การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ หรือ (Urinary Tract Infection : UTI) เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อยที่สุดเพราะ คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ได้ง่ายมากๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของระบบทางเดินปัสสาวะในระหว่างตั้งครรภ์ โดยท่อปัสสาวะส่วนบนมีการขยายตัวตั้งแต่ไตรมาสแรก และเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ ที่เรียกว่า Hydronephrosis of Pregnancy และขยายที่ท่อไตข้างขวามากกว่าข้างซ้าย เนื่องจากการขยายขนาดและการบิดของมดลูกทำให้กดเบียดท่อไตข้างขวาที่ขอบกระดูกอุ้งเชิงกรานได้มากกว่า จึงส่งผลทำให้เกิดการขัดขวางการไหลของปัสสาวะ
นอกจากนี้อิทธิของฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ ต่อกล้ามเนื้อเรียบของทางเดินปัสสาวะ ทำให้ความตึงตัวของกระเพาะปัสสาวะลดลง ทำให้ความจุเพิ่มขึ้น การเกิดการไหลย้อนกลับของปัสสาวะก็เกิดได้บ่อยขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมการติดเชื้อขึ้นไปสู่ไต โดยเชื้อที่พบได้บ่อยที่สุดของการติดเชื้อ คือ Escherichia Coli ประมาณร้อยละ 80
ระดับความรุนแรง หาก คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ แบ่งตามระดับความรุนแรงได้ 3 ระดับ ดังนี้
1. ขั้นตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะโดยไม่มีอาการ (Asymp-tomatic bacteriurea : ABU)
คือการมีจำนวนแบคทีเรียอย่างน้อย 100,000 โคโลนี ต่อ 1 ซีซีของปัสสาวะ (ที่เก็บช่วงตอนกลางของการขับถ่ายปัสสาวะ) ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 5-6 ในหญิงตั้งครรภ์ เป็นที่มาของความจำเป็นในการตรวจปัสสาวะในการฝากครรภ์ตั้งแต่ครั้งแรก เพื่อค้นหาความผิดปกติ ดังกล่าว และให้การรักษาก่อนที่จะพัฒนากลายเป็นการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ และการติดเชื้อที่กรวยไตต่อไปซึ่งอาการอาจสังเกตยากเนื่องจากไม่มีอาการใดๆ ปรากฏให้เห็น แต่อย่างน้อยการสังเกตสีของปัสสาวะที่เปลี่ยนไป เช่น จากสีขาวใสหรือเหลืองใส เป็นขาวขุ่นหรือเหลืองขุ่น หรือเป็นสีส้มหรือสีแดงคล้ายเลือด เป็นความผิดปกติที่ควรสังเกตได้เอง
2. ขั้นกระเพาะปัสสาวะอักเสบเฉียบพลัน (Acute Cystitis)
มีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด กะปริบกะปรอย เกิดขึ้นประมาณร้อยละ 1.5 ในหญิงตั้งครรภ์ มักพบในไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์
3. ขั้นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute Pyelonephritits)
ร้อยละ 30 ของการตรวจพบแบคทีเรียในปัสสาวะโดยไม่มีอาการ ถ้าไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาอย่างไม่เพียงพอจะกลายเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มักพบในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาการคือ มักมีไข้ หรือไข้สูงจนถึงหนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดสีข้าง ปวดหลัง และกดเจ็บบริเวณหลัง
คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ อันตรายอย่างไร?
เรียกว่ามีความเสี่ยงอย่างมากเลยค่ะ สำหรับ คนท้อง ไม่ว่าจะเป็น
- เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด
- ทารกในครรภ์มีน้ำหนักน้อย
- เสี่ยงต่อการเกิดภาวะไตล้มเหลวระหว่างตั้งครรภ์ได้
- เสี่ยงต่อการแท้งได้
วิธีการรักษา คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
เมื่อตรวจพบว่า คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ มีการแบคทีเรียในปัสสาวะ หรือมีอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ โดยเลือกยาที่มีความไวต่อเชื้อ และมีความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์มากที่สุด เช่น ยาในกลุ่ม เพนนิซิลิน,เซฟาโลสปอริน นาน 7-10 วัน โดยมีอัตราการกลับเป็นซ้ำร้อยละ 30 แนะนำให้คุณแม่มาตรวจติดตามอาการหรือปัสสาวะซ้ำหลังการรักษา
สำหรับรายที่มีอาการกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน มักแนะนำให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อให้สารน้ำและยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด โดยใช้ยาปฏิชีวนะที่เหมาะสมและปลอดภัย ส่วนใหญ่ตอบสนองต่อการรักษาภายใน 48-72 ชั่วโมง หลังจากให้ยาถ้าผู้ป่วยไม่มีไข้ 2 วันสามารถเปลี่ยนจากยาฉีดเป็นรูปยากินได้ และรับประทานต่อจนครบ 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์ โดยการรักษาโรคนี้ ควรมีการเก็บปัสสาวะ เพื่อส่งเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการ เพื่อจะได้ทราบชนิดของเชื้อที่ทำให้เกิดโรคและดูการตอบสนองของยาต่อเชื้อ เพื่อช่วยในการพิจารณาปรับเปลี่ยนยาปฏิชีวนะ ถ้ายาเดิมที่ให้ไม่ตอบสนองต่อการรักษา
วิธีป้องกัน คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ห้ามกลั้นปัสสาวะ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกที่มดลูกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและอาจไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ความจุน้อยลงและปวดปัสสาวะได้บ่อยขึ้น อีกช่วงหนึ่งคือช่วงใกล้คลอดที่ศีรษะลูกลงต่ำจะไปเบียดกระเพาะปัสสาวะอีกครั้งหนึ่ง จึงควรไปเข้าห้องน้ำทุกครั้งที่ปวด เพื่อกำจัดแบคทีเรียบางส่วนออกไป ไม่กลั้นไว้จนทำให้เกิดการเพิ่มจำนวนของแบคทีเรียในปัสสาวะจนทำให้เกิดความผิดปกติ
- ดื่มน้ำมากๆ เมื่อมีอาการผิดปกติควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อจะได้ช่วยขับเชื้อต่าง ๆ อยู่ภายนอก ยารักษาการติดเชื้อก็จะทำงานได้ดีขึ้น เพราะหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเวลามีการติดเชื้อ จะมีอาการปัสสาวะบ่อยอยู่แล้ว จึงกลัวว่าถ้าดื่มน้ำเยอะจะยิ่งทำให้ปัสสาวะบ่อยขึ้นอีก
- ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำสะอาดล้างทำความสะอาดเฉพาะภายนอก หลีกเลี่ยงการสวนล้างเข้าไปภายใน และควรหลีกเลี่ยงน้ำยาอนามัยต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น เพราะในช่องคลอดมีแบคทีเรียที่ดีกลุ่ม แลคโตบาซิลลัส คอยกำจัดเชื้อโรคที่ไม่ดี ที่ทำให้เกิดโรค การใช้น้ำยาอนามัย หรือน้ำยาฆ่าเชื้อจะส่งผลให้แบคทีเรียที่ดีมีประโยชน์ตาย เชื้อตัวร้ายที่ทำให้เกิดโรคก็จะเจริญขึ้นมาแทนได้
- หลังจากที่ปัสสาวะหรืออาบน้ำเสร็จ ควรใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งเบา ๆ ไม่เช็ดถูแรงๆ จนเกิดการระคายเคือง หรือใช้กระดาษชำระนุ่ม ๆ ที่ไม่บางจนเกินไป การซับหรือเช็ดควรทำจากด้านหน้า ไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการนำเชื้อที่อยู่บริเวณรอบทวารหนักมาสัมผัสกับช่องคลอดทางด้านหน้า
- เลือกใช้ชุดชั้นในผ้าฝ้าย ไม่หนาจนเกินไป หรือผ้าที่ทำให้อากาศถ่ายเทดี ไม่อับชื้น ควรเปลี่ยนบ่อยขึ้น โดยเฉพาะวันที่มีอากาศร้อนอบอ้าว เป็นไปได้ควรตากชุดชั้นในให้แห้งสนิท เช่น การผึ่งแดด บางเวลาอาจงดใส่ชุดชั้นในบ้าง เช่น เวลานอน เพื่อให้ไม่เกิดความอับชื้นจนเกินไป
- ใช้ห้องน้ำสาธารณะ ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยทำความสะอาดที่ฝาชักโครกก่อนนั่ง หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสตามที่ต่าง ๆ มาสัมผัสกับอวัยวะเพศ
- ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าอนามัย หรือแผ่นอนามัยโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่มีประจำเดือน เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นเป็นสาเหตุให้เกิดเชื้อราหรือการอักเสบติดเชื้อภายในช่องคลอดและปากช่องคลอดได้
เมื่อทราบกันแล้ว คนท้อง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นั้น ส่งผลร้ายเพียงใด ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพตัวเองและลูกน้อยให้มากๆนะคะแม่ๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก kapook
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
คนท้องดื่มชาเขียวได้ไหม? ดื่มมากไป เสี่ยงแท้ง จริงหรือ?
ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!
แม่ท้องระวัง ไข้มาลาเรีย เป็นแล้วอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และลูก
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่