอให้หนูกลับมาเกิดเป็นลูกแม่อีกนะ ขอโทษที่แม่ดูแลหนูไม่ดี พยาบาลก็เอาน้องไปทำความสะอาด ตอนอุ้มน้องออกมา ก็อนุญาตให้เรากับแฟนอยู่กับเค้าได้อีกชั่วโมง เราผลัดกันกอดลูกจนวินาทีสุดท้าย ก่อนที่ฝ่ายบริการจะเอาเค้าไปไว้ห้องเย็น คิดซะว่าเค้าไปแบบสบาย ไม่ทุกข์ ไปเป็นเทวดาน้อยๆบนสวรรค์ เพื่อรอกลับมาเกิดเป็นลูกแม่ใหม่

ตอนนี้เราทำพิธีฌาปนกิจศพให้ลูกเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงอยู่ไฟ อยากจะฝากเตือนแม่ๆที่กำลังท้องว่าถึงหมอวิเคราะห์ผลการตรวจเช็กให้แล้ว แต่เราต้องเชื่อในสัญชาตญาณตัวเอง ความผิดปกติของตัวเอง ถ้ามีเลือดออกไปหาหมอไว้ก่อนเลยค่ะ มันคือสัญญาณเตือนความผิดปกติแล้ว ท้องแรกความรู้ยังน้อยว่ามันคือการเจ็บท้องเตือนจะคลอด เพราะคิดแต่ว่าปวดท้องน้อยเพราะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะอย่างเดียว แต่ก็พยายามคิดซะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันถูกกำหนดมาแล้ว ถ้าลูกยังอยู่ อายุครรภ์ก็จะครบ 7 เดือนพอดี ถึงจะผ่านไป3 อาทิตย์แล้ว อ้อมกอดแรกและอ้อมกอดสุดท้ายระหว่างพ่อแม่ลูกในวันนั้นจะเก็บไว้เป็นความทรงจำที่มีค่าที่สุดของพ่อกับแม่ตลอดไป
น้องเป็นเด็กผู้ชายชื่อ “น้องแสนสุข” ค่ะ

 

ทางทีมงานต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณแม่ ด้วยนะคะ และเชื่อว่าอุทาหรณ์ครั้งนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ท่านอื่นมากๆเลยค่ะ ส่วนคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ มาเรียนรู้อันตรายหาก คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ กันให้มากขึ้นดีกว่าค่ะ 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก fbChonlada Chomnak

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ หรือ (Urinary Tract Infection : UTI) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุดเพราะ คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ได้ง่ายมากๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของระบบทางเดินปัสสาวะในระหว่างตั้งครรภ์ โดยท่อปัสสาวะส่วนบนมีการขยายตัวตั้งแต่ไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ ที่เรียกว่า Hydronephrosis of Pregnancy และขยายที่ท่อไตข้างขวามากกว่าข้างซ้าย เนื่องจากการขยายขนาดและการบิดของมดลูกทำให้กดเบียดท่อไตข้างขวาที่ขอบกระดูกอุ้งเชิงกรานได้มากกว่า จึงส่งผลทำให้เกิดการขัดขวางการไหลของปัสสาวะ
นอกจากนี้อิทธิของฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ ต่อกล้ามเนื้อเรียบของทางเดินปัสสาวะ ทำให้ความตึงตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลง ทำให้ความจุเพิ่มขึ้น การเกิดการไหลย้อนกลับของปัสสาวะก็เกิดได้บ่อยขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมการติดเชื้อขึ้นไปสู่ไต โดยเชื้อที่พบได้บ่อยที่สุดของการติดเชื้อ คือ Escherichia Coli ประมาณร้อยละ 80

 

ระดับความรุนแรง หาก คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

          ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แบ่งตามระดับความรุนแรงได้ 3 ระดับ ดังนี้

1. ขั้นตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะโดยไม่มีอาการ (Asymp-tomatic bacteriurea : ABU)

คือการมีจำนวนแบคทีเรียอย่างน้อย 100,000 โคโลนี ต่อ 1 ซีซีของปัสสาวะ (ที่เก็บช่วงตอนกลางของการขับถ่ายปัสสาวะ) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 5-6 ในหญิงตั้งครรภ์ เป็นที่มาของความจำเป็นในการตรวจปัสสาวะในการฝากครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อค้นหาความผิดปกติ ดังกล่าว และให้การรักษาก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และการติดเชื้อที่กรวยไตต่อไปซึ่งอาการอาจสังเกตยากเนื่องจากไม่มีอาการใดๆ ปรากฏให้เห็น แต่อย่างน้อยการสังเกตสีของปัสสาวะที่เปลี่ยนไป เช่น จากสีขาวใสหรือเหลืองใส เป็นขาวขุ่นหรือเหลืองขุ่น หรือเป็นสีส้มหรือสีแดงคล้ายเลือด เป็นความผิดปกติที่ควรสังเกตได้เอง

2. ขั้นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน (Acute Cystitis)

มีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด กะปริบกะปรอย เกิดขึ้นประมาณร้อยละ 1.5 ในหญิงตั้งครรภ์ มักพบในไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์

3. ขั้นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pyelonephritits)

ร้อยละ 30 ของการตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะโดยไม่มีอาการ ถ้าไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาอย่างไม่เพียงพอจะกลายเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มักพบในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการคือ มักมีไข้ หรือไข้สูงจนถึงหนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดสีข้าง ปวดหลัง และกดเจ็บบริเวณหลัง

 

คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อันตรายอย่างไร?

เรียกว่ามีความเสี่ยงอย่างมากเลยค่ะ สำหรับ คนท้อง ไม่ว่าจะเป็น

วิธีการรักษา คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

เมื่อตรวจพบว่า คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มีการแบคทีเรียในปัสสาวะ หรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ โดยเลือกยาที่มีความไวต่อเชื้อ และมีความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์มากที่สุด เช่น ยาในกลุ่ม เพนนิซิลิน,เซฟาโลสปอริน นาน 7-10 วัน โดยมีอัตราการกลับเป็นซ้ำร้อยละ 30 แนะนำให้คุณแม่มาตรวจติดตามอาการหรือปัสสาวะซ้ำหลังการรักษา

สำหรับรายที่มีอาการกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มักแนะนำให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด โดยใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมและปลอดภัย ส่วนใหญ่ตอบสนองต่อการรักษาภายใน 48-72 ชั่วโมง หลังจากให้ยาถ้าผู้ป่วยไม่มีไข้ 2 วันสามารถเปลี่ยนจากยาฉีดเป็นรูปยากินได้ และรับประทานต่อจนครบ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์ โดยการรักษาโรคนี้ ควรมีการเก็บปัสสาวะ เพื่อส่งเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เพื่อจะได้ทราบชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคและดูการตอบสนองของยาต่อเชื้อ เพื่อช่วยในการพิจารณาปรับเปลี่ยนยาปฏิชีวนะ ถ้ายาเดิมที่ให้ไม่ตอบสนองต่อการรักษา

 

วิธีป้องกัน คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ

 

เมื่อทราบกันแล้ว คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นั้น ส่งผลร้ายเพียงใด ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองและลูกน้อยให้มากๆนะคะแม่ๆ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก kapook

 

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

คนท้องดื่มชาเขียวได้ไหม? ดื่มมากไป เสี่ยงแท้ง จริงหรือ?

ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!

แม่ท้องระวัง ไข้มาลาเรีย เป็นแล้วอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และลูก

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids