AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

นาทีชีวิต แม่คลอดลูกตาย เพราะภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือด (มีภาพประกอบ)

แม่คลอดลูกตาย !! เป็นฝันร้ายที่ไม่มีคุณแม่คนไหนอยากเจอ แต่มันกลับเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นภายในเสี้ยวนาทีจากภาวะแทรกซ้อนขณะคลอดลูก คุณแม่รู้ไหมว่า มันมีความเสี่ยงเทียบเท่ากับการผ่าตัดใหญ่อื่นๆ จนเคยมีคำไว้ว่า “หากผู้ชายต้องเสี่ยงอันตรายในสนามรบ ผู้หญิงต้องเสี่ยงอันตรายในสนามคลอดไม่ต่างกัน”

“ภาวะน้ำคร่ำอุดตันในหลอดเลือด” หนึ่งในภาวะแทรกซ้อนระหว่างคลอด ที่ทำให้คุณแม่ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงตลอดการตั้งครรภ์ เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ ทั้งที่อีกไม่กี่อึดใจจะได้พบหน้าเจ้าตัวน้อย ได้อยู่กันพร้อมหน้าพ่อ แม่ ลูก อย่างที่ฝันไว้  มีแม่ท้อง 1 ใน 20,000 คนทั่วโลกจะต้องพบกับเรื่องน่าเศร้านี้

 

ชั่วโมงวิกฤต ภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด ทำ แม่คลอดลูกตาย นับร้อยต่อปี

 

หลายคนอาจคิดว่า เทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัยขนาดนี้ ยังมีแม่ต้องตายเพราะคลอดลูกอีกหรอ นี่กลายเป็นประเด็นของการฟ้องร้องระหว่างครอบครัวของแม่เสียชีวิตกับโรงพยาบาลมาหลายเคส ความจริงก็คือ แม้ในเวลานั้นอยู่ในมือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลมีชื่อ มีเครื่องมือครบครันก็ตาม  ก็ไม่อาจทำนายล่วงหน้าได้ว่าฝันร้ายแบบนี้จะเกิดขึ้นกับใคร และพอเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้มีโอกาสที่ แม่คลอดลูกตาย สูงมากด้วย

MUST READ: แชร์ประสบการณ์ผ่าคลอดลูก เกือบตาย คุณแม่ต่างแดนเล่าระทึก!!!

MUST   READ: ฉีกกฎทุกการรีวิว! คุณแม่แชร์ประสบการณ์ การคลอดลูก แบบไร้ความเจ็บปวด

เพื่อเป็นการไขข้อสงสัยให้กระจ่าง ทางแพทยสภา จึงได้จัดทำการ์ตูนชุดด็อกเตอร์ซีรีส์ ตอนคลอดลูก…ตายได้ไง? เผยแพร่ในแฟนเพจแพทยสภา เพื่อให้เห็นเหตุการณ์จริงในห้องคลอดที่คุณแม่อาจไม่เคยรู้มาก่อน และเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคลอด เนื้อหาจะเป็นอย่างไร ตามมาดูกันเลยค่ะ

 

 

 

อ่าน การ์ตูนชุดด็อกเตอร์ซีรีส์ ตอนคลอดลูก…ตายได้ไง? (ต่อ) คลิกหน้า 2

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

 

 

 

อ่าน ภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือดทำให้ถึงตายจริงหรือ คลิกหน้า 3

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

ภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือด คืออะไร

ภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือด หรือ Amniotic Fluid Embolism เป็นภาวะแทรกซ้อนที่มีความรุนแรงจนทำให้แม่คลอดลูกตายได้ โดยจะมีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไปในแม่แต่ละคน บางคนอาจไม่มีอาการบ่งชี้เลย หรือมีอาการบ่งชี้เฉพาะ 3 อย่าง ดังต่อไปนี้

ความดันโลหิตต่ำลงกะทันหันระหว่างคลอด (Hypotension)

ขาดออกซิเจน  (Hypoxia)

การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ (Comsumptive coagulopathy)

ภาวะดังกล่าวจะเกิดขึ้นเมื่อมดลูกหดรัดตัวอย่างรุนแรง จนแรงดันภายในมดลูกสูงกว่าแรงดันของเส้นเลือด ทำให้เส้นเลือดดำปริแตกออกมาจากถุงน้ำคร่ำ แทนที่เลือดจะไหลออกทางเส้นเลือดแต่ย้อนกลับไปในหลอดเลือดแล้วเข้าสู่หัวใจห้องขวา ซึ่งทำหน้าที่สูบฉีดเลือดไปที่ปอดเพื่อฟอกออกซิเจน

เมื่อน้ำคร่ำถูกฉีดเข้าสู่ปอดทั้งสองข้างแทนเลือดตามปกติ ทำให้ไข เศษขี้ไคล ขนอ่อน และขี้เทาที่ปะปนในน้ำคร่ำเข้าไปอุดตันเส้นเลือดฝอยในปอด การไหลเวียนของเลือดในปอดลดลง เกิดภาวะขาดออกซิเจนในเลือดแดง ภาวะช็อกจากหัวใจ น้ำท่วมปอดจนทำให้แม่คลอดลูกตายได้

 

สาเหตุของภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือด

ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ทั้งการใช้ยาเร่งคลอดที่กระตุ้นให้มดลูกหดตัว การคลอดลูกเฉียบพลันโดยเฉพาะกรณีคลอดก่อนกำหนดจากภาวะเสี่ยงต่างๆ เช่น ครรภ์เป็นพิษ หรืออุบัติเหตุ รกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด มดลูกแตก การเจาะถุงน้ำคร่ำ การรีดเพื่อเปิดขยายปากมดลูก การหมุนเปลี่ยนท่าทารกจากภายนอกและภายใน หรือแม้แต่การออกแรงเบ่งของคุณแม่ขณะคลอดศีรษะแต่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก

ภาวะน้ำคร่ำอุดต้นในหลอดเลือดส่งผลกระทบทั้งมารดาและทารกในครรภ์

 

คลอดธรรมชาติ หรือผ่าคลอด เสี่ยง แม่คลอดลูกตาย เพราะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือด กว่ากัน

ยังไม่มีข้อมูลทางการแพทย์ระบุได้ชัดเจนว่าการคลอดแบบไหนเสี่ยงที่จะเกิดภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือดมากกว่ากัน แต่เมื่อน้ำคร่ำรั่วเข้าสู่หลอดเลือด จะตรวจพบว่าแม่มีอาการ 2 ระยะ เริ่มจากภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ทำให้แม่หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หนาวสั่น ปวดหัว ปวดและชาตามปลายนิ้ว คลื่นไส้อาเจียน

คุณแม่ใกล้คลอดอาจมีอาการแบบนี้ก่อนถึงโรงพยาบาล และเป็นต่อเนื่องได้นาน 4 ชั่วโมง หากพบความผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะหัวใจและปอดอาจหยุดทำให้ได้ตลอดเวลา ต่อมาร่างกายของคุณแม่จะเข้าสู่ระยะที่สอง ภาวะการแข็งตัวของก้อนเลือดที่กระจายไปทั่ว ตามด้วยภาวะตกเลือดหลังคลอด และเสียชีวิต บางรายอาจไม่มีระยะแรก แต่เข้าสู่ภาวะนี้เลย

 

การรักษาภาวะน้ำคร่ำอุดตันหลอดเลือดทำได้ไหม

เมื่อเกิดภาวะดังกล่าว แพทย์จะรีบกู้ชีวิตอย่างเร่งด่วนด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งการให้ออกซิเจนเพื่อป้องกันภาวะสมองและไตขาดเลือด เพื่อรักษาชีวิตทารกและแม่ แล้วจึงให้เลือด สารละลายเพื่อทดแทนภาวะขาดน้ำ จากนั้นแพทย์จะต้องผ่าคลอดทันทีในกรณีที่คุณแม่มีภาวะหัวใจหยุดเต้นไปแล้ว และอายุครรภ์มากพอที่ทารกจะรอดชีวิต

กระบวนการช่วยชีวิตทารกและคุณแม่นี้ต้องทำพร้อมกันภายในเวลาอันสั้น หากไม่ทันท่วงทีคุณแม่มีโอกาสถึง 60   % ที่จะเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้น โดยเฉพาะในชั่วโมงแรกของการคลอด ส่วนในรายที่รอดพ้นระยะนี้ไป จะเกิดภาวะเลือดไม่แข็งตัวที่ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน

ส่วนมารดาที่ไม่เสียชีวิตมักมีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทขั้นรุนแรงมาถึง 85 %  มีเพียง 8 %   เท่านั้นที่กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขณะที่ทารกรอดชีวิตหลังแม่หัวใจหยุดเต้นมีน้อยมาก หรือถ้ารอดชีวิตก็มักมีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทเช่นกัน ดังนั้นแพทย์เก่งๆ หรือเครื่องมือทันสมัยก็ไม่อาจการันตีได้ว่า แม่และลูกในครรภ์จะรอดชีวิต

 

แม้เหตุการณ์นี้จะเป็นเรื่องน่ากลัวจนทำให้คุณแม่รู้สึกวิตกกังวลกับการคลอด แต่ภาวะดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย การดูแลร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง และพบคุณหมออย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดภาวะเสี่ยงต่างๆให้เกิดขึ้นน้อยลงตามไปด้วยนะคะ

 

อ่านบทความอื่นๆที่น่าสนใจ

โฉมหน้า 15 โรคแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์

น้ำคร่ำอุดตันในกระแสเลือด “เพชฌฆาตเงียบ” ของแม่ท้อง

 


ขอบคณข้อมูลจาก http://www.med.cmu.ac.th, https://www.honestdocs.co

นาวาอากาศเอก(พิเศษ)นายแพทย์ อิทธพร คณะเจริญ กรรมการแพทยสภาน.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์นพ.สมพงษ์ วันหนุน หัวหน้ากลุ่มงานสูตินารีเวช โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

ขอบคุณภาพจาก https://www.facebook.com/thaimedcouncil/

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids