AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

“อิง ภาสกรนที” เฉียดตายเพียงเพราะอยากมี “ลูก”

“อิงอยากมีลูกสัก 5 คน”

อิงเกิดในครอบครัวใหญ่ มีพี่น้องมากถึง 7 คน รู้สึกอบอุ่นมาก พอเราแต่งงานก็เลยอยากมีลูกเยอะๆ บ้าง ช่วงอายุ 28 ย่าง 29 ก็วางแผนแล้วว่าอยากมีลูกสัก 5 คนก่อนอายุ 35 แต่พอแต่งงานไปหนึ่งปี ไม่มีลูกสักทีเลยตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมอ เพราะอาจเข้าข่ายมีลูกยากแล้ว คุณหมอก็แนะนำขั้นตอนวิธีทำทั่วๆไป แต่อิงไม่อยากรอนานขนาดนั้น ก็ขอคุณหมอขึ้นทางลัด คุณหมอเลยแนะนำให้ทำ บลาสโตซิสท์ (วิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากขั้นสูง) ซึ่งมีโอกาสติด 50-60%

“อิงเจอผลข้างเคียง แทบเอาชีวิตไม่รอด”

ตอนที่ตัดสินใจทำ บลาสโตซิสท์ อิงเจอผลข้างเคียงเยอะมาก คือในขั้นตอนการทำ คุณหมอต้องกระตุ้นฮอร์โมนแม่ แต่พอมันอยู่ในร่างกายเราเยอะ ก็ผลิตน้ำที่เป็นส่วนเกินออกมา จนท้องบวมขึ้น หายใจแทบไม่ออก คุณหมอต้องเจาะทางเดินท่อจากสะดือเดรนให้น้ำออกมา ตอนนั้นกินอะไรแทบไม่ได้ แม้กระทั่งน้ำ มันแน่นและอืดมาก ไม่น่าเชื่อว่าน้ำที่ถูกถ่ายออกมาจากท้องเรามีตั้ง 6 ลิตร  คุณหมอเองก็ต้องคาสายไว้ตลอดเวลาคือเย็บติดกับสะดือของเราไว้เลย แล้วเป็นช่วงที่ควบคุมฮอร์โมน เครียดไม่ได้ หัวเราะมากก็ไม่ดีอีก มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณตันทำให้เราหัวเราะมากเสียจนสายที่คาสะดือหลุดต้องเข้าห้องผ่าตัด เย็บแผลกันสดๆ ทรมานมาก ตอนที่ทำน้องเก็ต คิดเลยว่าเรากำลังเอาชีวิตมาทิ้งอยู่รึเปล่า ไหนจะเจ็บปางตาย ไหนจะเวียนหัว และอาเจียนตลอดเวลา สภาพแย่มาก แต่โชคดีที่ความทรมานของเราไม่เสียเปล่า ทำน้องเก็ตครั้งแรกก็ติด แล้วก็แข็งแรง ทำงานได้เป็นปกติ จะมีก็เรื่องแพ้ท้องที่เป็นอยู่ตราบจนอาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด

“อิงเข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว” จริงหรือ?!

ตอนที่เราแย่ บอกคุณตันเลยว่า จะติดหรือไม่ติด ก็ไม่เอาแล้ว ยังไงก็ไม่เอา แต่เชื่อไหม พอได้อุ้มเขาแล้ว เริ่มอยากมีอีกคนทันที ลืมความเจ็บปวดที่เคยเจอไปเลย ฉะนั้นพอมดลูกเริ่มเข้าที่ก็ไปหาคุณหมอ เริ่มทำใหม่ด้วยวิธีการเดิม  ซึ่งผลข้างเคียงก็มาทุกรอบนะ พอทำครั้งที่ 2 ก็ติด แต่ด้วยความที่ชะล่าใจ พอท้องประมาณ 3 เดือนก็เดินตรวจสาขาจนแท้ง เราก็ไปขูดมดลูก ทิ้งระยะไว้จนร่างกายพร้อมก็ทำใหม่อีก ซึ่งก็ติด แต่คราวนี้คุณหมอสั่งห้ามกระทบกระเทือนเด็ดขาด เราก็อยู่บ้านนิ่งๆ จนเกือบ 4 เดือน ท้องเราเริ่มแข็งแรงแล้ว ก็ขอคุณหมอไปทำงานอาทิตย์ละวัน  แต่พอวันแรกที่ไปทำงาน นั่งอยู่ประมาณชั่วโมง เริ่มไม่ไหวแล้ว นั่งไม่ได้ เวียนหัว อิงก็คิดแล้วเอาไงดี ด้วยความที่ขี้เกรงใจ เลยนั่งแท๊กซี่กลับบ้าน ยังไม่ทันพ้นหน้าตึกมีอยู่หนึ่งหลุม พอแท๊กซี่ผ่านก็กระแทกลงไป เราเจ็บท้องเลยนะ  พอถึงบ้านสลบไปเลย คือมันมีเลือดออกอยู่ข้างใน ลูกที่เกาะอยู่ผนังมดลูกหลุดออกมา พอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา โทรหาคุณตันให้พาไปหาหมอ ซึ่งก่อนหน้านี้ไปหามาแล้วยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง คุณหมอก็ตกใจ เมื่อวานอัลตร้าซาวด์มาเด็กแข็งแรง แต่วันนี้ภาพออกมาข้างในมีแต่เลือด อีกทั้งเด็กหัวใจหยุดเต้นแล้ว เราก็ช็อค ร้องไห้ไปใหญ่โต

“กว่าอิงจะสำเร็จ ก็ครั้งที่ 12 ทำเอาหนักหนาสาหัสเกือบตาย”

พอเสียไปแล้ว ก็ฮึดทำอีกแต่ไม่ติด จนถึงครั้งที่ 12  มีการตั้ง KPI ร่วมกันระหว่างอิง คุณหมอทองทิศ ทองใหญ่ และคุณตัน คุณหมอกระตุ้นฮอร์โมนจนติดในครั้งที่ 12 ได้แฝดสาม แต่คุณหมอกังวล ไม่อยากให้เก็บไว้ถึงสามคน แต่อิงมุ่งมั่นมาก ยังไงก็ไม่ยอมเอาออก จนวันหนึ่ง คุณหมออัลตร้าซาวน์พบว่าคนหนึ่งเริ่มฝ่อ และหายใจแผ่วลงแล้ว จึงต้องเสียไปหนึ่งคนโดยปริยาย อิงเลยต้องอยู่ในภาวะท้องและแท้งในเวลาเดียวกัน จะขูดออกก็ไม่ได้ แถมคุณหมอต้องให้ยาบำรุงเพื่อให้อีกสองคนเจริญเติบโตต่อไป โดยยานี้ก็ไปบำรุงอีกคนด้วย คนที่ฝ่อก็พยายามขับเลือดออกมา และมีการส่งสัญญาณไปบอกอีกสองคนว่าเกิดสิ่งผิดปกติเลยพยายามบีบตัวเองออกด้วย คุณหมอจึงจำเป็นต้องฉีดยาให้อิงเยอะมาก เพื่อประคองให้อีกสองคนอยู่จนครบอายุครรภ์อย่างน้อย 7 เดือน มันเลยเหมือนสู้กันอยู่ในนั้น  ระหว่างนั้นอิงอยู่ได้ด้วยยาจริงๆ ฉีดยารวมแล้ว 1,000 กว่าเข็ม ยาแต่ละตัวที่ใช้ก็มีผลข้างเคียงเยอะ ทั้งแพ้ท้อง ทั้งเมายาในเวลาเดียวกัน ถ้าไม่เอายาเข้าช่วย เด็กพร้อมจะออกตลอดเวลา ตอนนั้นแทบไม่เป็นผู้เป็นคน สภาพแย่จริงๆ

“แม่ หรือ ลูก ใครจะอยู่ ใครจะไปก่อนกัน”

ประคับประคองกันมาเรื่อยๆ จนย่างเข้าเดือนที่ 6 กับอีก 3 อาทิตย์ อิงเริ่มปวดท้อง ชักไม่ไหวแล้ว คุณหมอก็ไม่อยู่ คุณตันก็ไม่อยู่ ตอนนั้นอิงอาละวาดโรงพยาบาลแทบแตก คุณหมอตรวจพบว่าปากมดลูกเปิดแล้วต้องคลอดเลย  คุณหมอก็เรียกทีมหมอเด็กแรกคลอดมา ต้องมีทีมดูแลแยกแต่ละคนโดยเฉพาะ สีหน้าคุณหมอตอนนั้นดูเครียด วิตกกังวลมาก ซึ่งคุณตันมาบอกอิงทีหลังว่า ยังไงขอเลือกแม่ก่อน ส่วนลูกค่อยว่ากัน เพราะถ้าไม่คลอดตอนนั้น แม่มีสิทธิ์ตายก่อนแน่ๆ อิงเองก็คิดว่าตัวเองต้องตายก่อนเลยนะ  สภาพร่างกายมันถึงที่สุดของมันแล้ว ถ้าคุณหมอไม่เอาออก มันก็คงออกของมันเอง ไม่อิงก็ลูก พอคลอดเสร็จไม่มีใครพูดความจริงกับเราเรื่องลูกเลย

“อิงว่าสู้แล้ว ใกล้ใกล้สู้ยิ่งกว่า”

ไม่กี่วันหลังจากนั้น  คุณตันก็เล่าให้ฟังว่า ลูกอีกคนอยู่ได้แค่วันสองวัน เพราะอาการหนักมากระหว่างเดินทางไปศิริราช ก็ต้องปั๊มหัวใจกันหลายรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหวเพราะตัวเขียวคล้ำหมดแล้ว เลยตั้งชื่อคนนี้ว่า ไกลไกล  ส่วนใกล้ใกล้ โอกาสรอดมีไม่ถึง 50%  เชื่อไหมว่าครั้งแรกที่อิงเห็นใกล้ใกล้ อิงแทบช็อค เท้าเขาเล็กมาก นิ้วมือยังกับหัวไม้ขีดไฟ รูปร่างเท่ากับเนื้อหมูหนึ่งกิโลเท่านั้นเอง แถมมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ปากก็มีหลอดคาอยู่จะร้องไห้ก็ไม่มีเสียง ซึ่งช่วง 2-3 วันแรกโอกาสรอดมีอยู่น้อยเหลือเกิน  ใกล้ใกล้อยู่ในตู้อบ 3 เดือนจนครบกำหนด จากนั้นก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน โดยหมอขอเปลี่ยนบ้านให้เป็นโรงพยาบาลย่อยๆ อยู่ครึ่งปี ซึ่งระหว่างนี้สิ่งที่อิงทำให้เขาได้ คือการให้นมแม่ อิงทุ่มเทมาก ตั้งนาฬิกาเพื่อปั๊มนมกันเลย

“ทุกวันนี้ให้อิงมีลูกอีก ขอบายดีกว่า”

อิงเชื่อว่าในกรณีที่มีลูกยากขนาดนี้ อิงเป็นนัมเบอร์วัน  ทุกขั้นตอนกว่าจะมีลูกได้สักคนเหมือนฟ้าแกล้ง อุปสรรคมันเยอะแยะไปหมด  แต่โชคดีที่อิงมีความมุ่งมั่นสูงส่งมาก ไม่ท้อเลย สู้ทุกอย่าง เพราะคิดว่าเราต้องเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เรารอคอยวันนั้นคิดว่าต้องไปให้ถึงให้ได้ ซึ่งหลังจากผ่านบททดสอบอันหนักหน่วงมา อิงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่มีอะไรในโลกนี้ทำให้อิงโกรธได้อีกแล้ว  แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเสมอ แม้จะท้องยากแสนยาก แต่พอคลอดมาใกล้ใกล้กลับเป็นเด็กเลี้ยงง่าย และอารมณ์ดีสุดๆ ทำให้เรารู้สึกว่า การเจ็บปางตายนั้นไม่ทำให้เราเสียเปล่าเลย แถมยังทำให้เราลืมความเจ็บปวด และความยากลำบากทุกอย่างที่เคยผ่านมาด้วย

 

บทความโดย: กองบรรณาธิการนิตยสารเรียลพาเรนติ้ง

ภาพ: สำนักพิมพ์อมรินทร์ HOW-TO