AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ไขข้อข้องใจ แม่ท้องขึ้นเครื่องบินได้ไหม ?

เชื่อว่าคุณแม่ท้องทั้งหลาย ก็ต้องอยากใช้เวลาเดินทางท่องเที่ยวเพื่อผ่อนคลายและใช้เวลาอย่างมีความสุขกับครอบครัว แต่ยังมีคุณแม่หลายท่านที่กังวลใจ อยากรู้ว่า แม่ท้องขึ้นเครื่องบินได้ไหม ขอบอกว่าหากอ่านข้อมูลความรู้ดีๆ นี้แล้วจะสบายใจและเตรียมจัดกระเป๋าได้เลยค่ะ

แม่ท้องขึ้นเครื่องบินได้ไหม

อย่ากังวล! คนท้องขึ้นเครื่องบินได้

เพราะการตั้งครรภ์ไม่ใช่ข้อห้ามในการไปเที่ยวและยิ่งคุณแม่เที่ยวอย่างมีความสุข จะยิ่งช่วยให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่เปี่ยมคุณภาพตามไปด้วย ดังนั้นหากคุณแม่ท้องอยากเที่ยว แต่กังวลใจกลัวขึ้นเครื่องบินไม่ได้ อย่าทิ้งช่วงโอกาสดีที่คุณแม่จะได้เที่ยวกับคุณพ่อแบบโรแมนติกก่อนคลอดเช่นนี้ (เพราะหลังคลอดจะไม่มีเวลาแน่นอน) มาดูกันว่าแม่ท้อง จะขึ้นเครื่องบินเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยและมีความสุขค่ะ

คนท้องขึ้นเครื่องบินได้ถึงกี่เดือน

โดยทั่วไปสายการบินแต่ละสายจะมีข้อห้ามและอนุญาตให้คุณแม่ท้องขึ้นเครื่องบินได้แตกต่างกัน ก่อนเดินทางคุณแม่จึงควรเช็กก่อนว่าสายการบินที่ต้องการเดินทางนั้น มีข้อห้ามอย่างไร ซึ่งปกติแล้วสายการบินส่วนใหญ่จะระบุไว้ไม่เกิน 36 สัปดาห์สําหรับท้องเดี่ยวและท้องแฝดอยู่ที่ 32 สัปดาห์แต่ถ้าเป็นการเดินทางระหว่างประเทศจะอนุญาตที่อายุครรภ์ต่ำกว่าคือไม่เกิน 34 สัปดาห์และถ้าเป็นการตั้งครรภ์แฝดต้องไม่เกิน 32 สัปดาห์ และต้องมีใบรับรองแพทย์ด้วย ยกเว้นกรณีที่คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทาง

ซึ่งหากคุณแม่ตั้งครรภ์แข็งแรงดีจากการศึกษาวิจัยพบว่าความดันและความชื้นที่เพิ่มขึ้นขณะบินไม่ได้มีผลต่อสุขภาพของแม่และลูกแต่อย่างใด รวมถึงเสียงโซนิกในเครื่องบินหากเดินทางเป็นครั้งคราวก็ไม่มีผลใดๆ เหมือนกัน เช่นไม่ได้เพิ่มเปอร์เซ็นต์แท้ง น้ำเดิน หรือเจ็บท้องคลอด เป็นต้น

อย่างไรก็ตามบางสายการบินอาจต้องการใบรับรองแพทย์ทุกครั้งเพื่อยืนยันว่าคุณแม่แข็งแรงดีและสามารถเดินทางได้ดังนั้น หากเขาต้องการคุณแม่ก็ต้องขอคุณหมอไว้ด้วยนะคะ

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ติดตาม แม่ท้องขึ้นเครื่องบินเที่ยวอย่างไรให้ปลอดภัยและมีความสุข คลิกต่อหน้า 2

คุณแม่ท้องควรเช็กสภาพอากาศของสถานที่ที่ต้องการไป ว่ามีอุณหภูมิเหมาะสมกับตัวเราหรือไม่ อากาศอาจทำให้เราเจ็บป่วยไม่สบายได้หรือเปล่า โดยคุณแม่ท้องไม่ควรเดินทางไปในที่ที่อุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลงฉับพลันหรือมีอุณหภูมิสูงจัดโดยเฉพาะไตรมาสแรกเนื่องจากความร้อนสูงมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยอย่างมาก เช่น อบซาวน่า แช่อนเซ็น เพราะจะส่งผลต่อพัฒนาการของกระดูกสันหลังและระบบประสาทของทารก ส่วนความเย็นนั้นคุณแม่ท้องมักจะปรับอุณหภูมิไม่ค่อยได้ แนะนําให้ใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสม แต่ถึงขั้นติดลบก็ไม่แนะนําเช่นกัน ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง

นอกจากนี้ในบางประเทศอาจมีกฎข้อบังคับให้คุณแม่ทําประกันการเดินทาง หรือฉีดวัคซีนก่อนไปร่วมด้วย เพราะเป็นหลักการอย่างหนึ่งที่ในแต่ละประเทศอาจกำหนดไว้ เพื่อให้คุณแม่ท้องได้ป้องกันตัวเองจากโรคภัยต่างๆ เช่นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นต้นหรือบางประเทศเคร่งครัดมากเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคต่างๆที่อาจแฝงอยู่ในตัวเราไปแพร่ต่อในประเทศเขาได้ จึงควรเช็กข้อปฏิบัติและระเบียบของแต่ละประเทศที่จะเดินทางไปด้วย

การลงจอดแต่ละครั้งจะทําให้เกิดการกระแทกตรงนี้ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะในช่วงไตรมาสสอง มดลูกยังอยู่ในกระดูกเชิงกรานยังไม่ได้โผล่พ้นออกมา ต้องเกิดอุบัติเหตุจนกระดูกเชิงกรานหักถึงจะไปโดนมดลูก และมีผลกระทบกับลูกตามมา นอกจากความกังวลดังกล่าวแล้ว อีกจุดหนึ่งที่ต้องระวัง คือ เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นฮอร์โมนมีมากขึ้นอาจเกิดเส้นเลือดอุดตันและกลัวเจ็บท้องบนเครื่องบิน

คุณแม่ท้องสามารถผ่านได้เพราะไม่มีผลใดๆ ที่จะเกิดความเสี่ยงทั้งแม่และลูก การเดินผ่านเครื่องตรวจเช็กอาวุธที่สนามบินส่วนใหญ่ใช้เครื่องตรวจจับโลหะซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำไม่ใช่รังสีเอกซ์ค่ะ (แต่ถ้าเป็นเครื่องเอ็กซเรย์กระเป๋าจะเป็นรังสีเอ็กซ์) ซึ่งไม่เป็นอันตรายสําหรับคุณแม่ท้องในการเดินผ่านแต่อย่างไรก็ตามถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยงค่ะ

และส่วนใหญ่หมอพบว่าเจ้าหน้าที่สนามบินมักจะช่วยเหลือแม่ท้องอยู่แล้วโดยเปิดให้เราเข้าด้านข้างโดยไม่ต้องผ่านเครื่อง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

ติดตาม การเตรียมตัวเดินทางของคุณแม่ท้อง คลิกต่อหน้า 3

เตรียมตัวเดินทาง

  1. ควรปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ก่อนว่าปลอดภัยพอที่จะเดินทางได้หรือไม่ หากคุณแม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น แท้งคุกคาม เคยมีเลือดออกจากช่องคลอด หรืออัลตราซาวนด์พบว่า มีรกเกาะต่ำ อาจจะต้องอดใจรอไว้ก่อนรอให้คลอดก่อนแล้วค่อยไปเที่ยวค่ะ
  2. เช็กตารางการตรวจเลือดการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด เช่น การเจาะน้ำคร่ำ การอัลตราซาวนด์ การตรวจภาวะเบาหวาน การฉีดยาบางชนิดที่ต้องฉีดตามอายุครรภ์ที่กําหนด แล้วจัดเวลาให้เหมาะสมค่ะ
  3. หากเป็นไปได้ควรจองที่นั่งไว้ล่วงหน้า โดยขอเป็นที่นั่งริมทางเดิน เพื่อจะได้ลุกไปเข้าห้องน้ำ ลุกเดินออกกําลังเบาๆ ระหว่างการเดินทางได้สะดวก
  4. ควรมีสําเนาใบฝากครรภ์ ผลเลือด ผลอัลตราซาวนด์ ติดตัวไว้ตลอด เผื่อกรณีฉุกเฉินต้องเข้าโรงพยาบาลที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ และควรเตรียมยาสำหรับโรคประจำตัว และยาที่จําเป็นให้พร้อมและเหมาะกับสภาพอากาศ เช่น ถ้าไปที่อากาศเย็นหรือมีฝนควรเตรียมยาสําหรับอาการหวัดคัดจมูก แก้ปวดลดไข้ไปเผื่อด้วย
  5. ตรวจสอบและศึกษาเอกสารประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่มีให้เข้าใจและอย่าลืมพกบัตรประกันติดตัวไปด้วย
  6. อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยให้ถูกต้อง นั่นคือให้คาดไว้ใต้ท้องตรงกระดูกหัวหน่าวอย่าพาดท้องโดยเด็ดขาดปรับสายคาดให้พอดีไม่แน่นเกินไป
  7. เวลาเดินทางคุณแม่ควรใส่เสื้อผ้าที่สบายไม่แน่นอึดอัดและสวมรองเท้าที่ไม่ลื่นกระชับส้นไม่สูง
  8. การเดินทางที่ต้องนั่งนานๆ อาจเกิดโอกาสขาบวมจากน้ำคั่งกว่าคนปกติหากเป็นไปได้ควรออกกําลังกายยืดเหยียดและบีบนวดแขน-ขา ลุกเดินบ้าง และดื่มน้ำเยอะๆ
  9. คุณแม่อาจเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่เกิดจากการนั่งนานเกินไปได้ วิธีป้องกันอาจใส่ถุงน่องสําหรับกันลิ่มเลือดอุดตันซึ่งเป็นแบบเฉพาะได้
  10. เพราะคนท้องอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่ามีอาการผิดปกติระหว่างเดินทางหรือไม่เช่นมีเลือดออกมีน้ำออกจากช่องคลอด เจ็บท้อง ลูกดิ้นน้อยลง และรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสายการบินทันทีค่ะ

Seat Exercise ยืดเส้นยืดสายเวลาเดินทาง

หากคุณแม่ต้องนั่งนานๆ ควรหมั่นยืดเส้นยืดสายบริหารร่างกายทุก 30 นาทีค่ะ

อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ

29 ประเทศไม่ต้องขอวีซ่า ทุกครอบครัวไปเที่ยวได้ แบบสบายใจ

แม่ท้องฟังเพลง คลาสสิค-โมสาร์ท ช่วยให้ทารกฉลาดขึ้นจริงหรือ?

ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง แม่ท้องรู้ไว้ก่อนเข้าห้องคลอด!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids