แม่ท้องจำนวนไม่น้อยที่กำลังประสบปัญหาการ เป็นริดสีดวงตอนท้อง โดยอาการของริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ สามารถทำให้เกิดอาการปวด คัน เจ็บ หรือมีเลือดออกโดยเฉพาะขณะหรือหลังจากการขับถ่าย แม้ว่าการมีริดสีดวงนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อลูกในท้อง และมักจะหายไปได้เองหลังคลอด แต่กลับสร้างความรำคาญให้แม่ท้องได้ไม่น้อย
เป็นริดสีดวงตอนท้อง ดูแลอย่างไร? คลอดธรรมชาติได้ไหม?
ริดสีดวงทวารคืออะไร?
ริดสีดวง เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณทวารหนักเกิดการปูดพอง (ขอด) เป็นหัว แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว โดยอาการของโรคนี้มักจะเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือท้องเสีย ปกติแล้วจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย โดยอาจจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวลได้ หัวริดสีดวงที่พบอาจมีเพียงหัวเดียวหรือมีหลายหัวก็ได้ ถ้าเกิดจากหลอดเลือดดำที่อยู่ใต้ผิวหนังตรงปากทวารหนักจะเรียกว่า “ริดสีดวงภายนอก” ซึ่งอาจมองเห็นจากภายนอกได้ แต่ถ้าเกิดจากหลอดเลือดอยู่ลึกเข้าไปจะเรียกว่า “ริดสีดวงภายใน” ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องส่องตรวจไส้โดยตรง
เป็นริดสีดวงตอนท้อง สาเหตุมาจากอะไร?
- ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงขณะตั้งครรภ์ ส่งผลให้ปริมาณและการไหลเวียนของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะร่างกายส่วนล่าง แต่ระบบไหลเวียนเลือดกลับไหลเวียนได้ไม่สะดวก เพราะครรภ์มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ไปกดทับเส้นเลือดดำในบริเวณอุ้งเชิงกราน เกิดเป็นภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำและเกิดการบวมบริเวณทวารหนัก
- ภาวะท้องผูกเรื้อรัง ทำให้แม่ท้องต้องเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นประจำ แรงเบ่งจะเพิ่มความดัน จนทำให้กลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดเจ็บ จนส่งผลให้หลอดเลือดโป่งพองหรือหลอดเลือดขอดได้ง่าย โดยริดสีดวงนี้เป็นอาการที่พบได้บ่อยในแม่ท้องที่ท้องผูก งานวิจัยระบุว่า 38% ของคนท้อง มักจะประสบปัญหาท้องผูกขณะตั้งครรภ์
- น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นมากในแม่ท้อง มีผลให้มีแรงดันในช่องท้องและในอุ้งเชิงกรานเพิ่มสูงขึ้น เลือดจึงคั่งในกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดได้
- ความไม่สมดุลในโภชนาการของแม่ท้อง โดยแม่ท้องที่มักมีอาการริดสีดวงทวารนั้น มักจะรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย
- การนั่ง หรือยืนนาน ๆ มีส่วนทำให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้ เนื่องจากเมื่อนั่งหรือยืนนาน ๆ เลือดก็จะไปรวมอยู่ส่วนที่ต่ำที่สุดของร่างกาย จนทำให้เลือดไปคั่งที่บริเวณเท้าหรือบริเวณทวาร จนผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ เป็นริดสีดวงตอนท้อง มีอาการอย่างไร?
เป็นริดสีดวงตอนท้อง มีอาการอย่างไร?
อาการของโรคริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ก็จะมีอาการเหมือนกับโรคริดสีดวง คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีอาการท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้มีอาการปวด บวม เจ็บ และระคายเคือง แต่หากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นจะทำให้เกิดอาการปวด บวม เจ็บมากขึ้นแต่สามารถหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่เมื่อหายดีแล้วอาจมีติ่งเหลืออยู่ หรืออาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือคันบริเวณรอบปากทวารหนักได้
หากริดสีดวงเกิดขึ้นภายในร่างกาย มักจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก ระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจาระเสร็จ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวด เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และอาจสังเกตว่ามีเลือดเปื้อนบนกระดาษชำระ (เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ส่วนตัวก้อนอุจจาระยังเป็นสีของมันตามปกติ ไม่มีมูกปน และเลือดมักจะหยุดไหลได้เอง) ซึ่งอาการเหล่านี้จะมีลักษณะเป็น ๆ หาย ๆ ถ้ามีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจทำให้เกิดอาการซีดตามมาได้
ในกรณีที่เป็นมาก หลอดเลือดจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวะเช่นนี้จะก่อให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ (ถ้าเกิดลิ่มเลือดอุดตันขึ้น ริดสีดวงกลายเป็นก้อนแข็ง หรือเกิดภาวะเซลล์ตายจะทำให้มีอาการเจ็บปวดได้) และอาจจะทำให้เกิดอาการคันและอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ริดสีดวงแบบภายในยังสามารถแบ่งตามระยะความรุนแรงของโรคได้เป็น 4 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 หลอดเลือดที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ภายในทวารหนักและลำไส้ตรง และยังไม่มีหัวริดสีดวงโผล่ออกมา
- ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงปลิ้นโผล่ออกมาอยู่ที่ปากทวารหนักในขณะถ่ายอุจจาระ แต่หัวที่โผล่ออกมานี้สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เองหลังจากขับถ่ายอุจจาระเสร็จ
- ริดสีดวงระยะที่ 3 หัวริดสีดวงจะไม่สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักเองได้หลังจากขับถ่ายอุจจาระเสร็จ แต่ยังสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้
- ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงจะกลับเข้าไปภายในทวารหนักไม่ได้ และจะค้างอยู่ที่ปากทวารหนัก ถึงแม้จะใช้นิ้วช่วยดันแล้วก็ตาม ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดมากและต้องรีบไปพบแพทย์ด่วน ก่อนที่หัวริดสีดวงจะเน่าตายจากการขาดเลือด (สำหรับระยะที่ 3-4 สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการผ่าตัดทั่วไป)
เป็นริดสีดวงตอนท้อง คลอดธรรมชาติได้ไหม?
สำหรับคุณแม่ที่ เป็นริดสีดวงตอนท้อง ในระยะที่ 1-2 ซึ่งสามารถรักษาด้วยวิธีการอื่นนอกจากการผ่าตัด ยังสามารถคลอดธรรมชาติได้ตามปกติค่ะ โดยคุณหมอจะเพิ่มความระมัดระวังในการตัดฝีเย็บ เพื่อไม่ให้ไปโดนริดสีดวง และไม่ให้มีการฉีกขาดของช่องคลอดมากเกินไป แต่สำหรับคุณแม่ที่เป็นริดสีดวงในระยะที่ 3-4 ซึ่งจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด คุณหมอจะพิจารณะให้ทำการผ่าริดสีดวงออกก่อน ซึ่งหลังจากผ่าตัดก็จะสามารถคลอดเองได้ปกติ แต่หากคุณแม่เป็นริดสีดวงในช่วงของการตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 3 และจำเป็นต้องผ่าตัดเอาริดสีดวงออก คุณหมออาจพิจารณาให้ใช้วิธีผ่าคลอดแทน เพราะการคลอดธรรมชาติอาจะไปกระทบกับแผลผ่าตัดริดสีดวงได้
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ การรักษาและป้องกันริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์
การรักษาริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์
สำหรับแนวทางการรักษาริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์นั้น จะเน้นการรักษาแบบประคับประคองอาการไปก่อน เพราะริดสีดวงขณะตั้งครรภ์นั้นสามารถหายได้เองหลังคลอด แต่จะมีวิธีและแนวทางในการบรรเทาอาการปวดได้ดังนี้
- เมื่ออุจจาระหรือปัสสาวะเสร็จ ควรล้างก้นด้วยน้ำอุ่น ๆ หรือน้ำสะอาด พยายามรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ แต่ถ้าอยากใช้สบู่ ก็ควรเป็นสบู่เด็กอ่อนเพื่อลดการระคายเคืองของหัวริดสีดวงที่กำลังบวมหรือมีการอักเสบอยู่ (ไม่ควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระแบบแข็ง แต่ควรใช้วิธีชุบน้ำ หรือใช้กระดาษชำระชนิดเปียกแทน)
- ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก ให้ใส่ถุงมือยางแล้วใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไปใหม่ ซึ่งจะช่วยได้ดีในระดับหนึ่ง
- นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ ครั้งละ 15-30 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดบวม และช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมาบริเวณก้น อาจใช้วิธีประคบด้วยน้ำเย็น จะช่วยทำให้หลอดเลือดมีการหดรัดตัว ทำให้ขนาดของริดสีดวงเล็กลงได้ ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยลดอาการบวมลงได้บ้าง
- นอนตะแคงทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดความดันในช่องท้อง หรือยกขาพาดกับโต๊ะประมาณ 20 นาที เพื่อส่งเสริมการไหลเวียนเลือดที่บริเวณทวารหนักกลับสู่หัวใจให้ดีขึ้น และเวลานอนหลับควรใช้ท่านอนตะแคง หรือนอนโดยใช้หมอนหนุนสะโพกให้สูงขึ้น
หากคุณแม่ได้ทำตามวิธีดังกล่าวแล้ว แต่ยังมีอาการปวดบวมอยู่อีก แนะนำให้พบแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาอื่น ๆ ต่อไป
ริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ ป้องกันได้
- ระวังอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเดินบ่อย ๆ
- ควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูงให้มาก เช่น แอปเปิ้ล ฝรั่ง มะละกอสุก
- ดื่มน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระอ่อนนุ่มและขับถ่ายออกได้ง่าย
- ฝึกขับถ่ายอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
- หลีกเลี่ยงการนั่งเบ่งถ่ายเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงการยืน การเดิน และการนั่งแช่เป็นเวลานาน ๆ
แม้ว่าริดสีดวงทวารขณะตั้งครรภ์ จะเป็นไม่อันตรายกับลูกในท้องและแม่ท้อง แต่จะทำให้เกิดความรำคาญ คันรอบทวารหนัก เจ็บและมีเลือดติดปนขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระได้ และถ้ามีเลือดออกมากอาจมีอาการซีดได้ ดังนั้นเมื่อเกิดอาหารผิดปกติ คุณแม่ควรรีบพบแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่าง ๆ
อ่านต่อบทความดี ๆ ได้ที่นี่
คนท้องขาบวม ไม่ใช่เรื่องปกติ! เสี่ยงแท้งจากโรคลิ่มเลือดอุดตัน
คนท้องยืนนานๆ กระทบลูกหรือไม่ เสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้าง?
คนท้อง ท้องอืด รับมือได้ไม่ยากอย่างที่คิด
ขอบคุณข้อมูลจาก : medthai.com, www.honestdocs.co
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่