ความฉลาดทางสติปัญญาของลูกเป็นเรื่องที่พ่อแม่ทุกคนต่างก็ต้องการให้เกิดขึ้นกับลูกของตัวเอง แต่ใครจะรู้บ้างว่าเรื่องของความฉลาดถ้าไม่ได้กระตุ้นหรือส่งเสริมมาตั้งแต่ต้น ก็ยากที่จะทำให้ ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ ทีมงาน Amarin Baby & Kids จะมาชวนคุณแม่เช็กรหัสส่งความฉลาดให้ลูก ที่สามารถรู้ได้ตั้งแต่ที่ลูกอยู่ในท้องของแม่กันค่ะ
ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์
อยากให้ ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ เป็นไปได้ค่ะ แต่ต้องขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยด้วย ซึ่งก่อนอื่นเราไปทำความเข้าใจกันสักนิดว่า ความฉลาดของมนุษย์คืออะไร ความฉลาด คือ ความสามารถของมนุษย์ที่ใช้ในการเรียนรู้ ใช้ในการคิดแก้ไขปัญหา และ ใช้ในการจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการทำงานของสมองส่วนความจำ
สมองส่วนความจำ คือ สมองส่วนหน้า (forebrain) ที่ประกอบด้วย
ซีรีบรัม (cerebrum) เป็นสมองส่วนหน้าสุดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ทำหน้าที่เกี่ยวกับความจำ ความนึกคิด ไหวพริบ และ ความรู้สึกผิดชอบ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางควบคุมการทำงานของส่วนต่างๆ ของร่างกายที่อยู่ใต้อำนาจจิตใจ เช่น ศูนย์ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การรับสัมผัส การพูด การมองเห็น เป็นต้น
ทาลามัส (thalamus) เป็นส่วนที่อยู่ด้านหน้าของสมองส่วนกลางหรืออยู่ข้างๆ โพรงสมอง ทำหน้าที่เป็นสถานีถ่ายทอดกระแสประสาทที่รับความรู้สึก ก่อนที่จะส่งไปยังสมองที่เกี่ยวข้องกับกระแสประสาทนั้น
ไฮโพทาลามัส (hypothalamus) เป็นสมองส่วนที่อยู่ใต้ส่วนทาลามัส ซึ่งอยู่ด้านล่างสุดของสมองส่วนหน้า ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย การเต้นของหัวใจ การนอนหลับ ความดันเลือด ความหิว ฯลฯ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ เช่น อารมณ์เศร้าโศกเสียใจ เป็นต้น[1]
นี่คือหน้าที่ของสมองส่วนความจำ ซึ่งคุณแม่สามารถส่งเสริมให้สมองลูกมีความจำดี มีพัฒนาการสติปัญญาที่ฉลาดได้ตั้งแต่ตอนที่ลูกอยู่ในท้อง แต่จะรู้ได้อย่างว่าลูกในท้องฉลาด คุณแม่ลองมาเช็กจาก 7 รหัสนี้กันค่ะ
อ่านต่อ เช็กรหัสลูกในท้องฉลาด คลิกหน้า 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ ต้องเริ่มที่แม่มี 7 รหัสนี้ครบ
ลูกในท้องจะมีพัฒนาการสมองในเกณฑ์ปกติที่เหมือนกันทุกคน แต่ประสิทธิภาพของสมองจะทำงาน และเรียนรู้ได้ดีมากยิ่งขึ้น ต้องมาจากการถูกกระตุ้นส่งเสริมอย่างถูกวิธีด้วยนะคะ ฉะนั้นเพื่อให้คุณแม่รู้ได้ว่าลูกในท้องจะเป็นเด็กที่ฉลาดหรือไม่ คุณแม่ต้องมีรหัสสร้างลูกฉลาดตามนี้ค่ะ
รหัสที่ 1 : ต้องท้องในช่วงอายุที่เหมาะสม
มีผู้หญิงที่แต่งงานแล้วหลายคน เวลาถูกถามว่าจะมีลูกกันเมื่อไหร่ มักได้คำตอบว่า “ยังไม่อยากมีลูกเลย ขอทำงานเก็บเงิน และขอเที่ยวกันก่อน” คืออย่าลืมว่าถ้าคุณคือคนหนึ่งที่แต่งงานตอนอายุที่มาก และรออีก 1-2 ปี ค่อยมีลูกกัน อาจทำให้การตั้งครรภ์มีปัญหาได้
สำหรับผู้หญิงนั้นช่วงอายุที่เหมาะสมกับการมีลูกควรอยู่ที่ช่วงอายุประมาณ 20-30 ปี เพราะว่าร่างกายยังมีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่มาก และถ้าหากท้องก็จะไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพแทรกซ้อนขึ้นมาสักเท่าไหร่ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายแม่ยังส่งผลต่อความฉลาดของลูกในท้องได้ด้วย เคยมีการศึกษาวิจัยพบว่า ความฉลาดของลูกมากจากยีนของแม่มากกว่าพ่อ เหตุผลที่ว่านี้คือ ผู้หญิงมีโครโมโซม X ถึง 2 ตัว ซึ่งความฉลาดมีอยู่ในโครโมโซม X นั่นหมายความว่าลูกมีแนวโน้มที่จะได้รับความฉลาดมาจากแม่ได้สูงมาก การที่แม่มีสุขภาพสมบูรณ์ย่อมทำให้เซลล์ ยีนต่างๆ ภายในร่างกายแข็งแรง นั่นก็จะเป็นผลดีต่อการตั้งครรภ์คุณภาพค่ะ
รหัสที่ 2 : ต้องคุยกับลูกทุกวัน
เมื่อเข้าเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป สมองลูกจะมีการพัฒนาให้เติบโตขึ้นจากปกติ และเริ่มมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เซลล์ประสาทเริ่มเชื่อมโยงถึงกัน และพัฒนาเป็นระบบประสาทที่ซับซ้อนมากขึ้น
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่จะต้องบำรุงดูแลครรภ์ด้วยอาหารที่มีประโยชน์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ การกระตุ้นสมองลูกในท้องด้วยการพูดคุยกับลูกทุกวัน การพูดคุยกับลูกในครรภ์จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด
รหัสที่ 3 : ต้องทำกิจกรรมที่หน้าท้อง
เป็นแม่ต้องไม่ขี้เกียจ โดยเริ่มกันตั้งแต่ตอนลูกอยู่ในท้อง ที่แม่ควรหากิจกรรมช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองให้ลูก อย่างการส่องไฟฉายที่ท้อง เพราะการส่องไฟที่หน้าท้องมีผลต่อเซลล์สมอง และเส้นประสาทส่วนรับภาพ และการมองเห็น
แนะนำว่าควรทำกิจกรรมนี้ตอนที่อายุครรภ์ได้ 7 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่พัฒนาการระบบประสาทของลูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เนื้อสมองของลูกในครรภ์โตขึ้นจนเต็มพื้นที่ภายในกระโหลกศีรษะ และมีร่องบนเนื้อสมองในการเก็บข้อมูลมาก
อ่านต่อ เช็กรหัสลูกในท้องฉลาด คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
รหัสที่ 4 : ต้องทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการสร้างสมอง
เนื้อสมองของลูกน้อยในครรภ์มีองค์ประกอบเป็นไขมันโดยเฉพาะไขมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เป็นองค์ประกอบถึงร้อยละ 60 กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวให้เพียงพอจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับวัตถุดิบคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพดีตามไปน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม[2]
รหัสที่ 5 : ต้องมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
คุณแม่ท้องอาจไม่นึกถึงการออกกำลังกายระหว่างตั้งครรภ์กันมากสักเท่าไหร่ เพราะอาจกังวลว่าคนท้องออกกำลังกายได้ หรือ จะปลอดภัยกับลูกในท้องไหม จริงๆ แล้วคนท้องสามารถออกกำลังกายได้ โดยที่ต้องได้รับการรับรองจากคุณหมอที่ ดูแลครรภ์ก่อนในเบื้องต้นว่าคุณแม่ไม่ได้มีภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพ เช่น ภาวะแท้งคุกคาม ปากมดลูกปิดไม่สนิท ฯลฯ จึงจะปลอดภัยขณะที่กำลังออกกำลังกาย และแนะนำว่าการออกำลังกายควรมีผู้เชี่ยวชาญดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย กายบริหารที่เหมาะกับคนท้อง ก็เช่น โยคะ ว่ายน้ำ เดินช้าๆ เป็นต้น
การออกกำลังของแม่ท้อง จะทำให้ลูกในท้องได้เคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่แม่บิด เหวี่ยงแขน ขา ลำตัว ผิวกายลูกที่ เคลื่อนไหวไปถูกกับผนังด้านในมดลูก จะไปช่วยกระตุ้นระบบประสาทสัมผัสของลูกให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น
รหัสที่ 6 : แม่ต้องเริ่มฟังเพลงให้เพลินอารมณ์
ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้ เครือข่ายใยประสาทที่ทำงานเกี่ยวกับการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้น การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงเพลงคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย และจดจำสิ่งต่างๆ ได้ดี[3]
รหัสที่ 7 : แม่ต้องไม่เครียด ไม่โกรธ
ความเครียดคือศัตรูตัวร้ายต่อสมองทั้งของแม่และลูกในท้องเลยค่ะ เพราะขณะที่แม่กำลังเกิดความเครียด หรือมีอารมณ์โมโห โกรธ ร่างกายที่ต้องอยู่ในภาวะกดดันที่เกิดจากความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน ชื่อว่า cortisol และ adrenaline ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็วมาก สมองและร่างกายที่ตึงเครียดของแม่สามารถส่งถึงลูกในท้องให้รู้สึกรับรู้ได้ และก็จะทำให้สมองลูกเครียดตามไปด้วย
ดังนั้นเมื่อแม่รู้แล้วว่าความเครียดไม่ได้ส่งผลดีต่อสมองของลูกในท้อง ควรหาวิธีขจัดความเครียด อาจจะดูหนัง ฟังเพลง หรืออกไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศให้สบายตา สบายใจ ลดความเครียดได้ค่ะ
ไม่อยากเลยใช่ไหมคะที่จะรู้ว่าลูกในท้องของเรานั้นจะคลอดออกมาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการสมองที่เฉลียวฉลาดกันหรือเปล่า ทั้งนี้การที่ลูกจะมีสติปัญญาดี ต้องเริ่มมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในท้องแม่จากการได้รับอาหาร การกระตุ้นพัฒนาการ และเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ได้รับอาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเริ่มจากการได้ทานน้ำนมแม่ ได้รับอาหารเสริมที่เหมาะสมตามวัย มีกิจกรรมกระตุ้นพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง เท่านี้ก็จะช่วยให้ลูกมีสมองคิด จดจำ เรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพแล้วค่ะ …ด้วยความใส่ใจและห่วงใย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อบทความเรื่องอื่นที่น่าสนใจคลิก
กระจก … ช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองลูกน้อยได้!
นักวิจัยพิสูจน์แล้ว! ลูกจะสืบทอดสติปัญญาจากแม่ได้มากกว่าพ่อ
ส่งเสริมให้ลูกเล่น ขวบปีแรก พัฒนาการสมองดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
[1]ระบบประสาท. plengt.wordpress.com
[2],[3]รองศาสตราจารย์นายแพทย์วิทยา ถิฐาพันธ์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. อยากกระตุ้นให้ลูกฉลาดตั้งแต่อยู่ในท้อง. www.si.mahidol.ac.th
อายุของแม่กับการตั้งครรภ์. www.si.mahidol.ac.th
www.goodhousekeeping.com
นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์. www.facebook.com