AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ฝากไข่ ไว้มีลูกในอนาคต …เรื่องฮิตที่ผู้หญิงยุคใหม่ควรรู้

ว่าที่คุณแม่ยุคใหม่ ” ฝากไข่ ” ใช้อนาคต ลดกังวลยามมีลูกวัยเลข 4

ปัจจุบันผู้หญิงยุคใหม่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาคิดเรื่องการมีละครอบครัวหรือมีลูก อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่าผู้หญิงไทยจะแต่งงานช้าลง ด้วยทัศนคติที่มองว่างานต้องมาก่อน บ้างว่าขอใช้ชีวิตให้เต็มที่เสียก่อน แต่พอรู้ตัวอีกทีรถด่วนขบวนสุดท้ายก็ผ่านไปเสียแล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณผู้หญิงต้อง ฝากไข่ เพื่อเก็บไข่ที่ดีไว้สำหรับใช้ในอนาคต

“ไข่” ที่ว่า หมายถึง ไข่มนุษย์ผู้หญิง ซึ่งนับตั้งแต่เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ร่างกาย (รังไข่) จะตกไข่ออกมาเดือนละ 1 ใบ และถ้าไข่นั้นไม่ได้รับการผสมจากสเปิร์มภายใน 24 ชั่วโมง ก็จะฝ่อ และลอกออกมากับประจำเดือน ..จะเป็นเช่นนี้ทุกเดือนกระทั่งสตรีผู้นั้นเข้าสู่วัยหมดระดู

ฝากไข่ คืออะไร?

การฝากไข่ คือการที่ผู้หญิงสามารถเก็บเซลล์สืบพันธุ์หรือที่เรียกว่า”ไข่” ฝากหรือแช่แข็งเอาไว้ในอุณหภูมิที่เย็นจัด ต่ำกว่า -150 องศาเซลเซียส ก่อนที่จะนำมาละลายแล้วใช้ผสมกับสเปิร์ม เพาะเลี้ยงจนเกิดเป็นตัวอ่อนภายนอกร่างกาย ก่อนที่จะย้ายกลับเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ เมื่อถึงเวลาที่พร้อมจะมีลูกแล้วในอนาคต

และเนื่องจากเหตุผลว่า ความสมบูรณ์ของเซลล์สืบพันธุ์ในผู้หญิงหรือ ไข่ จะลดลงไปตามอายุที่มากขึ้น พูดง่ายๆ คือ ร่างกายผู้หญิงจะผลิตไข่ที่มีความสมบูรณ์และมีจำนวนสม่ำเสมอในทุกเดือนไปเรื่อยๆ  แต่เมื่ออายุมากขึ้นความสมบูรณ์ของไข่และจำนวนของไข่ในร่างกายจะลดลงมาก หรือบางคนที่อายุมากขึ้นก็อาจจะมีไข่ตกบ้าง และไม่ตกบ้างในบางเดือนได้ด้วย

เพราะเมื่อผู้หญิงมีอายุมากขึ้น มีไข่ที่ไม่สมบูรณ์ จะทำให้มีปัญหาเรื่องการมีลูกยากตามมา หรือแม้กระทั่งหากผู้หญิงคนนั้นท้องแล้วแต่อายุมาก ไข่ที่ถูกผสมเกิดเป็นลูกน้อยในครรภ์ก็อาจมีปัจจัยเสี่ยงต่อความไม่สมบูรณ์ตามมา เช่น ความไม่สมบูรณ์ของโครโมโซม ที่เราพบบ่อยในเมืองไทย คือโครโมโซมคู่ที่ 21 ที่เรียกว่าเด็กดาวน์ซินโดรม ซึ่งสัมพันธ์โดยตรงกับอายุของคุณแม่  ฉะนั้นจึงมีวิธีการที่จะช่วยให้ผู้หญิงในขณะที่ยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว หรือมีครอบครัวแล้วแต่ยังไม่พร้อมมีลูก แทนที่จะปล่อยให้อายุล่วงเลยผ่านไป เพื่อรอวันที่พร้อม แต่ ณ วันนี้ในเวลาที่อายุยังไม่มาก จะสามารถฝากหรือเก็บไข่ไว้ก่อน ตอนอายุปัจจุบันได้  เช่น ตอนนี้อายุ 32 ปี เราก็เก็บไข่ที่มีคุณภาพคงไว้ตอนอายุ 32 ปี และเมื่อถึงเวลาที่พร้อมจะมีครอบครัว

ผู้หญิงควรฝากไข่ อายุเท่าไร?

ตามสถิติของผู้หญิงไทยเรื่องของความสมบูรณ์ในการจะมีลูกของผู้หญิงที่ลดลง ปัจจุบันยังไม่มีการสำรวจที่ชัดเจนว่าอายุเท่าไร แต่โดยส่วนใหญ่ช่วงที่สมบูรณ์ที่สุดของผู้หญิงจะอยู่ในช่วงอายุประมาณต่ำกว่า 35 ปี แต่ความจริงแล้วอายุที่เหมาะสมต่อการฝากไข่ไม่ควรถึง 35 ปี แต่ควรอยู่ในระหว่างช่วง 20- 32 ปีได้ เพื่อให้ได้ไข่ที่มีความสมบูรณ์ มีคุณภาพ และมีจำนวนที่เพียงพอต่อการฝากหรือทำในครั้งเดียว  เพราะผู้หญิงที่อายุน้อยจะมีไข่ที่สมบูรณ์มากกว่าผู้หญิงที่มีอายุมากการฝากไข่ไว้ก่อนอายุ 35 จึงถือว่ามีประโยชน์มากกว่า ทำน้อยครั้งกว่า และได้ไข่ก็สมบูรณ์กว่านั่นเอง

นอกจากนี้ ผู้หญิงส่วนใหญ่แช่แข็งไข่เพราะเป็นมะเร็ง และการรักษาอาจทำให้เป็นหมัน และเป็นที่คาดว่า เมื่อเทคนิคนี้พัฒนาก้าวหน้าขึ้น ความต้องการแช่แข็งไข่เพื่อเหตุผลทางสังคมจะยิ่งเพิ่มขึ้น

อ่านต่อ >> “ข้อดี-ข้อเสียของการฝากไข่” คลิกหน้า 2

ข้อดีข้อเสียของการฝากไข่

ข้อดี: ถือเป็นการเตรียมตัวเพื่อคุณภาพของไข่และตัวอ่อนที่ดีขึ้น น่าจะช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ และอาจลดความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรมที่ผิดปกติของตัวอ่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีเนื้องอกหรือถุงน้ำที่รังไข่โดยเฉพาะช็อคโกแลตซีสต์ ซึ่งรังไข่อาจถูกทำลายจนด้อยคุณภาพในการผลิตไข่ที่ดี เมื่อโรคลุกลามขึ้นในอนาคต ยิ่งถ้าเกิดเป็นมะเร็งรังไข่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอารังไข่ทั้งสองข้างออก ฉายรังสี หรือใช้เคมีบำบัด ซึ่งล้วนแล้วแต่อาจเป็นการทำลายรังไข่โดยสิ้นเชิง การมีไข่เก็บไว้ก่อนย่อมช่วยให้ผู้ป่วยมีลูกได้ด้วยพันธุกรรมของตนเองในแง่นี้ถือว่าคุ้มค่ามาก

ข้อเสีย: อาจหมายถึงความไม่คุ้มค่า เนื่องจากเป็นวิธีการที่มีค่าใช้จ่ายสูง ต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยากระตุ้นไข่และการดมยาโดยไม่จำเป็น ส่วนไข่ที่ยังแช่แข็งไว้ก็ยังมีการยืนยันว่าหลังจากละลายออกมาใช้ในอนาคตแล้วจะยังมีคุณภาพเท่าเดิมหรือไม่ ยิ่งถ้าในอนาคตเกิดไม่ได้แต่งงานขึ้นมา หรือคู่สมรสมีปัญหาเรื่องคุณภาพอสุจิที่ไม่ดีด้วย ก็อาจส่งผลกระทบให้ไม่ได้ตัวอ่อนที่ดีพอที่จะตั้งครรภ์สำเร็จก็เป็นได้ และแน่นอนการนำไข่มาผสมนั้น จะต้องพึ่งพาเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายอีกจำนวนหนึ่งตามมาอีกด้วย

ฝากไข่…มีข้อจำกัดทางกฎหมายต้องรู้

ก่อนที่จะไปฝากไข่ คุณผู้หญิงควรรู้ข้อจำกัดทางกฎหมาย เกี่ยวกับการเก็บไข่ของตัวเองไว้ล่วงหน้า ดังนี้คือ มีกฎหมายหรือระเบียบเกี่ยวกับการเก็บและฝากไข่ของตัวเอง ซึ่งกฎหมายในประเทศไทยให้อนุญาตทำได้ใน 2 กรณีคือ

1. เก็บหรือฝากไข่ไว้ล่วงหน้าได้ ในกรณีที่ป่วยเป็นโรค

ซึ่งอาจมีการรักษาโรคที่ส่งผลกระทบต่อตัวรังไข่ เช่น ในผู้หญิงบางคนที่เป็นโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และจำเป็นต้องให้ยาในการรักษา ซึ่งยาที่รักษาโรคทั้งสองกลุ่มนี้ บางชนิดส่งผลทำลายรังไข่ได้ โดยปัจจุบันเมื่อผู้ป่วยเป็นมะเร็งหรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง มักจะได้รับการรักษาและมีโอกาสหายสูง แต่ในขณะทำการรักษาจะได้รับยาที่มีผลกระทบต่อรังไข่ จนทำให้รังไข่เสี่ยงถูกทำลาย หรือร่างกายผลิตไข่ไม่ได้อีกเลย กลุ่มนี้เมื่อต้องการเป็นแม่ก็จะมีลูกไม่ได้  ดังนั้นการเก็บไข่ตัวเองไว้ก่อนรักษาโรคร้าย จะทำให้ผู้ป่วยไม่เสียโอกาสในการมีลูก เวลารักษาโรคคุณหมอก็จะให้ยาในการรักษาได้เต็มที่ เพื่อให้โรคหายขาด โดยไม่กังวลว่าจะมีลูกไม่ได้ เพราะได้เก็บไข่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

2. ฝากไข่ไว้ใช้กับตัวเองได้เท่านั้น

กฎหมายเมืองไทยอนุญาตให้ผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นโรคแต่ต้องการเก็บไข่ไว้ได้ แต่ต้องเก็บไว้เพื่อใช้ในอนาคตกับตัวเองเท่านั้น นั่นคือ ไข่ที่ตัวเองเก็บไว้จะใช้ได้เฉพาะของตัวเอง ไม่สามารถใช้กับคนอื่นได้ โดยเมื่อต้องการนำไข่ที่เก็บหรือฝากไว้มาใช้ หญิงผู้นั้นจะต้องแต่งงานมีครอบครัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงจะนำไข่ที่แช่แข็งมาละลายเพื่อผสมกับอสุจิจากสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้เก็บไข่ตัวเองเพื่อนำไปในการอื่นๆ เช่น บริจาคให้ญาติพี่น้องที่มีลูกไม่ได้ พูดง่ายๆ คือกฎหมายไทยอนุญาตเฉพาะไข่ของใครก็ต้องใช้ของตัวเอง ไม่อนุญาตนำไปให้คนอื่นใช้ หรือใช้ของคนอื่น แต่ในบางประเทศอาจจะมีข้ออนุญาตได้บ้าง กรณีคนที่ฝากมีลูกพอแล้ว หรือไม่ใช้ไข่แล้ว แต่สำหรับเมืองไทยยังไม่อนุญาต

 


ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ.สันธา ศรีสุภาพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา First fertility center