การฝากไข่ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ การฝากไข่ มีข้อดีอย่างไร? แล้วมีข้อเสียหรือไม่? วันนี้ทีมงาน Amarin Baby & Kids มีคำตอบมาฝากกันค่ะ
การฝากไข่
เมื่อพูดถึงการฝากไข่ ล่าสุดสาวอารมณ์ดี ต้นหอม ศกุลตลา ก็เป็นอีกหนึ่งสาวที่ชัดเจนในทุกๆเรื่อง ยอมรับชัดเจนว่า ไม่ต้องรอให้แต่งงาน แต่เจ้าตัวก็ไปฝากไข่มาเรียบร้อยแล้ว เพราะวางแผนอยากจะมีลูกในอนาคตค่ะ
ซึ่งสาวต้นหอมได้เปิดใจว่า “จริงๆ ก่อนหน้านี้เคยไปฝากแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งคุณหมอแนะนำว่าผู้หญิงควรจะไปฝากตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะไข่มีวันหมด สลายไปตามรอบเดือน ไม่เหมือนอสุจิที่ผลิตได้เรื่อยๆ เหตุผลที่เลือกการฝากไข่ เพราะหอมกลัวชีวิตการแต่งงานที่ต้องมีลูกทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม คือถ้ามีลูกเราต้องเลี้ยงเองและเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่มาก หอมไม่รู้ว่าพร้อมมีลูกหรือยัง แต่ไข่สามารถเก็บไว้ได้ 5 ปี ทำตรงนี้ได้ก็ทำไปก่อน เพราะหอมอายุเยอะแล้ว”
ไม่เพียงแต่สาวต้นหอม ที่รู้ว่าอายุมากขึ้น จึงอยากฝากไข่ไว้ เผื่อการมีลูกในอนาคต แต่อย่างที่ได้กล่าวมา ยุคนี้ผู้หญิงหันมาสนใจเรื่องนี้กันมากขึ้นกว่าก่อนมาก เพราะอะไรการฝากไข่ ถึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้หญิงมากขึ้น
ผู้หญิงที่ควรมีการฝากไข่
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ผู้หญิงที่ควรมีการฝากไข่
การฝากไข่ คือ?
การฝากไข่ คือการนำเซลล์ไข่ไปแช่ไนโตรเจนเหลว ในอุณหภูมิ -196 องศาเชลเซียส เก็บไว้ได้นานหลายปี ซึ่งในต่างประเทศมีเด็กที่คลอดจากการฝากไข่ตั้งแต่ปี 1986 และมีการคลอดเยอะขึ้นเรื่อยๆ ด้วยวิธีนี้ ซึ่งปกติในรังไข่ของผู้หญิงจะมีไข่ 400 ใบ ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ซึ่งทุกรอบเดือนไข่จะตก 1 ครั้ง ส่วนคุณภาพของไข่ที่ตกมาแต่ละรอบเดือนก็มีทั้งคุณภาพดีและไม่ดี เมื่อเราอายุมากขึ้นจะยิ่งมีโอกาสทำให้โครโมโซมในเซลล์ไข่นั้นผิดปกติ ทำให้เด็กที่เกิดมาผิดปกติได้มากขึ้น
ในช่วงหลายปีหลังมานี้ เรามักได้ยินเรื่องของ การฝากไข่ มากขึ้นเนื่องจากผู้หญิงยุคใหม่มีหน้าที่การงานที่ไม่น้อยหน้าผู้ชาย ทำให้ผู้หญิงมีการแต่งงานที่ช้าลง ไม่เพียงแต่ผู้หญิงทั่วไปที่นิยมการฝากไข่ แต่เหล่าเซเลบ ซุปตาร์คนบันเทิงก็หันมาฝากไข่กันมากขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพียงแต่ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งจุดเริ่มต้นในสมัยก่อนใช้สำหรับคนไข้ที่เป็นโรคมะเร็ง และต้องการเก็บแช่แข็งไข่ไว้ก่อน เพราะตัวคนไข้เองอาจจะต้องได้รับยาเคมี หรือรังสีที่ทำให้ไข่ในรังไข่ถูกทำลายหายไป นอกจากนั้นยังมีกลุ่มโรคที่ทำให้รังไข่เสื่อมเร็วกว่าปกติ เช่น โรคทางพันธุกรรม Turner syndrome ซึ่งถ้าคนกลุ่มนี้แต่งงานช้าก็จะหมดโอกาสมีบุตร ดังนั้น จึงได้นำวิธีแช่แข็งไข่มาใช้ในกันในกลุ่มนี้
หลังจากนั้นจึงมีการนำมาใช้ในเรื่องอื่นๆมากขึ้น สมัยก่อนมีการแต่งงานเร็วจึงมีลูกง่าย แต่ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ทำงาน สร้างครอบครัวให้มั่นคงก่อน กว่าจะตัดสินใจมีลูกก็อายุมากขึ้นแล้ว รวมถึงปริมาณและคุณภาพของไข่ก็ลดลง ทำให้มีบุตรยาก จึงได้เกิดการแช่แข็งไข่เพื่อต้องการใช้ในอนาคต
ผู้หญิงที่ควรมีการฝากไข่
- ผู้หญิงที่อายุมากขึ้น ซึ่งโดยปกติทั่วไปอายุมากกว่า 35 ปี มักมีข้อบ่งชี้ว่าปริมาณไข่ คุณภาพไข่จะลดลงด้วย
- ผู้หญิงที่มีแฟนแล้วแต่ยังไม่แต่งงาน แต่มีการวางแผนอยากมีลูกในอนาคตก็สามารถมาฝากไข่ไว้ก่อนได้
- ผู้หญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น ทำงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีต่างๆ
- ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง เพราะการรักษาโรคมะเร็งต้องใช้ยาเคมีบำบัด และมีการฉายแสง ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะทำลายเซลล์สืบพันธุ์ คือ เซลล์ไข่ เช่นเดียวกับผู้ชาย แพทย์จะแนะนำให้ผู้หญิงเก็บเซลล์ไข่และผู้ชายเก็บอสุจิไว้ก่อนการรักษา
- มีประวัติครอบครัวหมดประจำเดือนเร็ว
- เคยผ่าตัดซีสต์ที่รังไข่
การฝากไข่ ต้องเตรียมตัวอย่างไร?
หากใครที่กำลังวางแผนอยากมีลูก เตรียมตัวฝากไข่ ต้องเริ่มจากการปรึกษาสูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนนะคะ ซึ่งก่อนฝากจะมีกระบวนการที่ต้องเตรียมตัว ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงเก็บไข่ เมื่อว่าที่คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรงดี คุณหมอก็จะเริ่มขั้นตอนเตรียมการเก็บไข่ ดังนี้
- แสดงความต้องการว่า ต้องการฝากไข่ โดยจะมีการซักประวัติ และอื่นๆ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการใช้ยา เพื่อกระตุ้นรังไข่ เพื่อเร่งให้ร่างกายสร้างไข่ หรือให้มีไข่มากกว่า 1 ใบ เช่น ประมาณ 10 – 20 ใบ เพราะการเก็บไข่จะไม่เก็บทีละใบ เพราะต้องใช้เวลา และป้องกันความผิดพลาด ส่วนยาที่ใช้กระตุ้นนั้น จะเป็นยาฉีดชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำเด็กหลอดแก้ว โดยการฉีดกระตุ้นรังไข่ทุกวัน ประมาณ 4 – 5 วัน จากนั้นคุณหมอจะนัดตรวจดูว่าร่างกายตอบสนองกับยาดีหรือไม่ มีขนาดของไข่ที่ใช้ได้หรือยัง
- เมื่อใช้ยาทำให้ตกไข่แล้ว คุณหมอจะนัดมาดูดไข่ ในช่วงที่ว่าที่คุณแม่กำลังมีประจำเดือน มีการเจาะเลือด ตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อดูว่ามีไข่อยู่ข้างไหน จำนวนเท่าไหร่ เมื่อได้จำนวนไข่ที่มากพอ การกระตุ้นรังไข่เพื่อเก็บไข่นี้ จะใช้เวลาประมาณ 8 – 10 วัน เมื่อไข่พร้อมแล้ว มีความแข็งแรง และมีจำนวนมากพอ คุณหมอจะเริ่มดูดเก็บไข่จากรังไข่ของว่าที่คุณแม่ ในช่วงประมาณวันที่ 2 หรือ 3 ของการมีประจำเดือน
ขั้นตอนการเก็บรักษาไข่ด้วยวิธีแช่แข็ง
ขั้นตอนการฝากไข่ ไม่แตกต่างจากการทำเด็กหลอดแก้วปกติค่ะ เพราะจะมีการฉีดยากระตุ้นรังไข่ประมาณ 10 วัน โดยเฉลี่ย ฉีดยาทุกวัน มีการติดตามผลการเจริญเติบโตของไข่ ด้วยการทำอัลตร้าซาวด์ รวมถึงตรวจฮอร์โมนเป็นระยะๆ เมื่อไข่ได้ขนาดตามที่ต้องการจะมีการฉีดยาที่เรียกว่า HCG เพื่อทำให้ไข่สุก หลังจากฉีดยา HCG ไป 36 ชั่วโมงแล้ว จึงทำการเจาะและดูดไข่ออกทางช่องคลอด ซึ่งถ้าทำเด็กหลอดแก้วตามปกติก็จะมีการผสมกับอสุจิในวันเดียวกันกับที่เก็บไข่ แต่ถ้ามีการเก็บรักษาไข่อย่างเดียว ก็ไม่ต้องผสมกับอสุจิ โดยทำการเลือกไข่ที่สมบูรณ์และแช่แข็งไข่เหล่านั้นไว้
การฝากไข่มีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไรบ้าง?
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ข้อดี ข้อเสียของการฝากไข่
ข้อดีของการฝากไข่
เป็นการเตรียมตัวเพื่อคุณภาพของไข่และตัวอ่อนที่ดีขึ้น อาจช่วยเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ และอาจลดความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรมที่ผิดปกติของตัวอ่อน โดยเฉพาะผู้ที่มีเนื้องอก หรือถุงน้ำที่รังไข่ ช็อคโกแลตซีสต์ ซึ่งเมื่อโรคลุกลามขึ้นในอนาคตรังไข่อาจถูกทำลายจนด้อยคุณภาพในการผลิตไข่ที่ดี ยิ่งถ้าเกิดเป็นมะเร็งรังไข่ อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอารังไข่ทั้งสองข้างออก ฉายรังสี หรือใช้เคมีบำบัด เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการทำลายรังไข่โดยสิ้นเชิง การฝากไข่ไว้ก่อน ย่อมช่วยให้ผู้ป่วยมีลูกได้ด้วยพันธุกรรมของตนเอง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีค่ะ
ข้อเสียของการฝากไข่
ข้อเสียคืออาจจะไม่คุ้มค่า เนื่องจากวิธีการนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง รวมถึงต้องเสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยากระตุ้นไข่ และการดมยาโดยไม่จำเป็น ส่วนไข่ที่ยังแช่แข็งไว้ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าหลังจากละลายออกมาใช้ในอนาคตแล้ว จะยังคงมีคุณภาพเท่าเดิมหรือไม่ ยิ่งถ้าในอนาคตหากไม่ได้แต่งงาน หรือคู่สมรสมีปัญหาเรื่องคุณภาพอสุจิที่ไม่ดีด้วย ก็อาจส่งผลกระทบให้ตัวอ่อนไม่ดีพอที่จะตั้งครรภ์ได้
ประสิทธิผลของการฝากไข่
คุณภาพไข่ขึ้นอยู่กับอายุเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อฝากไข่เร็ว ตั้งแต่ตอนอายุน้อยก็มีประโยชน์มากกว่า เพราะเมื่อเก็บตอนอายุน้อยไข่ก็จะมีคุณภาพดีกว่า เช่น แช่แข็งไข่จำนวน 10 ใบ โอกาสที่ไข่จะรอดชีวิตทั้ง 10 ใบ คงเป็นไปได้ยาก ซึ่งปกติอาจจะรอดชีวิตที่ 8 หรือ 7 ใบ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพไข่ก่อนการแช่แข็งด้วย แต่หลังจากไข่รอดชีวิตแล้ว จะมีการผสมกับอสุจิด้วยวิธีการทำอิ๊กซี่ โดยโอกาสในการปฎิสนธิก็ไม่ได้แตกต่างจากการที่เราทำกับไข่สด คุณภาพยังเหมือนเดิม และเด็กที่เกิดจากการแช่แข็งไข่ ก็ไม่ได้มีความผิดปกติแตกต่างไปจากการทำเด็กหลอดแก้วปกติแต่อย่างใด
ไข่ที่ฝากไว้ สามารถเก็บไว้ได้นานกี่ปี
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานว่าเก็บรักษาไข่ไว้นานแค่ไหนแล้วยังสามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ เพราะข้อมูลล่าสุดมีเพียงรายงานของการเก็บแช่แข็งประมาณ 4-5 ปี และละลายออกมาใช้โดยมีการผสมกับอสุจิ ได้ตัวอ่อนฝังกลับเข้าไปในโพรงมดลูก และเกิดการตั้งครรภ์ คลอดบุตรได้ตามปกติ
การฝากไข่ มีผลข้างเคียง หรือภาวะแทรกซ้อนหรือไม่?
การกระตุ้นไข่ ก็ย่อมมีความเสี่ยง เพราะได้รับฮอร์โมน บางครั้งอาจเกิดภาวะรังไข่ตอบสนองฮอร์โมนมากเกินไป นอกจากนั้นแล้วยังมีความเสี่ยงในการเก็บเจาะไข่ ทำให้เลือดออก แต่ทุกอย่างทุกขั้นตอนต้องมีการทำอย่างระมัดระวัง เพื่ออกาสที่เกิดจะเกิดความเสี่ยงจะได้น้อยลง
การฝากไข่ มีข้อจำกัดทางกฎหมาย
ก่อนที่จะไปทำการฝากไข่ ควรรู้ข้อจำกัดทางกฎหมายด้วย ซึ่งกฎหมายในประเทศไทยอนุญาตให้ทำได้ใน 2 กรณี คือ
- การฝากไข่ไว้ใช้กับตัวเองได้เท่านั้น
กฎหมายเมืองไทยอนุญาตให้ผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นโรคแต่ต้องการเก็บไข่ไว้ได้ แต่ต้องเก็บไว้เพื่อใช้ในอนาคตกับตัวเองเท่านั้น คือ ไข่ที่ตัวเองเก็บไว้จะใช้ได้เฉพาะกับเจ้าของไข่ ไม่สามารถนำไปใช้กับคนอื่นได้ โดยเมื่อต้องการนำไข่ที่เก็บหรือฝากไว้มาใช้ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องแต่งงานมีครอบครัวที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงจะนำไข่ที่แช่แข็งมาละลายเพื่อผสมกับอสุจิจากสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น เพราะกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้เก็บไข่ตัวเองเพื่อนำไปในการอื่นๆ เช่น บริจาคให้ญาติพี่น้องที่มีลูกไม่ได้
- การฝากไข่ล่วงหน้าได้ในกรณีที่ป่วยเป็นโรค
การรักษาโรคบางอย่าง อาจส่งผลกระทบต่อตัวรังไข่ เช่น ในผู้หญิงบางคนที่เป็นโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และจำเป็นต้องให้ยาในการรักษา ซึ่งยาที่รักษาโรคทั้งสองกลุ่มนี้ บางชนิดส่งผลทำลายรังไข่ได้ การรักษาจะได้รับยาที่มีผลกระทบต่อรังไข่ จนทำให้รังไข่เสี่ยงถูกทำลาย หรือร่างกายผลิตไข่ไม่ได้อีกเลย กลุ่มนี้เมื่อต้องการเป็นแม่ก็จะมีลูกไม่ได้ ดังนั้น การเก็บไข่ตัวเองไว้ก่อนทำการรักษาโรค จะทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเสียโอกาสในการมีลูก และคุณหมอก็จะให้ยาในการรักษาได้เต็มที่ให้โรคหายขาด โดยไม่กังวล เพราะได้เก็บไข่ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก รพ.พญาไท
อ่านต่อบทความที่น่าสนใจ
แม่ท้องระวัง ไข้มาลาเรีย เป็นแล้วอันตรายถึงชีวิตทั้งแม่และลูก
ฝากไข่ ไว้มีลูกในอนาคต …เรื่องฮิตที่ผู้หญิงยุคใหม่ควรรู้
ฝากไข่ เรื่องฮิตที่คุณแม่ยุคใหม่ควรรู้ ตอน 2
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่