AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ประสบการณ์คุณแม่ ไส้ติ่งแตกตอนตั้งครรภ์

มีคุณแม่คนหนึ่งเล่าเรื่องราวให้ฟังเกี่ยวกับประสบการณ์ ไส้ติ่งแตกตอนตั้งครรภ์ ตอนนั้นคุณแม่อายุได้ 28 ปี ตั้งท้องได้ 8 เดือน แล้วเป็นโรคกระเพาะ ปวดท้องอยู่บ่อยๆ ไปหาคุณหมอก็ให้ยามารับประทานแล้วดีขึ้น ท้องนี้เป็นท้องที่ 2 น้ำหนักขึ้นมา 7 กิโล คุณหมอแนะนำให้ขึ้นอีก 15 กิโล

ไส้ติ่งแตกตอนตั้งครรภ์

ขอเล่าประสบการณ์จริงค่ะ ยาวหน่อยนะคะ

บอกก่อนนะคะว่าเราอายุ 28 ปีค่ะ เป็นโรคกระเพาะ (มั้ง) ไม่รู้ว่าที่ปวดคืออะไรกันแน่ แต่ปวดท้องบ่อย ไปหาหมอ เค้าก็ให้ยามากิน ก็ดีขึ้น

มีลูกคนแรกท้องก็ปกติค่ะ น้ำหนักขึ้น 7 กิโล หมอบอกไม่ดีต้อง 15 กิโลอย่างต่ำ เดี๋ยวเด็กไม่แข็งแรง แต่ลูกเราคลอดปกติแข็งแรงด้วยน้ำหนัก 3.8 กิโลกรัม

ผ่านไป 3 ปี ก็ท้องคนที่ 2 แพ้ท้องหนักมาก กินไม่ได้เลย กินข้าวก็ได้น้อย ปวดท้องบ่อย ก็คิดว่าโรคกระเพาะ หมอให้ยามากิน ก็ดีขึ้น

จนวันที่เป็นหนักสุด ก็คือวันที่ไม่ได้กินข้าว (กินน้อยค่ะ 2 มื้อเอง กินเยอะแล้วมันแน่นอึดอัด) อยู่ๆ เป็นไข้ตัวร้อนมาก กะว่ารุ่งขึ้นจะไปหาหมอ

สุดท้ายตอนเที่ยงคืนเข้าห้องน้ำ ก็ปวดแปลบเลย นั่งไม่ได้ กลับมานอนก็นอนไม่ได้ปวดมาก สุดท้ายไปโรงพยาบาลที่แผนกฉุกเฉิน

หมอแย่มาก ตัดสินใจอะไรงงๆ เราก็บอกว่าเราไม่ได้เจ็บคลอด แต่ปวดที่อื่นหมอก็งงๆ ไม่รู้เอาไง ท้อง 8 เดือนเลยส่งไปห้องรอคลอด

พยาบาลก็เซ็ง เพราะเราไม่ได้เจ็บคลอด แต่ต้องมาดูแล (รพ.รัฐ) เราเองท้องก็โตปวดก็ปวด นอนรอยันเช้าเริ่มหายใจไม่ออก

ต้องใส่ออกซิเจนปวดท้องมาก หมอมาตรวจแปดโมง ตกลงว่าไส้ติ่งแตก ต้องผ่าด่วนตอนเที่ยง นอนรอค่ะ พอตอนเที่ยงเข้าห้องผ่าตัด

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ประสบการณ์คุณแม่ไส้ติ่งแตกตอนตั้งครรภ์” คลิกหน้า 2

ไม่ฉีดยาสลบค่ะ บล็อกหลัง (ฉีดยาชาที่หลังนะคะ) ผ่าออกมาไส้ติ่งแตกติดเชื้อด้วย ผ่าเสร็จ ไม่เย็บแผลค่ะแผลเปิด เพราะต้องล้างทุกวันเดี๋ยวเป็นหนองข้างใน ทรมานมาก ท้องโตแผลเปิด ล้างแผลทุกวันเช้าเย็นแสบสุดๆ พลิกตัวก็ลำบาก เพราะท้องใหญ่หายใจไม่ออก

หลังจากผ่าได้หนึ่งวัน เริ่มหายใจไม่ออก ชีพจรเต้นน้อยลง ออกซิเจนไม่ถึงลูก เพราะแม่หายไม่ลึก คือหายใจสั้นๆ นะคะ แผลตึงมาก เหมือนท้องจะฉีก เป็นช่วงที่ทรมานที่สุดค่ะ สิ่งที่เราต้องทำคือ หายใจให้ลึกที่สุดแม้ยามหลับ หรือตื่น เลยตัดสินใจปรึกษาหมอ ขอผ่าเด็กออก ไม่งั้นกลัวน้องไม่รอด หมอไม่ยอมบอกว่าผ่าแล้วจะอันตราย อาจจะรอด 1 คน กลัวแม่จะช็อกตอนผ่า ฟังแล้วงงมั้ยคะ แต่หมอที่ผ่าไส้ติ่งก็อยากให้ผ่าเอาเด็กออกนะคะ แต่หมอสูตินารีไม่ยอมค่ะก็เลยต้องนอนจับชีพจรกันทุกชั่วโมงไป (หมอดูแล 2 คนค่ะ) ผ่านไป 1 อาทิตย์ (ลืมบอกว่าใส่ท่อปัสสาวะ)

มีน้ำออกจากท่อปัสสาวะ เรานึกว่าฉี่แตก ก็เรียกพยาบาลมาเปลี่ยนสาย เค้าก็เปลี่ยน แต่อีกสักพัก

ก็มีน้ำออกมาอีก พยาบาลเลยทักว่า จะคลอดหรือเปล่า เรางงเลย เพราะคนแรกน้ำคล่ำไม่แตก มีแต่น้ำเดิน ที่นี้เลยสังเกตว่าปวดประจำทุก 10 นาที

แน่แล้วออกแน่ ย้ายค่ะ ไปตึกคลอดไม่ถึงชั่วโมงเบ่งคลอดเองค่ะ ไหนจะแผลไส้ติ่ง ไหนจะแผลคลอด เจ็บไปหมด เด็กออกมาครบถ้วนสมบูรณ์ค่ะ น้ำหนัก 2,790 กรัม (คลอดวันที่ 22/11/55) ค่ะ เด็กปลอดภัยติดเชื้อแม่นิดหน่อย ไปอยู่ไอซียูเด็กแยกจากแม่กินนมแม่ไม่ได้ เพราะแม่ต้องให้ยาฆ่าเชื้อที่แรง หลังจากลูกคลอดการหายใจก็ปกติ หลังจากนั้นนอนโรงบาลอีกพักหนึ่ง ล้างแผลทุกวัน จนเนื้อแดงสวย ก็ไปเย็บแผลไส้ติ่ง แต่ลูก หมอบอกดีขึ้นให้กลับก่อน น้องกินนมขวดตั้งแต่เกิดไม่เคยกินนมแม่เลย เพราะแม่กินยาฆ่าเชื้อตลอด ตอนนี้ผ่านมา1 ปีแล้วค่ะ ที่บ้านไม่มีใครลืมเลยว่าน้องออกมายังไง เกือบตายทั้งแม่ทั้งลูก ตอนนี้ทุกคนปลอดภัย

ปล.ตอนแรกไม่คิดจะมาเล่าค่ะ แต่พอดีอาทิตย์ที่แล้วพาน้องไปหาหมอ พยาบาลอ่านประวัติน้องแล้วบอกแปลก ไม่เคยได้ยินเลย อยากมาแชร์ให้คุณแม่ที่กำลังท้องระวังตัวให้มากค่ะ ดูแลตัวเองตั้งแต่ยังไม่ท้อง

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

อ่านต่อ “ไส้ติ่งอักเสบในคุณแม่ตั้งครรภ์” คลิกหน้า 3

ไส้ติ่งอักเสบในคุณแม่ตั้งครรภ์

ภาวะไส้ติ่งอักเสบ พบได้ทุกเพศ ทุกวัน ไม่เว้นแม้กระทั่งคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถพบได้ประมาณ 1 ใน 2,000 คน เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องรีบผ่าตัดโดยเร็วที่สุด การวินิจฉัยภาวะนี้ในคุณแม่ตั้งครรภ์จะทำได้ยากกว่า เนื่องจากอาการไม่แสดงเหมือนคนทั่วไป ประกอบกับรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไป

ภาวะไส้ติ่งอักเสบ นอกจากจะส่งผลต่อคุณแม่แล้ว ยังส่งผลต่อลูกในท้องด้วย ถ้าได้รับการรักษาที่ล่าช้า ก็จะยิ่งเพิ่มภาวะแทรกซ้อนได้

ไส้ติ่งอักเสบที่พบในคุณแม่ตั้งครรภ์ จะพบในช่วงไตรมาสที่ 2 มากที่สุด จะมีอาการปวดท้องรอบสะดือ แล้วย้ายไปปวดท้องน้อยด้านขวา เพราะภาวะอักเสบที่เพิ่มมากขึ้น อาการปวดท้องนี้อาจจะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และมีไข้ได้ สำหรับคุณแม่บางคนอาจมีอาการแสบกลางหน้าอก ถ่ายเหลว ผายลม อ่อนเพลีย ส่วนตำแหน่งที่ปวดจะขยับสูงขึ้นตามอายุครรภ์ เนื่องจากขนาดหมดลูกขยายใหญ่ขึ้น อาการปวดจึงไม่มากเท่าคนทั่วไป เพราะมดลูกขยาย ทำให้ผนังหน้าท้องยืด ห่างจากไส้ติ่งที่กำลังอักเสบอยู่มาก

ถ้าไส้ติ่งแตก จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในช่องท้อง  ทำให้เกิดการแท้ง และคลอดก่อนกำหนดมากขึ้น จึงต้องรีบผ่าตัดโดยด่วน พร้อมทั้งให้ยาที่สามารถคุมเชื้อ

เครดิต: http://pantip.com/topic/31362251,  พลอยพิณ เลิศจิตบรรจง นักศึกษาแพทย์

อ่านเพิ่มเติม คลิก!!

โรคภัยก่อนตั้งครรภ์…ที่ต้องระวังตอนท้อง!

ท้องโต เพราะเป็นโรคโกเช่ร์ โรคร้ายที่อาจคร่าชีวิตลูกน้อย

10 สัญญาณ แม่ท้องกำลังเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

Save