AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

เชื้อราในช่องคลอด เป็นง่าย หายยาก เรื่องที่คุณผู้หญิงต้องระวัง!

เชื้อราในช่องคลอด อาการ ไม่พึงประสงค์ ไม่ใช่โรคร้ายแรงเพียงแต่อาจทำให้มีอาการคัน เกิดความน่ารำคาญ และทำลายบุคลิกภาพ แต่ไม่มีความรุนแรงจนทำให้เกิดการอักเสบหรือเป็นอันตรายต่อรังไข่ โพรงมดลูก หรืออุ้งเชิงกรานได้ แต่ผู้หญิงต้องเข้าใจและรู้จักดูแล

เพราะเพศหญิง มีอวัยวะเพศที่บอบบางและง่ายต่อการได้รับเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย เนื่องจากไม่มีหนังหุ้มปิดมิดชิดเหมือนเพศชาย การรักษาสุขอนามัยส่วนตัวจึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

เชื้อราในช่องคลอด อาการ ไม่พึงประสงค์

ที่คุณผู้หญิงต้องป้องกัน

เชื้อราในช่องคลอด เป็นอาการที่พบได้บ่อยๆ โดยจะพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 10-30% ส่วนผู้หญิงปกติพบได้ประมาณ 10% และยังพบว่าคนที่ไม่มีอาการใดๆ เมื่อตรวจภายในบางรายก็พบว่ามีเชื้อราในช่องคลอดแอบแฝงอยู่ มีทั้งเชื้อราที่ไม่แสดงอาการคือเมื่อตรวจจะพบว่าภายในช่องคลอดมีเชื้อราส่วนใหญ่ 80-90% เป็นสายพันธุ์ Candida Albicans และแบบที่แสดงอาการอย่างชัดเจน จนทำให้ต้องไปพบแพทย์ในที่สุด

เชื้อรา …ปัญหาของตกขาวคัน

เชื้อรา คือเชื้อโรคชนิดหนึ่ง มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Candida albicans เชื้อโรคตัวนี้อยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วไป แต่ชอบสภาพสิ่งแวดล้อมที่ร้อนชื้นเป็นพิเศษ ช่องคลอดของคนเราเป็นอวัยวะที่ชื้นอยู่แล้วเพราะมีตกขาวอย่างที่ว่า ส่วนเรื่องร้อนนั้นขึ้นกับหลายปัจจัยคือ

สภาพเหล่านี้แหละที่เชื้อราชอบมาก เหตุนี้จึงทำให้ผู้หญิงไทยเรามีการติด เชื้อราในช่องคลอด กันง่ายมาก บางทีอยู่เฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ก็ยังเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้ ผิดกับผู้หญิงในเมืองหนาวที่มีการติดเชื้อราน้อยกว่าซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดเฉพาะรายที่เป็นโรคเบาหวาน หรือเป็นโรคที่ต้องกินยากดภูมิต้านทานบางอย่าง เหล่านี้ทำให้เชื้อราชอบมากเช่นกัน

อ่านต่อ >> “ลักษณะอาการติดเชื้อราในช่องคลอด” คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

อาการ เชื้อราในช่องคลอด

อาการ เชื้อราในช่องคลอด เริ่มและเด่นชัดที่สุด คือ คันและมีตกขาวมากผิดปกติ ลักษณะเป็นแป้งๆขาวๆ ไม่มีกลิ่นเหม็น อาจมีอาการคันลึกๆ เข้าไปในช่องคลอด อาจมีอาการแสบขณะปัสสาวะเพราะเกิดจากการเกา ผิวหนังบริเวณปาดช่องคลอดถลอd เมื่อโดนปัสสาวะจึงทำให้แสบ

Must read : ตกขาวแบบไหนอันตราย

Good to know : ตกขาวที่ปกติ สร้างมาจากต่อมที่ปากช่องคลอดและปากมดลูก รวมทั้งยังสร้างมาจากผนังช่องคลอดด้วย ตกขาวจากแหล่งต่างๆ จะมารวมกันในช่องคลอดเพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง เช่น หล่อลื่นช่องคลอด ช่วยขับสิ่งแปลกปลอม ฆ่าเชื้อโรคที่เข้าไปในช่องคลอด และปรับสภาพความเป็นกรดด่างในช่องคลอดให้สมดุล

ซึ่งมีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่มีการติดเชื้อราโดยไม่มีอาการอะไรเลย ที่รู้ว่ามีเชื้อราก็เพราะเผอิญไปตรวจภายในด้วยเหตุอื่น เช่น ไปตรวจภายในประจำปีหรือตรวจเนื้องอกมดลูก ผู้หญิงกลุ่มนี้อาจไม่จำเป็นต้องให้การรักษาอะไรก็ได้ เพราะเชื้อราที่ไม่ก่ออาการพวกนี้ ส่วนมากก็จะถูกตกขาวขับทิ้งออกไปจากร่างกายได้เอง แต่มีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่เมื่อได้รับเชื้อราเข้าไปในช่องคลอด มันจะเจริญเติบโตต่อไป ในระยะแรกจะมีรูปร่างคล้ายดอกเห็ด (blastospore) ซึ่งยังไม่ทำให้เกิดอาการอะไร แต่ถ้าไม่ได้รับยารักษา เชื้อราจะเจริญต่อไปกลายรูปร่างเป็นสายยาวๆ (mycelia) ซึ่งสามารถแทรกเข้าไปในผนังช่องคลอดได้ ถึงขั้นนี้จะเริ่มมีอาการคัน

บางคนอาจทนเอาเพราะอายที่จะไปตรวจภายใน แต่พอทิ้งไว้ไม่นานอาการคันกลับมากขึ้นจนทนไม่ไหว เลยเลิกอายรีบไปหาหมอเพื่อตรวจภายในก็มี นอกจากคันแล้วลักษณะของตกขาวที่มีก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากที่เคยเป็นมูกใสๆ หรือขาวขุ่นๆ ก็จะกลายเป็นคล้ายนมที่เด็กอวกออกมา (curd) แต่ของบางคนมีลักษณะคล้ายแป้งก็มี

ปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อราในช่องคลอดที่พบบ่อย ได้แก่

  1. ภาวะตั้งครรภ์เนื่องจากในช่วงตั้งครรภ์ ร่างกายจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ปริมาณสารไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งจะถูกย่อยเป็นน้ำตาลกลูโคสในช่องคลอดสูงขึ้น เป็นสาเหตุให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตดีขึ้น นอกจากนี้ปริมาณฮอร์โมนที่สูงขึ้น ก็จะทำให้เชื้อรามีปริมาณมากขึ้นเช่นกัน
  2. โรคเบาหวานโดยเฉพาะผู้ที่ควบคุมโรคไม่ดี
  3. การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานานเกินไป จะไปทำลายเชื้อต่างๆที่ทำให้เกิดภาวะสมดุลของ เชื้อราในช่องคลอด  ทำให้เชื้อราเพิ่มปริมาณมากขึ้น
  4. การรับประทานยาสเตียรอยด์เพราะจะลดภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
  5. ผู้ป่วยที่มีโรคภูมิคุ้มกันต้านทานบกพร่อง หรือโรคเอดส์
  6. การใส่กางเกงที่คับมากและอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนชื้น
  7. ภาวะที่คู่นอนมีการติดเชื้อรา

นอกจากนี้ การใช้ผ้าอนามัยไม่ถูกวิธี คือการใส่ผ้าอนามัยแผ่นเดียวเป็นเวลานานๆ ไม่ค่อยเปลี่ยนผ้าอนามัย การใส่กางเกงยีนส์ที่คับแน่น การอยู่ในที่ร้อนชื้นเป็นเวลานาน การฉีดน้ำชำระล้างช่องคลอดและทำความสะอาดไม่ถูกต้อง การที่ช่องคลอดมีความอับชื้น และการใส่กางเกงในที่เปียกหรืออับชื้น ก็จะทำให้เกิดโรคเชื้อราได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

ซึ่งผู้หญิงทุกกลุ่มอายุสามารถพบได้เท่าๆ กัน ถึงแม้ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนก็พบได้ หากเชื้อได้ลุกล้ำเข้าไปในช่องคลอด จะทำให้เกิดอาการคันจิ๊มิ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี จะทำให้เชื้อราเจริญเติบโตและลุกลามเข้าไปลึกเรื่อยๆ

โรคเชื้อราในช่องคลอด ขณะตั้งครรภ์มีผลต่อทารกในครรภ์หรือไม่?

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะพบเชื้อราได้มากกว่าผู้หญิงทั่วไปที่ไม่ตั้งครรภ์ เพราะร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมากกว่า โดยอาการที่พบได้แก่ ตกขาวผิดปกติ มีอาการคัน ซึ่งเมื่อช่องคลอดมีความอับชื้น อาจพบอาการได้มากกว่ากลุ่มผู้หญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลต่อทารกในครรภ์ ไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนด ส่วนการรักษาใช้วิธีเดียวกับในกลุ่มผู้หญิงไม่ตั้งครรภ์

อ่านต่อ >> “การรักษาและป้องกันการเกิดเชื้อราในช่องคลอด” คลิกหน้า 3

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

สูติแพทย์มีการตรวจอย่างไร อย่างที่ทราบผู้หญิงเรามักจะอายกับเรื่องนี้มาก แต่เพื่อความปลอดภัย คุณหมอจะทำการตรวจโดยการตรวจภายในและนำเอาตกขาวไปส่องกล้องหาเชื้อ ซึ่งเป็นการวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำตรงอาการ

√ การรักษา เชื้อราในช่องคลอด

ยารักษา เชื้อราในช่องคลอด มีทั้งยาทา และยาเม็ดสำหรับเหน็บ และยารับประทาน ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ใช้ 1 วัน 3 วัน หรือ 7 วัน ขึ้นอยู่กับตัวยาที่แพทย์เลือกใช้ และอาการของโรคที่ตรวจพบ

หลาย ๆ คนมีอาการคัน ๆ หาย ๆ ไม่หายขาด เกิดจากอะไร ก็อย่างที่แนะนำไว้ข้างต้นว่า ควรให้เเพทย์ตรวจหาเชื้อที่ก่อให้เกิดอาการคัน จะได้รักษาอย่างถูกต้อง หลายๆคน ซื้อยาใช้เองหรือใช้ผิดวิธี ทำให้เชื้อรายังคงอยู่  จึงมีอาการคันๆหายๆรบกวนจิตใจ เกิดจาก

ซึ่งเมื่อทราบการดูแลที่ถูกต้องตามหลักการแพทย์แล้ว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม พบแพทย์ดีกว่าหาซื้อยาทาเองนะคะ ใน 1 ปีหากคุณมีอาการคันในช่องคลอดมากกว่า 4 ครั้งควรพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหาความผิดปกติค่ะ

วิธีป้องกัน และ ดูแลตัวเองให้ห่างไกลเชื้อรา

อย่างไรก็ตาม จากที่กล่าวมาว่า เชื้อราในช่องคลอด ไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคุณผู้หญิง ที่นอกจากจะส่งผลถึงสุขภาพและอนามัยแล้ว ยังส่งผลต่อบุคลิกภาพที่คงจะไม่ดีแน่ ๆ ถ้าคุณเกิดอาการคันในร่มผ้าในที่สาธารณะ ฉะนั้นป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุด ดังนั้นจึงมีวิธีการดูแลตัวเองเพื่อให้คุณปลอดจากอาการอันไม่พึงประสงค์ให้หงุดหงิดใจมาให้

1. กินโยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์ เพื่อเพิ่มแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอด จะสามารถช่วยลดอัตราการเป็นเชื้อราในช่องคลอดได้

2. กินอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลทีมีดัชนีไกลซีมิกต่ำ เพื่อให้น้ำตาลในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นที่ละน้อย และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ ภาวะแพ้อาหารทำให้อาการของโรคแย่ลง

3. หลีกเลี่ยงกางเกงชั้นในที่นัดแน่น ควรสวมใส่เสื้อผ้าสบาย

4. การทำความสะอาด ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำสะอาดเท่านั้น เพราะการใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น ถ้าใช้นานก็อาจทำให้ความเป็นกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง เป็นสาเหตุทำให้มีเชื้อราขึ้นได้

5. ดูแลชุดชั้นในของคุณให้แห้งสะอาดอยู่เสมอ และควรตรวจตราคอยเคลียร์ชั้นในตัวเก่าที่ซุกอยู่ก้นตู้เพราะอาจมีสปอร์ติดอยู่ด้วยค่ะ

6. ใส่ผ้าอนามัยระหว่างมีประจำเดือน ก็ควรต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ และหากไม่ได้อยู่ในช่วงรอบเดือนก็ไม่ควรต้องใส่ผ้าอนามัย เพราะจะทำให้เกิดการอับชื้นมากกว่า

7. ลดของหวาน การกินของหวานหมายถึงการที่คุณจะมีปริมาณน้ำตาลในเซลล์ต่าง ๆ เยอะขึ้น ซึ่งพบว่าเป็นอาหารโปรดของเชื้อรา ทำให้เจริญเติบโตได้ดี คนไข้ที่เป็นเชื้อราในช่องคลอดบ่อย ๆ คุณหมอก็จะให้หลีกเลี่ยงน้ำตาลและของหวาน

8. ระวังการกินยา เพราะสำหรับคนที่กินยาแก้อักเสบ กินยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน หรือได้รับยาประเภทกดภูมิคุ้มกัน เช่นโรคเลือดหรือการทำเคมีบำบัดนั้น จะส่งผลให้แบคทีเรียในช่องคลอดลดลง ทำให้ความสมดุลกรดด่างในช่องคลอดเปลี่ยนไป เชื้อราก็จะเจริญเติบโตขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสเสี่ยงในการเกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ง่าย

9. ผ่อนคลายความเครียด เพราะความเครียดเป็นสาเหตุให้โรคกำเริบ

อาการคันในที่ลับ นับเป็นเรื่องน่าอายสำหรับผู้หญิง ไม่กล้าปรึกษาหรือบอกกล่าวกับใคร เพราะเกรงว่าจะถูกมองเป็นคนสรกปรก แต่หากคุณผู้หญิงมีอาการเหล่านี้อยู่ ให้สงสัยว่าคุณอาจเป็นเชื้อราในช่องคลอดค่ะ แต่อย่างซื้อยาทาเองนะคะ เพราะอาการคันดังกล่าวอาจเป็นโรคอย่างอื่นได้เช่นกัน ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์เพื่อวินิจฉัยสาเหตุของการคันนั้นก่อนค่ะ

และที่สำคัญ เมื่อเป็นเชื้อราในช่องคลอดแล้ว สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีบางส่วนประมาณ 5-8% กลับมาเป็นซ้ำได้อาจเพราะยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดความอับชื้น หรือมีภาวะที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เพราะฉะนั้นการดูแลความสะอาดและอนามัยส่วนบุคคลจึงจำเป็น ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำทำความสะอาด ต้องเช็ดให้แห้ง ช่วงที่มีประจำเดือนควรหลีกเลี่ยงการแต่งตัวฟิต รัด กระชับ ควรแต่งตัวเน้นให้โปร่ง โล่ง สบาย เพื่อลดความอับชื้น อันจะนำไปสู่ปัญหาช่องคลอดอักเสบได้

อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!


ขอบคุณข้อมูลจาก :www.si.mahidol.ac.th , haamor.com