เชื่อว่ามีคุณแม่ท้องหลายคนสงสัยว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกในท้องของเราหนักเท่าไหร่ ตัวใหญ่ หรือตัวเล็ก ซึ่งหนึ่งในวิธีการที่จะเช็กน้ำหนักตัวของลูกน้อยได้คือดูจาก ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ อีกทั้งยังมีวิธีการตรวจแบบต่างๆ มากมายจากคุณหมอ
ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ สำหรับเช็กขนาดของลูกน้อย
สำหรับเรื่องการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ หากคุณแม่ท้องสงสัยว่าลูกของเราจะแข็งแรงสมบูรณ์ และตัวเล็กหรือตัวใหญ่ มีน้ำหนักเท่าไหร่นั้น คุณหมอจะสามารถตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์ได้หลายวิธี ได้แก่
1. การวัดความสูงของยอดมดลูก
เมื่อคุณแม่มาฝากครรภ์ทุกครั้ง คุณหมอจะทำการตรวจการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ทางอ้อม เพราะถ้าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงจะมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดมดลูกสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงระยะตั้งครรภ์ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 18 ถึงสัปดาห์ที่ 34
2. การตรวจการดิ้นของทารกในครรภ์
ซึ่งคุณแม่รับรู้การดิ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 16-20 สัปดาห์ขึ้นไป การที่เด็กดิ้นน้อยลงมักพบร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง และอยู่ในภาวะอันตราย ทารกจะดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้นประมาณ 12-48 ชั่วโมง ก่อนตาย การที่ลูกดิ้นน้อยลงจึงเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบพบแพทย์ โดยเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ ขึ้นไป
3. การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง หรืออัลตร้าซาวด์
เป็นการตรวจโครงสร้างและอวัยวะต่างๆ ของทารกในครรภ์ ว่าเจริญเติบโตปกติหรือไม่ และใช้ค้นหาความพิการแต่กำเนิด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของทารก ปริมาณน้ำคร่ำ ลักษณะของรกและตำแหน่งที่รกเกาะและสายสะดือ
การตรวจสามารถทำได้ 2 ทาง คือ การตรวจผ่านทางช่องคลอด และการตรวจผ่านหน้าท้องมารดา เครื่องตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงในปัจจุบันมีการพัฒนาไปมาก มีทั้งแบบ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถเห็นและตรวจทารกในครรภ์ได้ชัดเจนขึ้น
4. การนำเซลล์ของทารกในครรภ์
เพื่อนำมาตรวจหาโครโมโซม หรือดีเอ็นเอ ในรายที่สงสัยว่ามีโรคทางพันธุกรรมชนิดต่างๆ เช่น กลุ่มอาการดาวน์และโรคธาลัสซีเมีย เป็นต้น วิธีการในการนำเซลล์ทารกในครรภ์มาตรวจ ได้แก่ การเจาะดูดน้ำคร่ำ การตัดเนื้อรก และการเจาะดูดเลือดทารกโดยตรง
5. การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารก
โดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ โดยอาศัยหลักการว่า ถ้าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงไม่ขาดออกซิเจน เมื่ออายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ ขึ้นไป เมื่อทารกดิ้นจะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้น
คลิกหน้า 2 “เพื่อเช็กดูน้ำหนักของลูกน้อย จากตารางการเปรียบเทียบน้ำหนักและส่วนสูงของทารกในครรภ์”
ขอบคุณข้อมูลจาก : www.rcpsycht.org
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
จะรู้ได้อย่างไรว่าน้ำหนักลูกน้อยในครรภ์ หนักเบาเท่าไหร่?
การที่จะรู้ว่าน้ำหนักทารกในครรภ์ เป็นอย่างไร ลูกจะตัวใหญ่หรือตัวเล็ก สามารถทำได้โดย
1. ตรวจร่างกาย : วัดความสูงของมดลูก ขนาดมดลูกที่สังเกตได้ง่าย คือช่วงอายุครรภ์ 5 เดือน หรือ 20 สัปดาห์ ซึ่งจะมีขนาดเท่ากับระดับสะดือของคุณแม่ แต่อายุครรภ์หลังจากนั้นแพทย์จะทำการวัด โดยใช้สายวัดซึ่งความสูงของมดลูกหน่วยเป็นเซนติเมตรจะมีค่าเท่ากับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ เช่น วัดความสูงของมดลูกได้ 28 เซนติเมตร ก็จะเท่ากับขนาดมดลูกที่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์
2. อัลตราซาวนด์ : ประเมินน้ำหนักลูกได้จากการคำนวณค่าที่วัดได้จากการอัลตร้าซาวนด์
3. ติดตามการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักคุณแม่ : สำหรับการตั้งครรภ์ทารกคนเดียว น้ำหนักแม่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังอายุครรภ์ 3 เดือน เฉลี่ยสัปดาห์ละ 0.2-0.5 กิโลกรัม แต่ในช่วง 3 เดือนแรก เนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง ดังนั้น น้ำหนักอาจลดลงหรือไม่เพิ่มขึ้นได้ ยังไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ
หลังจากนั้นคุณหมอก็จะประเมิน น้ำหนักทารกในครรภ์ แล้วดูว่าทารกตัวเล็กหรือตัวใหญ่จริงหรือไม่ แล้วคุณหมอก็จะทำการตรวจอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุและวางแผนการดูแลรักษาต่อไป
การสังเกตว่าจะลูกน้อยในครรภ์มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์หรือไม่ ?
หลักการสังเกตว่าทารกในครรภ์ของคุณแม่รู้สึกว่าไม่โตตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็น ซึ่งบางครั้งความสงสัยนี้สามารถพบได้โดยอาจไม่ใช่การตรวจจากข้อมูลทางการแพทย์ ซึ่งพบว่าหากน้ำหนักตัวของคุณแม่ไม่เพิ่มขึ้นตามเกณฑ์ที่ควรจะเป็น แน่นอนว่าน้ำหนักตัวของแม่และลูก ย่อมมีความสัมพันธ์กัน หากเป็นการตั้งครรภ์เด็กทารกเพียงคนเดียว น้ำหนักตัวของคุณแม่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่ออายุครรภ์เริ่มเข้าสู่เดือนที่ 3 และเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 0.5 กิโลกรัม/สัปดาห์ แต่กรณีที่น้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น มาพร้อมกับอาการแพ้ท้องด้วย ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่อาจจะมีน้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ ได้ เพราะคุณแม่กินอาหารได้น้อยลงก็เป็นได้ โดยคุณแม่สามารถเช็กน้ำหนักของลูกน้อยได้จากตารางนี้
ตารางการเปรียบเทียบน้ำหนักและส่วนสูงของลูกน้อยขณะ อยู่ในท้องแม่
ซึ่งในตารางจะบอกถึงช่วงอายุครรภ์ โดยในสัปดาห์ที่ 8-19 จะบอกถึงความสูงยาวของลูกน้อยตั้งแต่หัวถึงก้น มีหน่วยเป็น เซนติเมตร และน้ำหนัก เป็น กรัม และในช่วงสัปดาห์ที่ 20 เป็นต้นไป ความสูงยาวของลูกน้อยจะวัดตั้งแต่หัวถึงส้นเท้า โดยมีหน่วยเป็น เซนติเมตร และน้ำหนัก เป็น กรัม เช่นเดียวกัน
อ่านต่อ >> “สาเหตุและวิธีป้องกันดูแลครรภ์เพื่อให้ลูกน้อยแข็งแรงมีน้ำหนักตามเกณฑ์” คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
“ลูกน้อยตัวเล็ก” ไม่ใช่เพราะ “ลูกผิดปกติ” เสมอไป
อย่างไรก็ตาม ทารกในครรภ์ที่ตัวเล็ก ก็ไม่ใช่ทารกที่ผิดปกติเสมอไปนะครับ โดยทารกในครรภ์ที่ตัวเล็ก ก็สามารถเป็นทารกที่ปกติ มีการพัฒนาของร่างกายและระบบประสาทและสมองที่ปกติได้ แต่สาเหตุที่ตัวเล็กนั้นอาจมาจากเรื่องพันธุกรรมของพ่อแม่ ที่มีขนาดของร่างกายที่เล็กเหมือนกัน แต่ที่คุณหมอและพ่อแม่จะกังวลคือ ทารกตัวเล็ก เป็นทารกที่ผิดปกติ และจะส่งผลต่อสุขภาพของทารกเอง ซึ่งมีสาเหตุมากมายที่ทำให้เกิดภาวะนี้ เช่น
สาเหตุจากแม่
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ภาวะซีด โรคหัวใจทำงานผิดปกติ ทำให้การส่งออกซิเจนไปยังลูกไม่เพียงพอ
- ดื่มเหล้าระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ทารกผิดปกติ พิการ ปัญญาอ่อนได้ (Fetal alcohol syndrome)
- สูบบุหรี่ ซึ่งจะมีผลทำให้รกเสื่อมเร็ว
- ขาดอาหาร
- น้ำหนักตัวน้อย
สาเหตุจากลูก
- โครโมรโซมผิดปกติ เช่น กลุ่ม ดาวน์ซินโดรม (Down’s syndrome, Trisomy 21) นอกจากนั้นพวกผิดปกติชนิด Trisomy 13 หรือชนิด Trisomy 18 ทารกก็มีการเจริญเติบโตช้าเช่นกัน
- มีความพิการแต่กำเนิด ทำให้ไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่
- ครรภ์แฝด โดยเฉพาะแฝดที่เกิดจากไข่ใบเดียว ที่มีการเชื่อมต่อผิดปกติของหลอด เลือด ทำให้มีการถ่ายเทเลือดระหว่างเด็กแฝดผิดปกติ ทำให้การเจริญเติบโตของเด็กแฝดผิดปกติ
- มีการติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เช่น การติดเชื้อหัดเยอรมัน ส่งผลให้เซลล์ของร่าง กายถูกทำลาย ทารกจึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้ตามปกติ ทำให้ทารกตัวเล็ก
สาเหตุจากมดลูก รก และ/หรือ สายสะดือ
- มดลูกรูปร่างผิดปกติ เช่น มีผนังกั้นในโพรงมดลูก (ปกติจะไม่มีผนังกั้นในโพรงมด ลูก) ขนาดโพรงมดลูกจึงแคบผิดปกติ ทารกจึงเจริญเติบโตได้ไม่ดี, มีเนื้องอกมดลูกทำให้โพรงมดลูกบิดเบี้ยว รกฝังตัวไม่ดี
- รกเสื่อม
- รกลอกตัวบางส่วน
- รกเกาะต่ำ
- มีเนื้องอกของรก
- สายสะดือพันกัน หรือผูกเป็นปม
ทั้งนี้ในเรื่องของความผิดปกติทั้งหมดเหล่านี้ ทำให้เลือดไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ ทารกจึงไม่สามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่
วิธีเพิ่มน้ำหนักเจ้าตัวน้อยในครรภ์เติบโตให้ได้มาตรฐาน
สำหรับแนวทางในการรักษา หากพบว่าปัญหาลูกน้อยมีน้ำหนักตัวต่ำมากเกินไป ทำให้เด็กทารกในครรภ์ตัวเล็กมากกว่าปกติ สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำได้อย่างง่ายที่สุด นั่นก็คือการเลือกเน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ ซึ่งแตกต่างจากการกินอาหารเพื่อเน้นพลังงาน กินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก ผลไม้ นม เนื้อสัตว์ โดยทั้งหมดควรเป็นอาหารที่มาจากธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
ในระหว่างวันคุณแม่ตั้งครรภ์ควรพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะอาการเหล่านี้จะไปส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยให้หยุดชะงัก เสี่ยงที่เด็กจะมีขนาดตัวเล็กกว่าเกณฑ์ได้ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอด้วยท่าที่เหมาะสม
หากมีโรคประจำตัวควรดูแลตัวเองให้ดี พบแพทย์และรักษาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด แต่หากความผิดปกติที่เกิดขึ้นมีภาวะอื่นที่น่าสงสัยแทรกซ้อนมาด้วย ควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุ จะได้ดูแลรักษาภาวะผิดปกติที่อาจจะส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้ทันนั่นเองค่ะ
อ่านต่อ “บทความดีๆน่าสนใจ” คลิก!
- ขนาดของทารกในครรภ์แต่ละสัปดาห์
- เพิ่มน้ำหนักให้ลูกในท้อง แม่ทำได้ด้วย 5 วิธี
- ไขข้อสงสัย! ทารกแรกเกิดควรมีน้ำหนักเท่าไหร่?
- ตัวย่ออัลตร้าซาวด์ มีความหมายและบอกอะไรเกี่ยวกับทารกในครรภ์ได้บ้าง?
ขอบคุณข้อมูลจาก : haamor.com , women.sanook.com