อีกหนึ่งสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ นั่นก็คือการทายเพศลูกน้อยในท้องว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ซึ่งความจริงแล้วก็มีความเชื่อโบราณหลายข้อที่น่าสนใจและน่าลองทำตามดูเหมือนกัน
หากคุณแม่คนไหนอยากทดลองสนุก ๆ ดูว่าการทายเพศของลูกตามเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาจากคนสมัยก่อนนั้นเป็นจริงหรือไม่ … ลองมาสังเกตดูสิว่ามีสัญญาณเหล่านี้บ่งบอกคุณแม่บ้างหรือเปล่า ถ้าตรงกันทุกข้อก็เดาว่าคุณแม่จะได้ลูกชายแล้วล่ะ
1. ท้องโตในระดับต่ำ
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ลองสังเกตท้องตัวเองดูสิคะ ว่าท้องคุณโตในระดับสูงหรือต่ำ หากท้องของคุณแม่โตในระดับต่ำ ก็เชื่อกันว่าคุณแม่กำลังอุ้มท้องลูกชายอยู่ มีลักษณะคล้ายลูกบาสเก็ตบอล แต่หากคุณได้ลูกสาวท้องของคุณจะโตขึ้นด้านบนหรืออยู่สูงกว่า
แต่ในทางวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ลักษณะของท้องคุณแม่ที่ปรากฏออกมานั้นขึ้นอยู่กับความตึงของกล้ามเนื้อของเด็ก ไม่ใช่เพศของเด็ก แต่ถึงอย่างไร คุณก็ลองทายได้นี่เพราะผู้คนเขาเชื่อกันอย่างนั้น
2. ไม่อยากของหวาน
อีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังท้องลูกผู้ชาย คือคุณจะไม่อยากกินของหวาน ๆ เลยแม้แต่น้อย แต่กลับชอบอาหารที่มีรสชาติเค็มมากกว่า หรือรสเปรี้ยว รวมไปถึงการชอบทานโปรตีน โดยเฉพาะเนื้อ และชีส
แต่น่าเสียดายที่ทางวิทยาศาสตร์บอกว่าอาการอยากกินอะไรนั้นเป็นเพียงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับร่างกายเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับเพศของเด็ก
3. หน้าอกใหญ่ข้างเดียว
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ลองสังเกตเต้านมดูสิว่า มีข้างใดข้างหนึ่งโตกว่ากันหรือไหม และหากข้างขวาใหญ่กว่าข้างซ้าย ก็แสดงว่าเจ้าตัวน้อยที่กำลังอยู่ในท้องคุณเป็นเด็กผู้ชาย รวมไปถึงการมีหัวนมมีสีเข้มด้วย แต่หากหน้าอกด้านซ้ายของคุณแม่ใหญ่กว่า นั่นหมายความว่าคุณจะได้ลูกสาวตัวน้อยไว้คอยแต่งชุดนางฟ้าให้นั่นเอง
ซึ่งหลักทางวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เนื่องจากฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการตั้งครรภ์จึงทำให้มีการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้นและมีผลทำให้เนื้อเยื่อของหน้าอกมีการเปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เกิดอาการบวม เจ็บ และไวต่อสัมผัส แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บอกว่าการบวมของหน้าอกเกี่ยวเนื่องกับการทำนายเพศของลูกน้อย แต่อย่างไรก็ตาม คุณก็อาจลองทายดูได้ไม่น่าจะเสียหายอะไรใช่ไหมล่ะคะ
4. เจอปัญหาเท้าเย็น
คนโบราณบอกว่า การที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ต้องเจอกับอาการเท้าเย็น หมายความว่าคุณกำลังอุ้มท้องลูกผู้ชาย ทว่าความจริงแล้วอาการเท้าเย็นเป็นเพราะการไหลเวียนเลือดไม่ดีต่างหาก แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ค้นพบว่าคุณแม่หลายคนที่อุ้มท้องลูกชายมักจะเกิดอาการทรมานเพราะเลือดไหลเวียนไม่ดี ซึ่งมันก็ดูสัมพันธ์กันอยู่
ทั้งยังมีนักวิจัยท่านหนึ่งชื่อ Dr. Alexander Nachnamen กล่าวไว้ว่า “มีรายงานว่าผู้หญิงที่ตั้งท้องลูกชายมักพบมีอาการเท้าเย็น โดยคุณแม่ที่ได้ลูกชายจะมีระบบการไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีเท่าที่ตั้งท้องลูกสาว”
5. อัตราการเต้นของหัวใจ
อัตราการเต้นของหัวใจของลูกน้อยในครรภ์ก็สามารถบอกเพศของลูกน้อยได้เหมือนกันนะคะ โดยหากเป็นเพศชายจะมีอัตราการเต้นของหัวใจต่ำกว่า 140 ครั้งต่อนาที เพราะฉะนั้นเวลาไปตรวจท้องทุกครั้งคุณแม่อย่าลืมดูอัตราการเต้นหัวใจของลูกน้อยด้วยนะคะ เพื่อจะได้ลุ้นว่าลูกเป็นผู้ชายหรือไม่นั่นเอง
อ่านต่อ >> “สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังอุ้มท้องลูกชาย” ข้อที่ 6-9 คลิกหน้า 2
6. ชาร์ตทำนายเพศลูก
ชาร์ตทำนายเพศลูก เป็นศาสตร์ของจีนโบราณที่สามารถบอกเพศของทารกได้ โดยใช้แค่เพียงอายุของคุณแม่และเดือนที่คุณตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่สามารถกำหนดเพศของลูกในท้องได้ แต่ก็สามารถบอกได้ว่าลูกน้อยในท้องเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
โดยวิธีการใช้ Chinese gender charts จากข้อมูลที่อ้างอิงมีความถูกต้อง 90% ถ้าคุณแม่ใช้อย่างถูกต้องซึ่งตารางนี้ก็มีที่มาจากการรวบรวมข้อมูลของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณมาเป็นเวลามากกว่า 700 ปี โดยใช้ข้อมูลสองอย่างในการทำนายเพศลูก นั่นคือ อายุของคุณแม่ตอนที่ตั้งครรภ์ และเดือนที่ปฏิสนธิหรือเดือนที่มีกิจกรรมแล้วเกิดการตั้งครรภ์ ***สนใจใช้ชาร์ตทำนายเพศลูก คลิกที่นี่
7. คุณพ่ออ้วนขึ้นหรือเปล่า?
คำถามนี้อาจดูตลกไปหน่อย คุณรู้จักอาการเปลี่ยนแปลงในชายเมื่อภรรยาท้องหรือไม่? นั่นคือการที่น้ำหนักตัวของคุณพ่อเพิ่มขึ้น มีความเชื่อว่าหากคุณสามีอ้วนขึ้นในขณะที่ภรรยาตั้งท้อง นั่นหมายความว่าครอบครัวนี้จะได้ลูกสาว แต่ถ้าคุณสามีไม่อ้วนขึ้น นั่นหมายความว่าจะได้ลูกชาย มีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์กเชื่อเช่นกันว่าน้ำหนักของพ่อเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถเป็นสัญญาณบอกในเรื่องนี้ได้ มีงานวิจัยหนึ่งได้ทำการศึกษาพ่อเด็กจำนวน 100 คน พบว่า พ่อเด็กเกือบจะทุกคนที่อ้วนขึ้นได้ลูกสาว และมีพ่อเด็กที่ได้ลูกชายเพียง 5 คนเท่านั้นที่อ้วนขึ้น
8. ถามเด็กน้อย
หากคุณอยากรู้ว่าตัวเองอุ้มท้องลูกชายอยู่หรือไม่ ลองให้เด็กผู้หญิงตัวน้อยช่วยดูสิ หากเด็กคนนั้นแสดงความรักความเป็นมิตรต่อคุณอย่างดี นั่นหมายความว่าคุณอุ้มท้องลูกผู้ชายอยู่ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็อาจหมายความว่าคุณอุ้มท้องลูกผู้หญิงนั่นเอง
หรือจะลองทายจากการให้เด็กมาเหยียบท้อง มี 2 วิธี วิธีแรกคือให้เด็กชายมาเหยียบ ถ้าเค้าไม่เหยียบแปลว่าในท้องเป็นผู้หญิง ถ้าเหยียบแปลว่าในท้องเป็นผู้ชาย หรืออีกวิธีคือ ให้เด็กหญิงหรือชายก็ได้มาเหยียบ ถ้าเด็กเหยียบด้วยเท้าขวาแสดงว่าได้ลูกชาย เหยียบด้วยเท้าซ้ายแสดงว่าได้ลูกสาว วิธีการให้เด็กเหยียบนี้ คือให้คุณแม่นอนหงาย อุ้มเด็กเล็กๆ ไว้ แล้วให้เค้าให้เท้าเหยียบแตะลงมา ไม่ใช่ให้เด็กโตขึ้นไปเหยียบทั้งตัวนะคะ ไม่อย่างนั้นคุณแม่รวมถึงลูกในท้องอาจจะบาดเจ็บก็ได้
9. คุณเชื่อสัญชาติญาณตัวเองมั้ย?
แม่คนหนึ่ง ๆ ย่อมรู้เกี่ยวกับลูกของตัวเองดีที่สุด ใช่หรือไม่? ดังนั้น สัญชาติญาณของคุณเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการที่คุณจะรู้ว่าลูกชายหรือลูกสาวที่อยู่ในท้องของคุณ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าแม่กว่าร้อยละ 71 สามารถเดาเพศของลูกตัวเองได้อย่างถูกต้อง
ถึงอย่างไรวิธีทายเพศของลูกน้อยในครรภ์ ก็ยังเป็นเพียงแค่ความเชื่อที่ไม่ได้ตรงเป๊ะ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีหลากหลายวิธีที่จะช่วยให้คุณทายได้ว่าคุณได้ลูกสาวหรือลูกชายก่อนที่จะมีการอัลตร้าซาว์ดดูเพศของลูก บางวิธีเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมาจากคนในสมัยก่อน บางเรื่องเล่าก็น่าตลก แต่ถ้าไม่เสียหายอะไร คุณแม่ก็สามารถลองใช้วิธีที่ทั้งสนุกและใช้เวลาไม่นานเพื่อดูว่าเรื่องเล่าที่เป็นตำนานนี้เป็นจริงหรือไม่ได้นะคะ…
*เรื่องจริงของเพศหญิงหรือชาย
หากเป็นวิธีการตามธรรมชาติ โอกาสที่คุณแม่จะได้ลูกสาวหรือลูกชาย เรียกว่ามีโอกาส 50 / 50 ค่ะ คือการท้อง 1 ครั้ง มีโอกาสเป็นลูกสาวหรือลูกชายได้เท่าๆ กันนั่นเอง เพราะการได้ลูกสาวหรือลูกชาย เกิดจากเพศหญิงหรือก็คือ คุณแม่ที่มีโครโมโซม X X กับผู้ชาย หรือคุณพ่อที่มีโครโมโซม X Y หากว่าโครโมโซม X ของคุณแม่มาเจอกับโครโมโซมY ของคุณพ่อ ก็จะได้ลูกที่มีโครโมโซม X Y ซึ่งก็คือได้ลูกชาย แต่หากว่าโครโมโซม X ของคุณแม่มาเจอกับโครโมโซม X ของคุณพ่อจะได้ลูกที่มีโครโมโซม X X หรือก็คือได้ลูกสาวนั่นเองค่ะ
**ความจริงเกี่ยวกับเพศลูกที่คุณแม่ต้องรู้
การทำอัลตราซาวด์เป็นวิธีตรวจสอบเพศลูกที่ปลอดภัยกับทั้งคุณแม่และคุณลูก วิธีการนี้มีความถูกต้องแม่นยำในการระบุเพศทารกถึง 90% หากคุณแม่ทำอัลตราซาวด์หลังตั้งครรภ์ 16 สัปดาห์ การทำอัลตราซาวด์ไม่ใช่การตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของเด็กทารก
อย่างไรก็ตามการตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมดังกล่าว เช่น การเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อทารกด้วยการตรวจชิ้นเนื้อรกเมื่อทารก ในครรภ์มีอายุ 10-12 สัปดาห์ หรือหากต้องเจาะน้ำคร่ำต้องทำเมื่อทารกอายุมากกว่า 12 สัปดาห์นั้นพบว่าเป็นวิธีที่บอกเพศลูกได้ถูกต้องแม่นยำ 100% การตรวจหาความผิดปกติทางพันธุกรรมของทารกไม่ใช่ว่าไม่มีความเสี่ยงเลย…วิธีการนี้จึงมักใช้ตรวจวินิจฉัยความกังวลอื่นๆของคุณแม่ ไม่ใช่ทำเพื่อต้องการความถูกต้องในการบอกเพศของทารกเท่านั้น
คลิกอ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ!!
>> รวมชื่อลูกสาวลูกชายแบบยุคใหม่ เรียกง่ายทั้งไทยและอังกฤษ
>> รวมชื่อเล่นยอดฮิตและเก๋ๆ แบบครบถ้วน ทั้งไทยและอังกฤษ กว่า 500 ชื่อ
>> การตั้งชื่อลูก คิดให้ดีก่อนส่งผลกระทบต่อจิตใจในอนาคต
ขอบคุณข้อมุลจาก :www.thaihealth.or.th , baby.kapook.com , www.manager.co.th