ทดสอบเพศลูกในครรภ์ จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงได้จริงหรือ?

ทดสอบเพศลูกในครรภ์ จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วง กลายเป็นเรื่องที่แม่ท้องหลายคน แชร์กันมากก่อนหน้านี้ค่ะ แล้วสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงสามารถทดสอบเพศลูกได้แม่นจริงรึเปล่า ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาให้แม่ๆกันค่ะ

ตรวจเพศลูกในท้อง จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วง

คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ หรือเคยตั้งครรภ์มาบ้างแล้ว น่าจะเคยได้ยินเทคนิคการ ทดสอบเพศลูกในครรภ์ จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงมาบ้างใช่ไหมคะ เชื่อว่าคุณแม่ๆต้องเคยแอบลองทดสอบกันบ้างแน่ๆ  ซึ่งจากที่มีการแชร์ต่อๆกันมาว่า สามารถใช้ผักที่หาได้ง่ายทั่วไป อย่างกะหล่ำปลีม่วง มาทำการทดสอบเพศลูกในครรภ์ ว่าเป็นเพศชาย หรือเพศหญิง ด้วยวิธีที่แสนง่ายมากๆ  คือ การนำปัสสาวะของคุณแม่ท้อง มาผสมกับน้ำของกะหล่ำปลีม่วงที่ถูกคั้นมาแล้ว ซึ่งจากความเชื่อนี้ เชื่อว่าหากนำน้ำกะหล่ำปลีม่วง ที่เป็นสีม่วง ผสมกับปัสสาวะคุณแม่แล้ว กลายเป็นน้ำสีแดง จะได้ลูกเพศชาย แต่ถ้านำน้ำกะหล่ำปลีที่เป็นสีม่วง มาผสมกับปัสสาวะคุณแม่ แล้วน้ำเป็นสีม่วงตามเดิม จะได้ลูกเพศหญิง

น้ำกะหล่ำปลีม่วง (สีม่วง) + ปัสสาวะคุณแม่ท้อง –> น้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง    =  ได้ลูกชาย

น้ำกะหล่ำปลีม่วง (สีม่วง) + ปัสสาวะคุณแม่ท้อง –> น้ำเป็นสีม่วงตามเดิม  =  ได้ลูกสาว

ใครเคยลองทดสอบเพศลูกในครรภ์ ด้วยวิธีนี้แล้วแม่นบ้างคะ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนสงสัยว่าสิ่งที่ทดสอบนั้น สามารถทดสอบได้แม่นยำจริง หรือไม่? สีของน้ำหล่ำปลีม่วงนั้นจะทดสอบเพศลูกในครรภ์ได้จริงหรือ? มาดูคำตอบกันค่ะ

 

<<อ่านต่อหน้า 2 >>

ตรวจเพศลูกจากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงได้จริงหรือ?

 

 

ทดสอบเพศลูกในครรภ์ จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงได้จริงหรือ?

อาจารย์เจษฎ์  จากเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ ได้ให้คำตอบเรื่องนี้ไว้ว่า

การ ทดสอบเพศลูกในครรภ์ จากสีน้ำกะหล่ำปลีม่วงนั้น อาจารย์เจษฎ์ให้คำตอบว่า ไม่เป็นความจริงนะคะแม่ๆ เพราะการทดสอบนี้เป็นเพียงการวัดค่าพีเอชของปัสสาวะว่ามีความเป็นกรด หรือเบสมากกว่ากัน

จากแนวคิดของการทดสอบนี้ มาจากการที่กะหล่ำปลีม่วงนั้น เป็นพืชผักชนิดหนึ่งที่นำมาต้ม แล้วคั้นน้ำของมันออกมาเพื่อใช้ในการทดสอบค่าพีเอช หรือค่าความเป็นกรด-เบส(ด่าง)ได้ ซึ่งในกะหล่ำปลีม่วงนั้น มีสารรงควัตถุสีออกม่วงๆ ชื่อแอนโทไซยานิน ที่สามารถละลายในน้ำได้ ซึ่งสารนี้ถ้าผสมกับสารละลายที่มีความเป็นกรด ก็จะเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ถ้าไปผสมกับสารละลายที่เป็นด่าง ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอมเขียว

เพราะฉะนั้น การทดสอบเพศลูกในครรภ์ด้วยน้ำกะหล่ำปลีม่วง จึงเป็นเพียงแค่การตรวจค่าพีเอช ของปัสสาวะแม่นั่นเอง ซึ่งคงจะมีการตั้งสมมติฐานกันไว้ว่า ถ้ามีลูกชาย ปัสสาวะของแม่จะเป็นกรดมากขึ้น แต่ถ้าเป็นลูกสาว ปัสสาวะของแม่จะเป็นค่ากลาง คือไปทางพีเอช7 ….

สรุปนะคะแม่ๆ การทดสอบดังกล่าว ไม่สามารถใช้ทดสอบเพศลูกในครรภ์ได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่จะสนับสนุนการทดสอบด้วยวิธีนี้ แต่อาจจะเป็นแค่กิจกรรมสนุกๆให้คุณแม่ท้องได้ลองเสี่ยงนายกันเล่นๆ ก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ

เกร็ดความรู้ : ค่าพีเอชในปัสสาวะของแม่ มักจะเป็นผลมาจากอาหารที่กินเข้าไปเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องของเพศลูกในท้อง ซึ่งค่าพีเอชของปัสสาวะนั้น มีความแปรปรวนสูงมากในแต่ละวัน โดยมีค่าอยู่ระหว่าง 4.5 – 8 แต่โดยรวมแล้วมักจะอยู่ที่ประมาณ 5.5 – 6.5 ซึ่งเป็นกรดอ่อนๆ ดังนั้น หากคุณแม่มีการทดสอบในวันที่รับประทานอาหารแล้วปัสสาวะเป็นกรดมากขึ้น ก็อาจทำให้เข้าใจผิดไปได้ว่าได้ลูกชายนั้นเอง

 

<<อ่านต่อหน้า 3 >>

ความสำคัญของการตรวจค่าพีเอช สำหรับแม่ท้อง

 

 

ถึงแม้ว่าสีของน้ำกะหล่ำปลีม่วง จะใช้ในการทดสอบเพศลูกในครรภ์ ไม่ได้ เพราะจากที่กล่าวมาคือสามารถใช้ทดสอบค่าพีเอชในปัสสาวะคุณแม่ได้เท่านั้น ซึ่งต้องบอกเลยว่า การตรวจค่าพีเอชสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์นั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะสามารถเป็นสัญญาณเตือน ทำให้คุณแม่ทราบได้ว่ากำลังมีภาวะเสี่ยงที่จะเป็นโรคอะไรอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้รู้เท่าทัน และทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที เช่น

• ตรวจค่าพีเอชปัสสาวะคุณแม่ มีความเป็นเบส (ค่าพีเอช มากกว่า 7) เป็นสัญญาณเตือนว่า คุณแม่อาจจะกำลังมีการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดอยู่ อาทิเช่น Proteus Mirabilis ที่สร้างเอนไซม์ยูรีเอส มาเปลี่ยนแอมโมเนีย ให้กลายเป็น แอมโมเนียมไอออน หรือ อาจจะกำลังรักษาโรคด้วยยาที่มีฤทธิ์เป็นด่าง รวมถึงรับประทานผักจำนวนมาก
• ตรวจค่าพีเอชปัสสาวะคุณแม่ มีความเป็นกรด (ค่าพีเอช น้อยกว่า 5.0) เป็นสัญญาณเตือนว่า อาจจะรับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไปได้เช่นกัน

 

นอกจากนี้ยังมีวิธีการดูเพศลูก จากลักษณะท้องของแม่อีกด้วย  

โดยลักษณะของท้อง แบ่งได้ 2 แบบ ดังนี้

• ถ้าท้องของคุณแม่ มีลักษณะแหลม ก็มักจะมีความเชื่อว่าน่าจะได้ลูกชาย สำหรับคนโบราณจะสังเกตจากท้องของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หากลักษณะท้องเมื่อใกล้คลอดเต็มที่แล้ว มีลักษณะท้องแหลมยื่นออกมาจนเห็นได้ชัด และคุณแม่จะมีหน้าตาหมอง ไม่สวย สดใสเหมือนก่อนตั้งครรภ์ มักจะมีความเชื่อกันว่าจะได้ ลูกชาย
• ถ้าท้องของคุณแม่ มีลักษณะท้องกลม ก็มักจะมีความเชื่อว่าน่าจะได้ลูกสาว สำหรับคนโบราณมักจะมีการสังเกตว่า เมื่อคุณแม่ท้องโตใกล้คลอดแล้ว แล้วลักษณะของท้องกลมป้านออกไป รวมถึงกับมีหน้าตาที่สดใส ไม่หมองคล้ำ แต่งตัวเก่ง และรักสวยรักงาม ก็มักจะสันนิษฐานว่า เด็กที่อยู่ในท้องน่าจะเป็น ลูกสาว

เอาเป็นว่าหากคุณแม่ๆอยากจะทราบเพศลูกแบบแม่นยำจริงๆไม่ต้อง ทดสอบเพศลูกในครรภ์ ด้วยวิธีอื่น ก็อดใจรอนิดนึงนะคะ ให้ลูกน้อยในครรภ์อายุครบ 4 เดือนก่อน แล้วจึงค่อยไปพบแพทย์ เพื่อทำการอัลตร้าซาวน์ตรวจเพศอย่างถูกต้องแม่นยำ และเพื่อตรวจเช็กความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์ด้วยค่ะ

 

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ในสตรีมีครรภ์ เรื่องที่คุณแม่ท้อง ต้องระวัง

คนท้องดื่มชาเขียวได้ไหม? ดื่มมากไป เสี่ยงแท้ง จริงหรือ?