น้ำหนักตัวของแม่ท้อง ต้องแบบนี้!

ในความเป็นจริง น้ำหนักตัวของแม่ท้อง ต้องแบบนี้! เพราะคุณแม่หลายคนยังมีความเชื่อว่า ขณะตั้งครรภ์ควรทานอาหารเผื่อลูกให้มากๆ รวมทั้งเข้าใจผิดเรื่องไม่ควรออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายมากๆ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูก จนทำให้คุณแม่มีปัญหาน้ำหนักขึ้นมากเกินไปขณะตั้งครรภ์ ส่งผลเสียทั้งต่อสุขภาพคุณแม่เอง เรื่องการคลอดและสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์

น้ำหนักตัวของแม่ท้อง ต้องแบบนี้

 

ดังนั้นเพื่อให้ลูกน้อยและคุณแม่สุขภาพดี แม่มีน้ำหนักที่พอดี ไม่เสี่ยงโรคภัย และไม่อ้วน เรามาดูกันว่าขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์จะต้องมีน้ำหนักเท่าไรกันดี

น้ำหนักตัวคุณแม่ควรขึ้นเท่าไร?

ก่อนที่เราจะทราบว่าน้ำหนักขณะตั้งครรภ์ควรเพิ่มขึ้นเท่าไร ชวนคุณแม่มาคำนวณ ดัชนีมวลกาย(BMI)กันก่อนค่ะ

ดัชนีมวลกาย(BMI) =   น้ำหนักคุณแม่ (กก.) หาร/ ความสูง (เมตร²)

ยกตัวอย่างการคำนวณ สมมุติว่าคุณแม่หนัก 50 กก. และสูง 165 ซม.
ก่อนอื่นต้องแปลงส่วนสูงเป็นเมตรก่อนค่ะ
โดย 165 ซม. เท่ากับ 1.65 เมตร
ก็นำค่ามาเทียบในสูตรข้างต้นได้เลย

= 50 / (1.65 x 1.65)
= 50 / 2.72
= 18.38

ค่า BMI ของคุณแม่ก็จะเท่ากับ 18.38 นั่นเองค่ะ

เมื่อคุณแม่คำนวณแล้ว มาดูกันค่ะว่าน้ำหนักตัวคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์เป็นอย่างไร และคุณแม่ควรจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเท่าไรตลอดการตั้งครรภ์ ?

• ค่า BMI น้อยกว่า 18.5 > คุณแม่มีน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์น้อยกว่าปกติควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 12.5 – 18 กก. เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.51 กิโลกรัม

• ค่า BMI 18.5 – 22.9 > คุณแม่มีน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์ปกติหรือสมส่วน ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 11.5 – 16 กก. เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.42 กิโลกรัม

• ค่า BMI 23 – 29.9 > คุณแม่มีน้ำหนักตัวก่อนตั้งครรภ์เกินมาตรฐาน ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 7 – 11.5 กก. เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.28 กิโลกรัม

• ค่า BMI 30 > คุณแม่มีภาวะอ้วน ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 5 – 9 กก. เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.22 กิโลกรัม

 

น้ำหนักของคุณแม่มาจากไหนกันนะ? หากคุณแม่กำลังสงสัยว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากอะไร ไปดูกันค่ะ

• ลูกน้อย 2-3.6  กิโลกรัม
• รก  7  กิโลกรัม
• ไขมันสะสม 7-3.6 กิโลกรัม
• เลือดที่เพิ่มขึ้น 0.4 – 1.8  กิโลกรัม
• น้ำคร่ำ  9 กิโลกรัม
• เต้านมที่ขยายใหญ่ 0.45- 1.4 กิโลกรัม
• ขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้น  9 กิโลกรัม

ติดตาม น้ำหนักตัว ของแม่ท้องต้องแบบนี้ คลิกต่อหน้า 2

น้ำหนักตัวของแม่ท้อง ต้องแบบนี้ มากไป-น้อยไป ก็ไม่ดี

รู้หรือไม่ว่า…หากคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควบคุมน้ำหนัก จนทำให้คุณแม่มีน้ำหนักที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไปขณะตั้งครรภ์ จะสามารถส่งผลทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยเองได้อย่างไรบ้าง ไปดูกันค่ะ

• น้ำหนักน้อยเกินไป ทำให้ลูกน้อยขาดสารอาหาร

ลูกน้อยจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อการพัฒนาร่างกาย คุณแม่เองก็จะเจ็บป่วย สุขภาพไม่ดี หรือมีร่างกายที่ไม่แข็งแรงพร้อมต่อการคลอดลูกน้อย จนเกิดปัญหาในอนาคตได้

• น้ำหนักที่เพิ่มมากเกินไป ทำให้ลูกตัวใหญ่มากเกินไป

เพราะหากคุณแม่น้ำหนักมากหรือมีภาวะอ้วน จะทำให้ลูกตัวใหญ่คลอดเองยาก มีโอกาสผ่าตัดคลอด

• น้ำหนักที่เพิ่มมากเกินไป ทำให้ลูกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อย

ภาวะนี้เกิดจากการที่คุณแม่มีน้ำหนักมาก แต่ลงที่คุณแม่ทั้งหมด โดยไม่ได้ส่งถึงลูกน้อย รวมถึงมีภาวะความดัน ครรภ์เป็นพิษ ที่อาจสัมพันธ์กับการเสี่ยงต่อโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้

• น้ำหนักที่เพิ่มมากเกินไป ทำให้คุณแม่อ้วน

เพราะเมื่อคุณแม่อ้วน หลังคลอดแล้วก็จะทำให้คุณแม่มีน้ำหนักตัวเกินและคงค้างอยู่สูง รวมถึงทำให้การลดน้ำหนัก และการที่จะกลับมารูปร่างสวยงามเหมือนก่อนคลอดได้ยากตามมาด้วย

 

ติดตาม น้ำหนักตัว ของแม่ท้องต้องแบบนี้ คลิกต่อหน้า 3

น้ำหนักแม่ท้อง ต้องแบบนี้ กินให้ถูก กินให้เหมาะ

การควบคุมน้ำหนักที่สำคัญ คือการดูแลเรื่องอาหารการกิน เราจึงขอนำเสนอเคล็ดลับการกินที่ดีต่อสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝากค่ะ

กินน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ

เพราะในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ จะรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ การกินอาหารทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆ โดยแบ่งการกินอาหารเป็นมื้อเล็กๆ ประมาณ 4-6 มื้อต่อวัน และเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบทั้ง 5 หมู่ นอกจากจะช่วยให้ร่างกายมีการเผาผลาญที่ดี ลดปัญหาท้องอืด แน่นท้องเพราะอาหารไม่ย่อย เนื่องจากกระเพาะทำงานหนักจากอาหารมื้อใหญ่ๆ แล้ว การกินน้อยๆ ยังช่วยลดอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้อีกด้วย

งดอาหารไร้คุณค่า บั่นทอนสุขภาพ

นั่นคือ อาหารที่ปรุงไม่สุก หรือสุกๆ ดิบๆ  อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป อาหารหมักดอง อาหารที่มีรสหวานมากเกินไป อาหารที่มีไขมันสูง อาหารค้างคืน อาหารที่ไม่สะอาดหรือไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ เป็นต้น

งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ เพราะมีผลต่อสุขภาพและการสร้างเซลล์สมอง และพัฒนาการทางร่างกายของลูกน้อย และยังทำให้สุขภาพคุณแม่ไม่ดีอีกด้วย

เลือกทานของว่างที่มีประโยชน์ ในระหว่างวัน โดยคุณแม่ควรหาของขบเคี้ยว เช่น ธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ข้าวโอต หรือผลไม้ต่างๆ แทนขนมหวานที่มีน้ำตาล และหลีกเลี่ยงการดื่มนํ้าอัดลม

ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น กายบริหาร ด้วยการเดินช้าๆ เล่นโยคะหรืออื่นๆ ที่ไม่หนักเกินไป จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ลดปัญหาท้องอืด ท้องเฟ้อ และยังช่วยยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรงให้ร่างกายในระหว่างตั้งครรภ์ได้อีกด้วย

นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ จะทำให้ร่างกายคุณแม่สดชื่น ไม่อ่อนเพลีย ทานอาหารได้ดี ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีโดยรวมค่ะ

อ่านบทความอื่นที่น่าสนใจ

กินยาคุมแล้วมีลูกยาก กับความเชื่อที่แม่ควรรู้

แม่ท้องก็ออกกำลังกายในฟิตเนสได้นะเออ!

10 เคล็ดไม่ลับ ช่วยการนอนหลับของคุณแม่ท้อง