อัพเดทล่าสุดผลวิจัยชี้ชัดแล้วว่า แม่ท้องใช้มือถือ มากเกินไปส่งผลเสียกับทารกในครรภ์แน่นอน!
เมื่อ “มือถือ” คือส่วนหนึ่งของชีวิต ทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบข้างเปลี่ยนไปไม่ใช่แต่เฉพาะสิ่งรอบตัวเท่านั้นที่เปลี่ยน หากสังเกตตัวเองให้ดีจะรู้ทันทีเลยว่า การเล่นมือถือมากเกินไปนั้นส่งผลเสียอย่างไรบ้างกับสุขภาพของเรา และในวันนี้เราจะขอนำเสนอผลงานวิจัยล่าสุดที่อาจจะทำให้ใครหลาย ๆ คนตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคุณแม่ท้องทุก ๆ คน
จากผลงานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยคุมาโมโต้ของประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวไว้ว่า การที่คุณแม่ท้องใช้มือถือมากเกินไปนั้น ส่งผลแน่นอนกับทารกในครรภ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
- เรื่องของน้ำหนักทารก ซึ่งมีผลทำให้น้ำหนักตัวทารกต่ำกว่าเกณฑ์ อีกทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าปกติ
- มีปัญหาเกี่ยวกับการป่วยเรื้อรังต่าง ๆ
งานวิจัยดังกล่าวนี้ ได้ทำการเก็บผลสรุปจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นคุณแม่ท้องจำนวนทั้งสิ้น 521 คน และทุกคนใช้มือถือของตัวเอง เรียกได้ว่าแทบจะทุกเวลา ทุกสถานที่ ทั้งวันทั้งคืน และไม่ใช่แค่นั้นแม้แต่เวลานอน คุณแม่ทั้งหมดไม่มีใครอยู่ห่างจากมือถือเลย
นอกจากนี้งานวิจัยยังค้นพบอีกว่า จากกลุ่มตัวอย่างแทบทุกคนที่จะเก็บมือถือติดตัวไว้ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระเป๋าเสื้อและกระเป๋ากางเกงเพื่อความสะดวกสบายของการนำมาใช้ และนอกจาก 2 ข้อที่ได้กล่าวมาถึงผลเสียของทารกในครรภ์นั้น การที่คุณแม่ท้องใช้มือถือมากเกินไปก็ยังจะส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล มีปัญหาเรื่องการนอน อารมณ์ซึมเศร้า ซึ่งอารมณ์ทั้งหมดของคุณแม่ท้องนั้น ส่งผลต่อทารกในครรภ์ด้วยทั้งสิ้น
อ่านผลงานวิจัยอื่นเพิ่มเติม คลิก
เครดิต: Standard Media
ส่วนผลงานวิจัยชิ้นต่อไปได้ถูกจัดทำขึ้นโดย ศาสตราจารย์ ดร. Hugh Taylor ผู้อำนวยการฝ่ายสูติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยล อีกทั้งยังเป็นผู้ร่วมศึกษาวิจัยถึงผลกระทบจากการใช้โทรศัพท์มือถือในระหว่างตั้งครรภ์เผยถึงผลการทดลองในครั้งนี้ว่า
“เราได้ทดลองกับหนูที่กำลังตั้งท้องกลุ่มหนึ่ง โดยแบ่งเป็นสองกรง กรงหนึ่งมีการวางโทรศัพท์มือถือไว้ด้านบนและเปิดเครื่องตลอดเวลา กับอีกกรงหนึ่งวางโทรศัพท์มือถือเอาไว้แต่ปิดเครื่อง จากนั้น ก็รอจนหนูทดลองคลอดลูกออกมา และโตพอที่จะสังเกตพฤติกรรมได้ ซึ่งทีมวิจัยพบว่า ลูกหนูกลุ่มที่ได้รับคลื่นโทรศัพท์มือถือตลอดเวลานั้นเป็นหนูที่มีความกระตือรือร้นมากกว่าปกติ พวกมันมักจะวิ่งชนกำแพงอยู่บ่อย ๆ ไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบตัว อีกทั้งสมองส่วนของความจำของลูกหนูกลุ่มนี้ก็มีมวลน้อยกว่ากลุ่มอื่น ๆ ด้วย”
ศาสตราจารย์ เทย์เลอร์ กล่าวต่อไปว่าจากการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือนั้นส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ และขอใช้ผลการศึกษานี้เตือนผู้บริโภคให้ใช้อุปกรณ์ดังกล่าวอย่างระมัดระวัง ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ควรหลีกเลี่ยง หรือไม่ก็ควรวางโทรศัพท์ให้ห่างจากบริเวณครรภ์ให้มากที่สุด
แต่อย่างไรก็ดีก็ได้มีผลงานวิจัยจากนักวิจัยบางกลุ่มที่กล่าวว่า จริง ๆ แล้วมือถือนั้นไม่ได้ส่งผลอะไรเลยกับทารกในครรภ์
อ่านผลวิจัยดังกล่าว … คลิก!
เครดิต: ผู้จัดการ
แม่ท้องใช้มือถือ กระทบกับทารกในครรภ์แน่หรือ?
ใช่ว่าจะมีนักวิจัยทุกคนเห็นด้วยกับงานวิจัย ศาสตราจารย์ ดร. Hugh Taylor ยกตัวอย่างเช่น เอีริก เทเลอร์ และ คายา รูเบีย แห่งสถาบันจิตวิทยา วิทยาลัยคิงส์ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร ที่ได้ให้เหตุผลและข้อโต้แย้งที่น่าสนใจ โดยนักวิจัยทั้งสองให้เหตุผลโต้แย้ง โดยเริ่มตั้งแต่การศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมของลูกหนูกลุ่มศึกษา และกลุ่มควบคุมว่า ไม่สามารถสรุปได้โดยง่ายเช่นนั้น การศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ชนิดนี้ กระทำได้ยาก
นอกจากนี้ต้องใช้เวลามากกว่าที่นำเสนอในงานวิจัย ลำดับต่อไปคือ รังสีจากมือถือเป็นคลื่นรังสีแม่เหล็กนั้นไม่ใช่กัมมันตภาพรังสี การทำอันตรายจึงเกิดขึ้นน้อยมาก และไม่มากพอที่จะมีผลต่อพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต และลำดับสุดท้าย การได้รับคลื่นรังสีของหนูทดลอง สูงมากเมื่อเทียบกับการได้รับของหญิงตั้งครรภ์ เพราะการส่งสัญญาณคลื่นโทรศัพท์ในงานทดลองตลอด 24 ชม. รวม 17 วัน นั้น ไม่ใช่การใช้งานโดยปกติของคนทั่วไป นอกจากนี้ขนาดตัวของหนูทดลองและคนก็มีความแตกต่างกัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีบทสรุปชี้ชัดจากสถาบันใดว่าบทวิจัยของคนหนึ่งคนใดผิด แต่ใช่ว่าเราก็ควรจะมองข้ามเรื่องนี้ไปได้ เพียงแต่ว่าคุณแม่จะต้องหาวิธีป้องกันด้วยการเริ่มจากตัวเองก่อน นั่นก็คือ ไม่พยายามการใช้งานนานเกินไป หรือบ่อยครั้งเกินความจำเป็นนั่นเอง ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่หากเราใช้ในทางที่ผิดหรือเกินความพอดี แน่นอนว่าสิ่งนั้นย่อมทำให้เกิดผลเสียต่าง ๆ ตามมา
เครดิต: สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
- อย่ามัวแต่ก้มมองมือถือ จนลืมลูกน้อยข้างตัว
- กรมสุขภาพจิตพบ! เด็กเล็กเป็นโรคไฮเปอร์เทียมมากขึ้น เพราะพ่อแม่ให้ลูกเล่นแท็บเล็ต-มือถือ
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่