ผู้หญิงแต่ละคนอาจมี อาการคนท้อง แตกต่างกันออกไป บางคนมีอาการแพ้ท้องตั้งแต่วันแรกที่ประจำเดือนขาดไป แต่สัญญาณไหนเป็นอาการสำคัญแรกเริ่มที่ผู้หญิงควรรู้ว่าเริ่มตั้งครรภ์
อาการคนท้อง และสัญญาณที่บอกว่ากำลังตั้งครรภ์
อาการของการตั้งครรภ์ หรือ อาการคนท้อง มีลักษณะอย่างไร
- ประจำเดือนขาด โดยปกติแล้ว ระยะห่างระหว่างการมีประจำเดือนของผู้หญิงจะอยู่ที่ 25-35 วัน ดังนั้นหากประจำเดือนขาดหายไปเกินกว่า 10 วัน สิ่งที่ต้องสงสัยเป็นอันดับแรกคือการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามการขาดของประจำเดือนก็ไม่ได้แปลว่าจะต้องตั้งครรภ์เสมอไป เพราะอาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในร่างกายก็ได้เช่นกัน
2. เต้านมคัด อย่างที่ทราบกันดีว่าผู้หญิงในช่วงก่อนมีประจำเดือนก็จะมีอาการคัดตึงเต้านมอยู่แล้ว แต่หากตั้งครรภ์ อาการคัดตึงเต้านมจะมากกว่าและนานกว่า และอาจรู้สึกเข้าเต้านมและหัวนมด้วย นั่นเป็นเพราะร่างกายกำลังเตรียมสร้างน้ำนมให้ลูกน้อย
3. ปัสสาวะบ่อย ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ไตจะทำงานหนักมากกว่าปกติ เพราะปริมาณของเลือดในร่างกายมีเพิ่มขึ้น (มดลูกที่โตขึ้นจากการตั้งครรภ์ จะต้องการเลือดไปเลี้ยงมดลูกมากกว่าปกติ) ร่างกายจึงปรับตัวให้มีเลือดเพิ่มขึ้น ชีพจรเต้นเร็วขึ้น มีเลือดผ่านไตมากขึ้นกว่าเดิม จึงทำให้ไตกลั่นกรองเอาปัสสาวะมามากขึ้น และในขณะเดียวกันมดลูกที่อยู่ติดกับด้านหลังของกระเพาะปัสสาวะก็มีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย จึงไปเบียดและกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้พื้นที่ความจุของปัสสาวะมีน้อยลง ส่งผลให้คุณแม่ปัสสาวะบ่อยมากขึ้นนั่นเอง
4. คลื่นไส้อาเจียน อาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ ใจหวิว ๆ ใจสั่น หน้ามืด เป็นลม อาการเหล่านี้เรียกว่า “อาการแพ้ท้อง” โดยทั่วไปจะปรากฏออกมาในช่วงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6-12 สัปดาห์ สาเหตุก็เป็นเพราะฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากการตั้งครรภ์นั้นไปรบกวนระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้หรือรู้สึกพะอืดพะอมและอาเจียนออกมา
5. ไวต่อกลิ่น ในช่วงตั้งครรภ์ คุณแม่มักมีอาการที่จมูกจะไวต่อกลิ่นทุกชนิดมากเป็นพิเศษ ทำให้คุณแม่รู้สึกเหม็นหรือไม่ชอบกลิ่นบางชนิด ทั้ง ๆ ที่เคยคุ้นชินกับกลิ่นเหล่านี้มาก่อน จนอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้
6. ความอยากอาหารเปลี่ยนแปลงไป เพราะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การรับรู้รสชาติของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อยากกินของแปลก ๆ ที่ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงอยากกิน ทำให้อยากกินอาหารที่แปลกไปจากเดิม
7. ช่องคลอดคล้ำขึ้น อาจรู้สึกว่าอวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานบวมน้ำ เยื่อบุช่องคลอดคล้ำขึ้นเป็นสีม่วงแดงหรือสีน้ำเงิน แต่บางครั้งอาจเกิดจากการอักเสบของอวัยวะในช่องคลอดก็ได้
8. มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า อยากนอนหลับตลอดเวลา เนื่องจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สูงขึ้นมีผลทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัวเหมือนยากล่อมประสาท ภายในร่างกายมีการเผาไหม้อาหารหรือใช้พลังงานอย่างมากในการพัฒนาทารกในครรภ์ ทำให้ร่างกายมีอุณหภูมิสูงและสูญเสียพลังงานมากขึ้น และพลังงานเหล่านี้ยังช่วยปรับสภาพแวดล้อมภายในครรภ์ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกด้วย
9. หายใจถี่ เหนื่อยง่ายและเริ่มหายใจถี่ขึ้นเมื่อทำงานที่ต้องใช้แรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน สาเหตุอาจเป็นเพราะมีตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโตมีความต้องการออกซิเจนจากคุณแม่อยู่
10. ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น รู้สึกร้อนง่ายกว่าปกติ นั่นเป็นเพราะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและมีการใช้พลังงานมากขึ้นนั่นเอง
11. อารมณ์เปลี่ยนแปลง เป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้คุณแม่มีอารมณ์อ่อนไหว แปรปรวน หรือหงุดหงิดได้ง่าย
12. ปวดศีรษะ เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนของฮอร์โมน คุณแม่บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่รุนแรงมากนัก
13. ปวดเกร็งในช่องท้อง คุณแม่จะรู้สึกปวดแบบหน่วง ๆ อาจเป็นเพราะร่างกายกำลังมีการยืดขยายของมดลูกให้พร้อมสำหรับการมีลูก
14. เลือดออกทางช่องคลอด อาจมีเลือดออกเล็กน้อยแบบกะปริดกะปรอยในระยะแรกของการตั้งครรภ์ โดยที่ไม่มีอาการปวดเกร็งท้องร่วมด้วย ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่รกของทารกในครรภ์มีการแบ่งเซลล์และฝังตัวลงไปในเยื่อบุโพรงมดลูก หรือที่คนโบราณเรียกกันว่าเลือดล้างหน้าเด็กนั่นเอง
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
อ่านต่อ ไม่มีอาการคนท้อง แสดงว่าไม่ได้ท้องใช่ไหม? และทำไมมี อาการคนท้อง แต่ที่ตรวจครรภ์ผลเป็นลบ?
ไม่มี อาการคนท้อง แสดงว่าไม่ได้ท้อง?
หากรอบเดือนขาด แต่กลับไม่มีอาการคนท้องใด ๆ แสดงออกมาเลย ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณแม่จะไม่ได้ท้องนะคะ เพียงแต่ในผู้หญิงบางคน ก็อาจไม่มีอาการแพ้ท้องใด ๆ เลยตลอดการตั้งครรภ์ก็เป็นได้ ดังนั้น หากคุณแม่สงสัยว่าตนเองอาจจะกำลังตั้งครรภ์ ถึงแม้จะไม่มีอาการคนท้องเลย ก็สามารถใช้ที่ตรวจครรภ์ตรวจเบื้องต้นก่อนได้ค่ะ และถึงแม้ผู้หญิงบางคนจะมีอาการหลาย ๆ อย่างคล้ายอาการคนท้อง ก็ยังไม่สามารถบอกได้ 100% ว่าจะท้องแน่นอน จนกว่าจะมีการตรวจปัสสาวะเพื่อตรวจการตั้งครรภ์อีกครั้ง
ทำไมมี อาการคนท้อง แต่ที่ตรวจครรภ์ผลเป็นลบ?
ในผู้หญิงหลายคนที่เริ่มมีอาการคนท้อง จึงได้ตรวจปัสสาวะกับที่ตรวจครรภ์ แต่ผลออกมากลับเป็นลบ ซึ่งหมายถึง ไม่ได้ตั้งครรภ์ จึงลังเลว่าควรเชื่ออาการหรือเชื่อที่ตรวจครรภ์ดี ในความเป็นจริงแล้วแล้วผลตรวจครรภ์นั้นถือว่ามีความแม่นยำพอสมควร แต่ผลจากการตรวจปัสสาวะอาจคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผลออกมาเป็นลบได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่
- อายุครรภ์ไม่มากพอ: ชุดทดสอบจะตรวจพบการตั้งครรภ์ได้ เมื่อมีอายุครรภ์เกินกว่า 1-2 สัปดาห์ ดังนั้น หากอายุครรภ์ยังไม่ครบสัปดาห์ โอกาสที่จะตรวจไม่เจอนั้นสูงมาก ทางที่ดีควรตรวจซ้ำในสัปดาห์ถัดไปจึงจะให้ผลที่แน่นอนได้
- ปัสสาวะเจือจางเกินไป: ปัสสาวะที่เหมาะสมสำหรับการทดสอบควรมีความเข้มข้นมากพอ เช่น เป็นปัสสาวะที่เก็บตอนเช้าหลังตื่นนอน หากเก็บปัสสาวะหลังจากดื่มน้ำมาก ๆ ปัสสาวะที่ได้จะเจือจาง
- ชุดทดสอบเสื่อมคุณภาพ: หลายๆ ครั้ง ชุดทดสอบที่เสื่อมคุณภาพก็ทำให้ผลตรวจผิดพลาดได้ ควรตรวจสอบก่อนทุกครั้งว่าชุดทดสอบนั้นหมดอายุหรือไม่ ที่ซองมีรอยฉีกขาดหรือเก็บไว้ในที่ที่มีความชื้นหรือไม่ ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งคือ ในการตรวจทุกครั้ง จะต้องปรากฏขีดที่แถบ C เสมอ หากตรวจแล้วพบว่ามีขีดขึ้นขีดเดียวที่แถบ T นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ท้อง แต่เป็นเพราะชุดทดสอบนั้นเสื่อมคุณภาพแล้วฃ
- ไม่ปฏิบัติตามคู่มือของชุดทดสอบ: ชุดทดสอบแต่ละแบบ แต่ละยี่ห้อ จะมีวิธีการใช้ระบุไว้ ซึ่งเราต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เช่น ชุดทดสอบแบบจุ่ม ต้องจุ่มไม่ให้เกินขีดที่กำหนด ไม่เช่นนั้นจะอ่านผลไม่ได้ ส่วนชุดทดสอบแบบหยด ต้องหยดปัสสาวะ 3-5 หยด ตามที่กำหนดไว้ หากหยดน้อยเกินไปก็อาจทำให้ตรวจไม่พบ รวมถึงเวลาในการอ่านผลด้วย บางชุดทดสอบจะกำหนดให้อ่านผลภายใน 5-10 นาที หลังหยดหรือจุ่มปัสสาวะ หากเราอ่านผลเร็วหรือช้าเกินไปก็อาจได้ผลที่ไม่ถูกต้องได้
อ่านต่อบทความดี ๆ คลิก
ท้องลม ท้องหลอก อันตรายของการตั้งครรภ์โดยไม่มีตัวเด็ก
จริงหรือไม่? แม่แพ้ท้องหนักมากจะทำให้ลูกฉลาด IQ สูง
ไขข้อสงสัย ท้องไม่รู้ตัว เป็นไปได้จริงหรือ?
วิธี “คำนวณวันคลอด” ด้วยตัวเอง คำนวณง่ายและแม่นยำ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Medthai, HonestDocs
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่