ด้วยกลิ่นหอมอันน่าเย้ายวน ของราชาผลไม้ไทยอย่าง ทุเรียน กับกลิ่นและความอร่อยเฉพาะตัว ที่แม้พยายามห้ามตัวเองไม่ให้กินแค่ไหนก็ทำได้ยาก สำหรับคนที่ต้องควบคุมน้ำหนักและผู้ที่มีปัญหาเรื่องเบาหวาน ซึ่งมีคุณแม่ตั้งครรภ์หลายคนกลัวว่า ไม่สามารถรับประทานทุเรียนในช่วงนี้ได้ กลัวเป็นอันตรายต่อทารก และส่งผลเสียต่อร่างกายมากขึ้น…เรื่องนี้เรามีคำแนะนำของนักโภชนาการมาฝากค่ะ
ทุเรียน นับเป็นผลไม้ไทยที่มีโฟเลตสูงมาก รศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ กล่าวว่า โฟเลตเป็นสารอาหารที่มีความสำคัญกับคนทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ แม่ก็ต้องการโฟเลตมาก เพราะเป็นสารอาหารที่ช่วยหยุดภาวะความพิการของทารกได้ ทำให้เซลล์ตัวอ่อนเจริญเติบโตเป็นปกติ
แม่ท้องกิน ทุเรียน ช่วยให้ลูกฉลาดได้จริงหรือ!?
ซึ่งการป้องกันความพิการของทารกที่ดีที่สุดคือ การเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ทานโฟเลตก่อน 2-3 เดือน และได้รับต่อเนื่องไปถึงใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เพราะ 28 วันแรกหลังจากปฏิสนธิมีความสำคัญมาก เป็นช่วงที่สร้างระบบประสาท และระบบอวัยวะทุกส่วนของร่างกาย และถ้าให้ดี ควรทานตั้งแต่วัยเจริญพันธุ์ อายุ 15-16 ปี เพราะ 50 เปอร์เซ็นต์ของการตั้งครรภ์มักไม่ได้วางแผนล่วงหน้า โฟเลตจึงมีความสำคัญมาก การมาทานหลังตั้งครรภ์แล้วอาจสายเกินไป
♥ บทความแนะนำควรอ่าน : ฝากครรภ์ช้า ไม่กินยาบำรุง อันตราย! เสี่ยงลูกพิการ
คุณสมบัติของ “โฟเลต”
- โฟเลตช่วยบำรุงสมอง บำรุงเลือด ทำงานระดับดีเอ็นเอ เป็นส่วนสำคัญในการสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ทานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง รวมทั้งผู้สูงอายุที่ทานแล้วจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและสมองเสื่อม
- โฟเลตเป็นวิตามินที่ไม่มีอันตราย เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป ราคาตั้งแต่ 10 สตางค์ถึง 1 บาทต่อเม็ด ผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ให้ทานโฟเลต 5 มิลลิกรัมต่อวัน ในช่วงก่อนตั้งครรภ์และใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ส่วนคนที่ไม่ได้เตรียมตั้งครรภ์ให้ทานอาทิตย์ละ 1 เม็ด ขนาด 5 มิลลิกรัม ไม่ต้องทานทุกวันเพราะจะมากเกินไป นอกจากนี้ โฟเลตยังมีในผักใบเขียวและผลไม้ เช่น ผักบุ้ง ตำลึง คะน้า
- โฟเลตซึ่งถือเป็นวิตามินวิเศษที่จะช่วยทำให้เซลล์ตัวอ่อนเจริญเติบโตอย่าง เป็นปกติ ป้องกันความพิการแต่กำเนิดของทารก ลดภาวะอาการดาวน์ซินโดรม หลอดประสาทไม่ปิด โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคปากแหว่งเพดานโหว่ แขนขาพิการแต่กำเนิด
♥ Must read : สภากาชาดไทยเตือน!ไม่อยากให้ลูกพิการตั้งแต่ในครรภ์แม่ท้องอย่าขาดโฟลิก
อ่านต่อ >> “คำแนะนำสำหรับการกินทุเรียนของ แม่ท้อง” คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ทารกที่ขาด “กรดโฟลิก หรือ โฟเลต” จะเป็นอย่างไร?
สำหรับทารกที่ขาดกรดโฟลิกนี้ เนื่องจากแม่ท้องไม่ได้ทานอาหารที่มีโฟเลต หรือยาตามที่หมอให้มา ในรายที่เป็นมากจะทำให้ทารกคลอดออกมาโดยไม่มีเนื้อสมอง จึงไม่สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้และจะเสียชีวิตในเวลาไม่นานหลังคลอด ส่วนรายที่เป็นน้อยจะพบความพิการของประสาทไขสันหลัง โดยการเกิดความผิดปกติดังกล่าวมีหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย
ซึ่งปัจจัยที่สำคัญ คือ เซลล์ร่างกายของทารกในครรภ์จะมีความผิดปกติที่บางตำแหน่งของยีนส์ ซึ่งมีอยู่ในประชากรทั่วไปได้ระหว่างร้อยละ 5-25 แต่ความผิดปกตินี้จะไม่แสดงอาการใด ๆ แต่มีผลต่อเมตาบอลิซึมของกรดโฟลิกในร่างกาย ทำให้มีสารโฮโมซิสทีนในเลือดสูงขึ้นและมีกรดโฟลิกต่ำลง
นอกจากนี้อาจมีปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับความร้อนในระยะเวลาสั้น ๆ จากการเป็นไข้ การประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรืออบซาวน่า รวมทั้งการได้รับยาป้องกันโรคลมชักบางชนิด ซึ่งมารดาที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ หากได้รับกรดโฟลิกเพิ่มจากอาหารปกติอีกวันละ 400 ไมโครกรัม ในรูปของยาหรืออาหารที่เสริมด้วยกรดโฟลิก จะสามารถป้องกันหรือลดการเกิดความพิการดังกล่าวได้
ทั้งนี้ยังพบโฟเลตได้ในผลไม้ไทยอื่นๆด้วย คือ กล้วยไข่ ขนุน มะละกอ ลิ้นจี่ ซึ่งผลไม้เหล่านี้สามารถรับประทานสดๆ ได้ โดยไม่ต้องผ่านความร้อน ทำให้ได้รับปริมาณโฟเลตอย่างเต็มที่…
จาก การวิจัยของนักวิชาการชี้ให้เห็นว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมหาศาล สมฉายานามราชาแห่งผลไม้ เพราะมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ใยอาหาร วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 วิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก สังกะสี โพแทสเซียม และโฟเลตที่มีอยู่ในปริมาณที่สูงมาก
***โดย แนะนำให้คุณแม่ท้องทานอย่างทุเรียนได้เพียงวันละ 2 เม็ด ก็จะเท่ากับ ร้อยละ 50 ของปริมาณที่แนะนำต่อวันแล้ว ส่วนกล้วยไข่ รับประทานเพียง 2 ลูกต่อวัน ลิ้นจี่ 8 ผล ขนุน 8 ชิ้น เป็นต้น***
♥ บทความแนะนำควรอ่าน : เด็กกินทุเรียนได้ไหม ?
อ่านต่อ >> “คำแนะนำสำหรับแม่ท้องที่ต้องการกินทุเรียน” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
และหากความอยากกินทุเรียนนี้ไปถึงคุณแม่ที่ให้นมลูกน้อย ก็อาจมีคำถามว่า ให้นมลูกแล้วกินทุเรียนได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ ก็ได้ให้คำตอบไว้อย่างชัดเจน ดังนี้ค่ะ
#คุณแม่ให้นมกินทุเรียนได้ไหมคะ >> ช่วงนี้หน้าทุเรียนคุณแม่ถามเข้ามาเยอะ คำตอบคือ คุณแม่ให้นมกินอาหารได้เกือบทุกอย่างแทบจะเหมือนคุณแม่ไม่ให้นมค่ะ
รวมไปถึงการ กินเผ็ด ดื่มกาแฟ ซึ่งให้ดื่มได้วันละ 1-2 แก้ว กินน้ำเย็นได้ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความพอดี ถ้ากินเผ็ด ก็ให้สังเกตว่าลูกปวดท้องหรือถ่ายบ่อยไหม ถ้าไม่มีปัญหาก็กินได้ ถ้ากินผัดไทยข้อดีคือมีสารอาหารครบ ราคาไม่แพง ให้สังเกตว่าลูกแพ้ถั่วลิสง แพ้กุ้งแห้งไหม ถ้ากินทุเรียนก็อย่ากินเยอะเพราะจะทำให้น้ำนมแม่มีกลิ่นทุเรียน ทำให้ลูกบางคนไม่ยอมดูดนมแม่ได้ และแม่จะมีปัญหาน้ำตาลขึ้น น้ำหนักขึ้น
อาหารบำรุงน้ำนมที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นของราคาแพง แต่ควรเป็นอาหารธรรมชาติ เช่น ธัญพืชไม่ขัดขาว ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช ถั่วเปลือกแข็ง เนื้อสัตว์ปริมาณเหมาะสม ผัก และ ผลไม้สดมากๆ ควรกินให้หลากหลาย จะได้ไม่แพ้จากการกินซ้ำๆ นานๆ
♥ Must read : ประสบการณ์ตรง! แม่เป็นภูมิแพ้ระหว่างท้อง โด๊ปแต่นม จนลูกเกิดมาแพ้นมทุกชนิด!
คุณแม่ควรกินอาหารเป็นมื้อตามความจำเป็น อย่ากินจุกจิก เพราะปัจจุบันผู้ใหญ่เรา กินอาหารนอกมื้อ กินขนมของว่างเกินความจำเป็นกันมากเกินไป เช่น ชานมไข่มุก เค้ก คริสปี้ครีม ไอศครีม น้ำอัดลม น้ำหวาน อาหารขยะ เมื่อเรากินให้ลูกเห็น ลูกโตขึ้นมา ก็จะกินเลียนแบบเรา และเมื่อเขาเสพติดการกินอาหารประเภทนี้ นำไปสู่ปัญหาทางโภชนาการตามมา เช่น น้ำหนักมากเกิน แต่กลับขาดสารอาหารจำเป็น เช่น เหล็ก ไอโอดีน แคลเซียม ดีเอชเอ เส้นใยอาหาร
♥ Must read : อาหารต้องห้ามสำหรับแม่ลูกอ่อน
♥ Must read : ผักผลไม้ต้องห้าม สำหรับแม่ท้อง และให้นมลูก
ควรหลีกเลี่ยงอาหารดัดแปลง แปรรูป ใส่สารเคมี เพราะสัมพันธ์กับการเป็นโรคมะเร็ง อาหารที่ปรุงแต่งรสมากมาย เช่น น้ำตาล เกลือ ผงชูรส สีสังเคราะห์ ขนมนมเนย ขนมหวาน ทำให้เจริญอาหารมากเกินไป ทำให้กินอาหารปริมาณมากเกินไป ทำให้เป็น โรคเบาหวาน โรคความดันสูง โรคอ้วน และอาหารประเภทนมวัวก็ส่งผ่านมาทางน้ำนม ทำให้ลูกแพ้ได้ด้วย และบางคนแพ้มากจนน่าสงสาร ทั้งนี้เป็นผลมาจากการกินอาหารที่มากเกินไปของคุณแม่นั่นเอง
คำแนะนำสำหรับแม่ท้องที่ต้องการกินทุเรียน
1. การรับประทานอาหารควรมีความหลากหลาย เช่น ทุเรียน แม้จะมีโฟเลตสูง แต่ถือเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและให้พลังงานสูงเช่นกัน ซึ่งแม่ท้องควรต้องควบคุมการรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม
2. ผู้มีโรคประจำตัวบางชนิด อาจรับประทานได้ไม่มากนัก
3. การจัดมื้ออาหารให้มีความสมดุลและหลากหลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญ ต้องเน้นให้มื้ออาหารมีความหลากหลาย สับเปลี่ยนหรือรับประทานอาหารหลายๆชนิด แต่ต้องพอดี ไม่ทานอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินความต้องการของร่างกาย ก็จะทำให้เกิดความสมดุล อาหารก็จะกลายเป็นยา ไม่ใช่ยาพิษ –รศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย
4. นอกจากนี้ทุเรียนยังมีกำมะถันที่ออกฤทธิ์ร้อนแก่ร่างกาย ทำให้เป็นร้อนในง่าย บวกกับอากาศที่กำลังร้อนอบอ้าว หากคุณแม่กินมากเกินไป จะทำให้ร่างกายยิ่งร้อนมาก ความดันโลหิตพุ่งสูง แน่นท้อง และอาจกระทบต่อลูกในครรภ์ถึงขั้นแท้งเลยก็เป็นได้ และนี่คงเป็นเหตุผลที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่อยากให้คนท้องทานทุเรียนสักเท่าไหร่ เพราะรู้ดีว่า หากเมื่อใดที่คนท้องได้กินของที่ตัวเองอยากกินแล้ว มักจะหยุดไม่อยู่ และจะกินในปริมาณมาก แล้วถ้าหากจำกัดคุณแม่ท้องกินทุเรียนแค่พูเดียว อาจทำให้คุณแม่บางคนหงุดหงิด อารมณ์เสียได้ จึงสู้ห้ามไม่ให้กินไปเลยจะดีกว่า
>> สรุปว่า… คุณแม่ท้องสามารถกินทุเรียนได้ แต่ก็ไม่ควรกินเยอะเกินไปนะคะ แต่หากแม่ท้องคนไหนที่มีภาวะเสี่ยงกับโรคเบาหวานอยู่ก็ต้องลองปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ก่อนนะคะ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และเจ้าตัวน้อย
และเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกพิการแต่กำเนิด ต้องเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ จูงมือกันไปตรวจสุขภาพ ตรวจหาความเสี่ยงทางพันธุกรรมต่างๆ หลังจากนั้น ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ และที่สำคัญรับประทานโฟเลต
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก!
- 10 ปลาไทย โอเมก้า 3 สูง! บำรุงสมองสดใส หัวใจแข็งแรง
- 2 เรื่องสำคัญ แม่ท้องต้องทำ เพื่อให้ลูกเกิดมาครบ 32 และมีสมองดี
- 13 สารอาหารสำคัญ เพื่อลูกรักฉลาด ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ขอบคุณข้อมูลจาก : รศ.ดร.รัชนี คงคาฉุยฉาย อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ สถาบันโภชนาการ
ASTV ผู้จัดการออนไลน์ , สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ และ www.babytrick.com
Save
Save
Save
Save
Save