ยาที่ทำให้ฤทธิ์ยาคุมกำเนิดลดลง
1.ยาคุมกำเนิด ที่เป็นยาที่ทำให้เอนไซม์ที่มีหน้าที่ขับยาฮอร์โมนออกไปจากร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ฮอร์โมนถูกขับออกจากร่างกาย และเอนไซม์นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปอีก 4 สัปดาห์ ได้แก่
- Carbamazepine (Tegretol)
- Oxcarbazepine (Trileptal)
- Phenytoin (Dilantin)
- Primidone
- Topiramate (Topamax)
- Rifampicin
- Griseofulvin
- ยาต้านไวรัสกลุ่ม Protease Inhibitors บางตัว เช่น Ritonavir (Norvir), Nelfinavir (Viracept), Lopinavir (Kaletra), Saquinavir (Fortovase)
- Nevirapine (Viramune)
2.Phenobarbital เป็นยาที่ทำให้เอนไซม์ที่มีหน้าที่ขับยาฮอร์โมนออกไปจากร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ฮอร์โมนถูกขับออกจากร่างกาย และทำให้โปรตีนในเลือดจับยาฮอร์โมนได้มากขึ้น ทำให้มีฮอร์โมนอิสระที่ออกฤทธิ์ได้ลดลง และเอนไซม์นั้นจะยังคงอยู่ต่อไปอีก 4 สัปดาห์
3.ยาฆ่าเชื้อรากลุ่ม Azole เช่น Fluconazole (Diflucan), Itraconazole (Sporal), Ketoconazole (Nizoral) อาจทำให้ประจำเดือนมากะปริบกะปรอยได้
4.สมุนไพร St John’s Wort เป็นยาที่ทำให้เอนไซม์ที่มีหน้าที่ขับยาฮอร์โมนออกไปจากร่างกายเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น ทำให้ฮอร์โมนถูกขับออกจากร่างกาย
5.ยากลุ่ม Penicillins เช่น Ampicillin, Amoxicillin ฯลฯ และยากลุ่ม Tetracyclines เช่น Tetracycline, Doxycycline เป็นยาที่รบกวนเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ที่มีหน้าที่เพิ่มการดูดซึมกลับมาของยาฮอร์โมน จากลำไส้ใหญ่ เข้าสู่กระแสเลือดอีกครั้ง ทำให้ยาฮอร์โมนมีประสิทธิภาพลดลง มีผลต่อการคุมกำเนิดชนิดที่เป็นยาผสมระหว่างเอสโตรเจน และโปรเจสโตเจนเท่านั้น