AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร และมีวิธีป้องกันอย่างไร

หมอแนะ! คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร?

สำหรับแม่ท้องอาจทำให้เลือดจางได้ง่าย เช่นเดียวกับว่าที่คุณแม่ มาร์กี้ ที่ตั้งท้องลูกแฝด และเกิดมีภาวะ เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะมีวิธีแก้ไข หรือ คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร ตามมาดูกันค่ะ

หมอแนะ! คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร?

เพราะการตั้งครรภ์ลูกแฝด มีความเสี่ยงหลายเรื่อง ซึ่งบางเรื่องก็อาจกระทบลูกอย่างเดียว / กระทบแม่อย่างเดียว หรือบางเรื่องก็อาจส่งผลกระทบทั้งแม่และลูก เช่นเดียวกับคุณมาร์กี้ ราศี นางเอกสาวภรรยาของคุณ ป๊อก ภัสสรกรณ์ ที่มีภาวะ เลือดจางระหว่างตั้งครรภ์ โดยรายละเอียดได้ถูกเผยคลิปในรายการ ป๊อกกี้ on the run ขณะคุณมาร์กี้ ไปตรวจครรภ์ week ที่ 25 ซึ่งก็มีการตรวจพบเบาหวานช่วงตั้งครรภ์ และความเข้มข้นเลือดของคุณแม่ ก่อนตั้งครรภ์ 38.7 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้ลดลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคุณหมอบอกว่า ถ้าต่ำกว่า 30 ต้องให้เลือด เนื่องจากตอนคลอดจะอันตราย

ขอบคุณภาพจาก IG @margie_rasri

โดยคุณมาร์กี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับห้องข่าวบันเทิง เพิ่มเติมว่า ตอนนี้น้ำหนักของน้องทั้งสองคนตรงตามเกณฑ์เด็กปกติ แต่จะมีเรื่องที่เราเลือดจาง จึงต้องกินธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น ต้องเน้นผักใบเขียว ตับ ซึ่งคุณป๊อกสามีที่รักภรรยามาก ก็กังวล เพราะว่าถ้าเลือดจางตอนคลอดต้องให้เลือด เพราะอาจเสียเลือดแล้วจะเป็นอันตราย ซึ่งสาเหตุที่เลือดจางเพราะว่าลืมกินวิตามินบำรุง และไม่คิดว่าจะโดนลูกแฝดสูบไปเยอะขนาดนี้

ทั้งนี้คุณมาร์กี้ ยังบอกว่า ยังพอมีเวลาให้เลือดกลับมาปกติ แต่มันขึ้นน้อยมาก ตอนท้องแรก ๆ จะอยู่ที่ 38 นิด ๆ แต่ตอนที่หมอเจอคือเหลือ 30.6 ตอนนี้เป็น 31.8 ขึ้นมานิดนึง ซึ่งคุณหมอก็บอกว่าไม่มีผลกับลูกทั้งสองในท้อง เพราะเขาจุ๊บเอาไปหมดแล้ว เด็กก็โตเอา ๆ ส่วนคนเป็นแม่ก็จะมีอาการเหนื่อยง่ายกว่าปกติ

 

ขอบคุณคลิปวีดีโอ จาก : Mindset TV

 

 

อ่านต่อ >> “สาเหตุแท้จริงที่ทำให้คนท้องเลือดจาง
พร้อมวิธีรักษาและป้องกันภาวะเลือดจางในคนท้อง” คลิกหน้า 2


ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก : women.kapook.com

 

ภาวะเลือดจางในคนท้อง

โรคโลหิตจาง หรือ โรคเลือดจางตอนท้อง เกิดได้จากหลายสาเหตุ และสาเหตุหนึ่งที่พบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์คือ โลหิตจาง จากการ ขาดธาตุเหล็ก ซึ่งผลกระทบที่เกิดกับคุณแม่และลูกน้อยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเด็ดขาด อาการของภาวะนี้และวิธีป้องกันรักษาเป็นอย่างไร ตามมาดูกันค่ะ

โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กจะมีผลกระทบต่อลูกและคุณแม่อย่างไรบ้าง?

โรคโลหิตจาง หมายถึง โรคจากสาเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงน้อยจนทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆขึ้น โรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กก็หมายถึง ภาวะที่มีเม็ดเลือดแดงน้อยจากการขาดธาตุเหล็ก พบได้มาก โดยประมาณว่ามีคนร้อยละ โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หากรวมผู้ที่โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแต่ไม่มีอาการ พบประมาณร้อยละ 12

โรคโลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก มีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หลายอย่าง คือ เพิ่มความเสี่ยงในการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด ลูกในครรภ์น้ำหนักน้อย ลูกในครรภ์มีโลหิตจาง หากโลหิตจางมาก อาจทำให้เกิดน้ำคร่ำน้อย ซึ่งทำให้เด็กเสียชีวิตในครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังอาจเกิดอันตรายกับมารดาในช่วงคลอด เพราะอาจตกเลือดจนเสียชีวิตได้

ทำไมการตั้งครรภ์จึงทำให้เกิดภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก?

การตั้งครรภ์ทั่วไปจะทำให้เกิดโลหิตจางในช่วงไตรมาสที่สอง ซึ่งช่วงนั้น น้ำเหลือง (พลาสม่า) จะเพิ่มมากกว่าเม็ดเลือดแดง ทำให้เสมือนว่าเม็ดเลือดแดงซึ่งอยู่ในน้ำเหลืองมีจำนวนน้อยลง อีกทั้งธาตุเหล็กจากการรับประทานอาหารมักไม่เพียงพอ เนื่องจากคนตั้งครรภ์ต้องการธาตุเหล็กมากกว่าคนปกติ เพื่อเสริมสร้างส่วนของทารกและส่วนของแม่

โดยคนท้องที่ไม่ได้เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ต้องการธาตุเหล็กตลอดการตั้งครรภ์จำนวน 1,000 มิลลิกรัม โดยจำนวน 300 มิลลิกรัม ไปสร้างส่วนที่เป็นรกและทารก จำนวน 500 มิลลิกรัม ไปเพิ่มส่วนที่เป็นโลหิตของแม่ และจำนวน 200 มิลลิกรัม ถูกขับออกทางอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ ดังนั้นคนท้องทุกคนจึงต้องเสริมธาตุเหล็ก ยิ่งหากเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กยิ่งต้องเสริมจำนวนมากกว่าคนทั่วไป

นอกจากนี้ โรคเลือดจาง จากการขาดธาตุเหล็กในคนท้องยังมีสาเหตุ ดังต่อไปนี้

  1. มีการเสียเลือด อาจจะเป็นการเสียเลือดที่มองเห็น เช่น ได้รับบาดเจ็บ หรือการเสียเลือดที่มองไม่เห็น เช่น เป็นโรคริดสีดวงทวาร หรือมีแผลในทางเดินอาหาร และมีเลือดออกภายใน ดังนั้นในคนท้องหากตรวจพบว่ามีโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก อาจต้องตรวจหาสาเหตุการเสียเลือดในร่างกายด้วย
  2. การดูดซึมธาตุเหล็กที่เสริมในขณะท้องไม่เพียงพอ โดยทั่วไปธาตุเหล็กจะดูดซึมได้ร้อยละ 10 อาหารที่เป็นกรด แนะนำให้รับประทานธาตุเหล็กกับน้ำส้มคั้น หรือวิตามินซี 250 มิลลิกรัม ดังนั้นหากรับประทานอาหารอื่นๆพร้อมกับการรับประทานธาตุเหล็ก เช่น น้ำชา กาแฟ ผัก ผลไม้ นม โปรตีน ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรด ยาธาตุน้ำขาว ฯลฯ การดูดซึมธาตุเหล็กอาจไม่ถึงร้อยละ 10
  3. มีอาการคลื่นไส้อาเจียนในขณะท้อง ทั้งธาตุเหล็กเองก็มีผลข้างเคียง จุกท้อง คลื่นไส้อาเจียนได้อยู่แล้ว ทำให้อาเจียนเอาธาตุเหล็กอออกได้

วิธีรักษาและผลข้างเคียง

การรักษาโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก อาจมีคำถามว่า คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร ซึ่งนอกจากแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กมาก ได้แก่ ผักใบเขียว ผลไม้แห้ง ถั่ว เนื้อสัตว์ เลือด ตับสัตว์ ไข่แดง นม เนย ขนมปัง (ที่เสริมธาตุเหล็ก) แล้ว วิธีง่ายที่สุด ราคาไม่แพง ไม่มีโทษใดๆ คือการเสริมธาตุเหล็กโดยการกินวันละ 150-200 มิลลิกรัมของธาตุเหล็กที่สามารถดูดซึมได้ (elemental iron)

โดยธาตุเหล็กมี 3 รูปแบบที่นิยมใช้ ได้แก่

  1. เฟอร์รัสฟูมมาเรท (Ferrous fumarate) จะมีธาตุเหล็กที่สามารถดูดซึมได้ 106 มิลลิกรัม ต่อธาตุเหล็ก 1 เม็ด
  2. เฟอร์รัส กลูโคเนต (Ferrous gluconate) มีธาตุเหล็กที่สามารถดูดซึมได้ 28-36 มิลลิกรัม ต่อธาตุเหล็ก 1 เม็ด
  3. เฟอร์รัสซัลเฟต (Ferrous sulfate) มีธาตุเหล็กที่สามารถดูดซึมได้ 65 มิลลิกรัม ต่อธาตุเหล็ก 1 เม็ด เป็นธาตุเหล็กที่มีราคาถูกที่สุด

ปัญหาของการเสริมธาตุเหล็กคือ ร้อยละ 10-20 อาจมีผลข้างเคียงคือคลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก จุกแน่นท้อง โดยธาตุเหล็กที่สามารถดูดซึมได้มาก ก็มักจะคลื่นไส้มาก ในกรณีที่ไม่สามารถกินแบบเม็ด อาจหลักเลี่ยงมากินชนิดน้ำ (Elixer) ส่วนหากกินชนิดไหนไม่ได้เลยอาจเปลี่ยนมาเป็นฉีด สำหรับคุณแม่ที่มีโลหิตจางมากและใกล้คลอด ซึ่งเสริมธาตุเหล็กไม่ทันการณ์ อาจต้องให้เลือดแทนค่ะ

คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร

ทำอย่างไรจึงจะไม่เป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก การป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กมีดังนี้ค่ะ

1. ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ ตับ ไข่แดง ฯลฯ เพราะเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี ในกรณีที่ไม่กินเนื้อสัตว์ ควรเสริมธาตุเหล็กกินในรูปแบบเม็ด

2. ในกรณีที่มีประจำเดือนมามาก ควรเสริมธาตุเหล็กชนิดกิน

3. ก่อนตั้งครรภ์ ควรตรวจเลือดดูความเข้มข้นของเลือด หากมีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ควรรักษาก่อนปล่อยให้ตั้งครรภ์

4. ขณะตั้งครรภ์แม้ไม่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ก็ต้องเสริมธาตุเหล็ก เพราะไม่สามารถรับประทานธาตุเหล็กจากอาหารได้พอเพียง

5. คนท้องเลือดจาง ควรกินอะไร แนะนำให้หาซื้อวิตามินซีมากิน ซึ่งจะช่วยในการดูดซึมของธาตุเหล็ก ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของวิตามินซีเป็นประจำ ได้แก่ ผักผลไม้ต่างๆ เช่น ใบยอ มะเขือเทศ กล้วย ส้ม ฝรั่ง องุ่น มังคุด แอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่ มะละกอสุก เป็นต้น

 

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก : 

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids