เมื่อคุณพ่อ คุณแม่มีลูกน้อยให้ชื่นชมเพียงพอต่อความต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาของการคุมกำเนิด (Birth control) เพื่อที่จะไม่ต้องมีการให้กำเนิดลูกน้อยเพิ่มขึ้นมากจนเกินความต้องการ หน้าที่ของการคุมกำเนิด ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของฝ่ายหญิงแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้ชายก็ต้องคุมกำเนิดด้วยเช่นกัน
คุณพ่อ คุณแม่หลายๆ คนยังขาดความรู้เรื่องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการคุมกำเนิดเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะรู้จักกันแต่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก อ่านเพิ่มเติมคลิก!! ยาคุมกำเนิด กับผลข้างเคียงที่ตามมาในอนาคต
บางคนรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้แทบทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และเกิดผลแทรกซ้อนที่ตามมา เช่น ประจำเดือนไม่ตรงกำหนดเวลา แล้วก็เกิดความกลุ้มใจว่าจะท้องอีกหรือไม่ การให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ ข้อมูลจากแพทย์เฉพาะทางบาทเดียวระบุ 6 วิธีคุมกำเนิดทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพสูงไว้ดังนี้
ความเข้าใจผิดเรื่องการคุมกำเนิด
อาจารย์จริยาวัตร คมพยัคฆ์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวบรวมความเข้าใจผิดไว้ว่า
1.คุณแม่หลังคลอดยังไม่มีประจำเดือน จะไม่คุมกำเนิด เพราะคิดว่าไม่ตั้งครรภ์
2.ถ้าลูกน้อยยังดูดนมอยู่ จะไม่ตั้งครรภ์ โดยไม่ต้องคุมกำเนิด
3.ถ้าคุณแม่ของคุณแม่หลังคลอดเคยมีลูกห่างจะคิดว่าตัวเองน่าจะมีลูกห่างด้วย จึงไม่คุมกำเนิด
4.หลังแท้ง ถ้าประจำเดือนยังไม่มา จะไม่ตั้งครรภ์
5.การหลั่งภายนอกช่องคลอด ทำให้ไม่ตั้งครรภ์
6.การนับวันปลอดภัย คิดว่าป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
7.ผู้หญิงเท่านั้นมีหน้าที่ ที่จะต้องป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น กินยา
8.ผู้ชายทองแดง (อัณฑะมี testis ข้างเดียว) เป็นหมัน ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าผู้หญิงจะตั้งครรภ์
9.ใช้ถุงยางอนามัยซ้ำได้ (ล้างและเก็บไว้แบบถุงมือ)
10.ลืมกินยาแล้วไม่ท้อง ก็เลยลืมบ่อยๆ คิดว่าไม่เป็นไร
อ่านต่อ >> “เรื่องความเข้าใจถูกของการคุมกำเนิด” คลิกหน้า 2
ความเข้าใจถูกเรื่องการคุมกำเนิด
นายแพทย์พนิตย์ จิวะนันทประวัติ ตอบคำถามที่มักจะเกิดขึ้นเกี่ยวกับวิธีคุมกำเนิดที่หลายคนยังไม่เข้าใจ
1.บางคนใช้ถุงยางอนามัย แล้วทำไมถึงยังตั้งครรภ์
มีเพศสัมพันธ์จนฝ่ายชายใกล้ถึงจุดสุดยอดจึงค่อยใส่ถุงยางอนามัย ซึ่งเป็นวิธีที่ผิด เพราะมีตัวเชื้อออกมาบ้างแล้ว จึงทำให้ตั้งครรภ์ได้ การใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องต้องใช้ตั้งแต่เริ่มต้น และไม่ควรแช่ไว้ เพราะน้ำเชื้ออาจออกจากถุงยางได้
นี่คือเหตุผลที่บางคนเข้าใจผิดว่าหลั่งภายนอกไม่ทำให้ตั้งครรภ์ ความจริงเชื้อออกมาบ้างแล้วตั้งแต่แรก
2.ถ้าถุงยางหมดอายุจะมีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่
การใช้ถุงยางที่หมดอายุหรือคุณภาพไม่ดี ก็มีส่วนทำให้ป้องกันการคุมกำเนิดไม่ได้ผล เพราะอาจฉีกขาดรั่ว
3.ใช้ถุงยางให้ความรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติจริงหรือไม่
ที่จริงก็ได้ความรู้สึกเหมือนกัน
4.ใช้ถุงยางอนามัยมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร
เป็นการคุมกำเนิดที่ดีต่อฝ่ายหญิง ไม่ต้องกังวลกับผลข้างเคียงของการกินหรือฉีดยา ป้องกันการติดเชื้อโรค
5.การคุมกำเนิดโดยนับวันของรอบเดือนช่วงไหนเป็นวันปลอดภัย
7 วันก่อนมีประจำเดือนวันแรก และ 7 วันหลังมีประจำเดือนวันแรก ช่วงตกไข่คือหลังวันที่ 7-21 ของรอบเดือนจึงเป็นช่วงที่ไม่ปลอดภัยมีโอกาสมีลูกได้
6.นับวันปลอดภัยทำไมถึงไม่ป้องกันได้ 100 เปอร์เซ็นต์
รอบเดือนมักคลาดเคลื่อน หากรอบเดือนเปลี่ยนแปลงไป มีปัจจัยมาเกี่ยวข้อง ทำให้ประจำเดือนมาเร็ว หรือเลื่อนออกไป การคุมกำเนิดก็อาจพลาดได้ การนับวันอาจพลาดได้ถ้าประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน
7.หลังคลอด หรือหลังแท้งลูก หรือลูกดูดนม ประจำเดือนยังไม่มา จะไม่ตั้งครรภ์จริงหรือไม่
ไม่จริง เพราะรังไข่ของฝ่ายหญิงอาจเพิ่งเริ่มทำงาน ดังนั้นโอกาสที่จะมีลูกจึงเป็นไปได้
8.กินยาคุมกำเนิดช่วงไหนของเดือนก็ได้ใช่หรือไม่
การคุมกำเนิดที่ได้ผลต้องกินในวันแรกที่มีรอบเดือน หรือมีประจำเดือนภายใน 5 วันแรกเท่านั้น กินติดต่อกันทุกวัน เวลาเดียวกันทุกวัน แต่ละเม็ดไม่ควรห่างนานกว่า 24 ชั่วโมง กินหลังอาหารเย็น หรือก่อนนอน กินติดต่อกันตามกำหนด ไม่ใช่วันไหนไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่กิน วันไหนมีก็กิน เช่นนี้คุมไม่ได้
9.ยาคุมกำเนิดทำไมมี 21 เม็ด กับ 28 เม็ด
ยาคุมกำเนิดมีสองชนิดคือ ชนิด 21 เม็ด เมื่อกินหมดแผงแล้วให้เว้น 7 วัน แล้วเริ่มแผงใหม่ และ 28 เม็ดกินทุกวันติดต่อกันแผงต่อแผง
10.ถ้าลืมกินยาคุมไป 1 เม็ด ควรทำอย่างไร
รีบกินยาทันทีที่นึกได้ และกินเม็ดต่อไปตามปกติ ถ้าลืมกินและมีเพศสัมพันธ์อาทิตย์ที่ 2 และ 3 โอกาสที่จะมีลูกสูง ดังนั้นถ้าลืมกินควรใช้ถุงยางอนามัย
คลิกอ่านเพิ่มเติม
“คุมกำเนิดหลังคลอด เมื่อไร อย่างไร”
“การคุมกำเนิดแบบใหม่สำหรับผู้ชาย มีสวิตช์ปิด-เปิดได้ตามใจ!”
เครดิต: แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว, หมอชาวบ้าน, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี