พันธุกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลูกน้อยฉลาด รวมถึงการพัฒนาสมอง และความฉลาดให้ลูกน้อยด้วยตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญ นพ.มานิตย์ แสนมณีชัย สูติ-นรีแพทย์ ให้ความรู้ว่า สมองของทารกจะถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในครรภ์ วิธีสร้างลูกฉลาด ตั้งแต่ในครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจ
การที่คุณแม่บำรุงสมองลูกน้อยให้ฉลาดด้วยการรับประทานอาหารที่ดี ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะช่วง 1-3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์เป็นสิ่งจำเป็น คุณแม่ต้องได้รับสารโฟเลตที่เพียงพอ ช่วยสร้างหลอดประสาท และสมองที่สมบูรณ์ให้ลูกน้อย และถ้าได้รับโปรตีนน้อยเกินไป เซลล์สมองของลูกก็จะมีขนาดเล็ก และอาจทำให้มีสติปัญญาต่ำกว่าเด็กคนอื่นๆ ได้
หลักการสร้างลูกฉลาด 3 ไตรมาส
1.ไตรมาสแรก
ลูกจะเริ่มรับรู้สัมผัสทางกายได้เมื่ออายุ 2 เดือน สามารถกระตุ้นการสัมผัสโดยการลูบ หรือตบหน้าท้องเบาๆ พร้อมพูดคุยกับลูก ทำอารมณ์ให้มีความสุข ความสุขของแม่จะส่งผ่านถึงลูก ทำให้ลูกเจริญเติบโต และอารมณ์ดี
2.ไตรมาส 2
คุณพ่อ คุณแม่สามารถพูดคุย เล่านิทาน ร้องเพลง เปิดเพลงเบาๆ ให้ลูกฟัง ช่วยกระตุ้นพัฒนาการการได้ยิน ในช่วงเดือนที่ 6 หูของลูกจะทำงานได้เต็มที่ การพูดกับลูกทำให้เกิดความรัก ความผูกพัน ทำให้พ่อแม่ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดี เสริมสร้างพัฒนาการการได้ยิน ภาษา และอารมณ์ด้วย
3.ไตรมาสสุดท้าย
ลูกน้อยในครรภ์จะมีพัฒนาการการรับรส การมองเห็น การรับกลิ่น ได้ตั้งแต่เดือนที่ 7 รับรู้รสชาติน้ำคร่ำ และอาหารที่แม่รับประทานเข้าไป เช่น ถ้าแม่รับประทานอาหารรสหวานมาก ลูกน้อยในครรภ์อาจจะติดหวานในอนาคต ในระยะนี้ลูกน้อยรับรู้แสงได้แล้ว และสามารถตอบสนองด้วยการดิ้น คุณแม่สามารถเอาไฟฉายส่องที่ท้อง เพื่อให้ลูกรู้ถึงความแตกต่างระหว่างมืด และสว่าง เมื่ออายุ 9 เดือน ลูกน้อยจะเริ่มรับรู้กลิ่น คุณแม่ลองใช้กลิ่นอโรมาอ่อนๆ กระตุ้นให้ลูกน้อยรับรู้กลิ่นได้
อ่านต่อ “วิธีสร้างลูกฉลาด เด็กอัจฉริยะสร้างได้ตั้งแต่ในท้อง” คลิกหน้า 2
วิธีการเพิ่ม IQ ให้ลูกน้อย
1.เลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม
กรดไขมันอิ่มตัวมีความสำคัญต่อพัฒนาการทางสมองของลูกน้อยในครรภ์ นั่นก็คือ กรดไขมันที่ชื่อว่า DHA ซึ่งพบมากในอาหารจำพวกปลา ปลาทะเล และสาหร่ายทะเล และกรดไขมันที่ชื่อว่า ARA ซึ่งพบมากในอาหารจำพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด ทำให้สร้างเนื้อสมอง และระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพ
2.การออกกำลังกาย
เวลาที่คุณแม่ออกกำลังกาย ลูกที่อยู่ในครรภ์ก็จะมีการเคลื่อนไหวตามไปด้วย และผิวกายของลูกจะกระแทกกับผนังด้านในของมดลูก ทำให้กระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้พัฒนาดีขึ้น
3.การปรับอารมณ์ให้ดีอยู่เสมอ
เมื่อคนเราอารมณ์ดีย่อมมีความสุข เมื่อคุณแม่มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ ทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน ส่งไปยังสายสะดือให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง และอารมณ์ ทำให้ลูกเลี้ยงง่าย ไม่งอแง
4.การฟังเพลง
Dr. Leon Thurman นักวิจัยชาวอเมริกัน ได้ทดลองเปิดเสียงดนตรีให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังทุกวัน พบว่าเด็กที่คลอดออกมามีพัฒนาการด้านร่างกาย และสติปัญญาสูงกว่าเด็กทั่วไป และเด็กยังเลี้ยงง่าย มีอารมณ์ แจ่มใส รวมทั้งมีความผูกพันกับคุณแม่เป็นอย่างมากอีกด้วย
5.พูดคุย หรืออ่านนิทาน
อ่านหนังสือและพูดคุยกับลูกน้อยในท้อง ทารกในครรภ์สามารถได้ยินเสียงที่คุณพูดกับพวกเขาได้ การพูดคุยกับลูกบ่อยๆ เมื่ออยู่ในท้อง จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาดีเมื่อเติบโตขึ้น
6.ส่องไฟที่ท้อง
ลูกน้อยในครรภ์สามารถกระพริบตา ตอบสนองต่อแสงได้ตั้งแต่เดือนที่ 7 ที่อยู่ในครรภ์ การส่องไฟทำให้เซลล์สมอง และเส้นประสาทการรับภาพพัฒนาดีขึ้น เตรียมพร้อมการมองหลังคลอด
7.ลูบหน้าท้อง
การสัมผัสจะกระตุ้นระบบประสาท และสมองส่วนรับรู้ของลูก ทำให้มีพัฒนาการที่ดี การลูบท้องควรลูบเป็นวงกลม
อ่านเพิ่มเติมคลิก!
ไฟฉายส่องท้อง กระตุ้นการมองเห็นของลูกได้จริงหรือ???
เลี้ยงลูกให้อารมณ์ดี EQ สูง และฉลาด
ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง กับวิธีเพิ่ม IQ
เครดิต: รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, bambigarden.com, การตั้งครรภ์.net
Save