พัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ 1 – 9 เดือน นับ เป็นสิ่งที่น่าทึ่งและมหัศจรรย์มาก ๆ หากอยากรู้ว่าคนเรานั้นกว่าจะเกิดมาได้ต้องฝ่าฟันอะไรมาบ้าง ตามไปดูคลิปวีดีโอ กับพัฒนาการของทารก ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด กันค่ะ
พัฒนาการของทารกในครรภ์
กว่าจะกลายเป็นทารกน้อยในครรภ์ จนกระทั่งผู้เป็นแม่คลอดออกมา กลายเป็นมนุษย์เดินดินได้นั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องต่อสู้ และใช้เวลาเดินทางมาเป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนด้วยกัน หรือบางคนอาจน้อยกว่านั้น ซึ่งในกระบวนการก่อนจะเป็นทารกนี้เรียกว่า การปฏิสนธิ นั้นเอง ซึ่งสภาวะที่ทำให้เกิดการปฏิสนธิขึ้นได้มีดังนี้
- เพศหญิงและเพศชายมีเซลล์สืบพันธุ์ที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้ว
- ประมาณวันที่ 14 ของการมีรอบเดือน ที่ตัวอสุจิผ่านเข้าไปในโพรงมดลูก อาจเป็นก่อนหรือหลังวันที่ 14 ประมาณ 5 วันก็ได้
- โดยปกติแล้ว ตัวอสุจิจะไม่สามารถทนต่อสภาวะความเป็นกรดได้ ดังนั้น การทำให้ตัวอสุจิมีชีวิตอยู่และสามารถเคลื่อนผ่านไปได้ สตรีจะต้องมีสภาพความเป็นกรดด่างของช่องคลอดและปากมดลูกที่เหมาะสม
Must read : พัฒนาการของทารกในครรภ์
ซึ่งในการปฏิสนธิ ผู้ชายจะปล่อยตัวอสุจิประกอบด้วยอสุจิเป็นจำนวนมากถึง 4 – 5 ร้อยล้านตัว บรรดาอสุจิเหล่านี้มีทั้งแข็งแรงและไม่แข็งแรง พวกที่แข็งแรงก็สามารถแหวกว่ายเข้าไปในมดลูก และเลยเข้าไปยังปีกมดลูกเพื่อจะได้ผสมพันธุ์กับไข่ ตามปกติอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุดตัวเดียวเท่านั้นจะไปพบกับไข่ได้ก่อน
และเนื่องจากอสุจิจะมีสารซึ่งสามารถละลายผนังที่ห่อหุ้มปกป้องไข่ออกได้ อสุจิจึงเจาะผ่านเปลือกของไข่ เพื่อเข้าไปรวมตัวกับนิวเคลียสภายในไข่ได้ หลังจากนั้นอสุจิตัวอื่นๆ ก็จะไม่สามารถเข้าไปได้อีก ส่วนอสุจิตัวที่เข้าไปในไข่แล้วจะสลัดหางทิ้ง และส่วนหัวที่เข้าไปในไข่จะเริ่มพองขึ้นและหลอมรวมกันกับไข่เป็นเซลล์เดียวกันในที่สุด
การแบ่งตัวของเซลล์หลังการปฏิสนธินั้น แทบจะเกิดขึ้นในทันทีหลังจากการปฏิสนธิเกิดขึ้น โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และเคลื่อนตัวผ่านท่อนำไข่มาสู่โพรงมดลูก ในระยะเวลาประมาณ 4 วัน หลังจากเกิดการปฏิสนธิ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้ว (Fertilized ovum) ในช่วงนี้ไข่จะมีลักษณะเป็นลูกกลม ประกอบด้วยเซลล์ประมาณ 100 เซลล์ ภายในลูกกลมนี้จะเป็นโพรงที่บรรจุของเหลว ซึ่งขนาดของไข่นี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไข่จะใช้เวลาอีกประมาณ 2 – 3 วัน ลอยอยู่ในโพรงมดลูกนี้หลังจากที่ไข่ลอยอยู่ในโพรงมดลูกชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็จะเข้าสู่ระยะการฝังตัว โดยประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ไข่ที่ผสมแล้วจะเคลื่อนตัวลงมาตามปีกมดลูก เมื่อมาถึงมดลูกแล้วไข่ก็จะเกาะติด และฝังตัวลงในเยื่อบุมดลูกที่มีลักษณะหนาและนุ่ม ซึ่งมีโลหิตมาคั่งเพื่อเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกาะยึดกันมั่นคงดีแล้ว ก็อาจถือได้ว่า การปฏิสนธิได้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและสมบูรณ์ ไข่ที่ผสมแล้วในระยะนี้เรียกว่า เอ็มบริโอ (Embryo)
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
จากที่กล่าวมาข้างต้น คือขั้นตอนการปฏิสนธิของเชื้ออสุจิจากฝ่ายชาย ซึ่งเดินทางมาผสมกันในรังไข่ของฝ่ายหญิง ทั้งนี้หากใครยังมองภาพไม่ออก ตามไป >> ชมคลิปวีดีโอพัฒนาการของทารกในครรภ์ ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด คลิกหน้า 2
คลิปวีดีโอ พัฒนาการของทารกในครรภ์
ตั้งแต่ปฏิสนธิ จนกระทั่งเกิด
ขณะที่ทารกเจริญอยู่ในครรภ์ ทารกจะอาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งช่วยป้องกันทารกจากอันตรายต่างๆ ได้ดี และทารกจะได้รับอาหารและอากาศโดยผ่านทางรก ซึ่งเป็นส่วนที่ติดต่อกับมดลูกของแม่มีหลอดเลือดจากแม่มาเลี้ยงบริเวณรกนี้มากมาย หลอดเลือดจากรกจะเชื่อมต่อกับตัวทารกทางสายสะดือ ดังนั้นรกจึงเป็นทางผ่านเข้าออกของอาหาร อากาศ ของเสียจากทารกอยู่ตลอดเวลา
นอกจากอาหารและอากาศซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและรอดชีวิตของทารกในครรภ์แล้ว อารมณ์ของผู้เป็นแม่ขณะตั้งครรภ์ก็มีผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ด้วย ดังนั้นผู้ที่กำลังตั้งครรภ์นอกจากจะต้องบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงโดยการกินอาหารที่มีประโยชน์ งดเว้นสิ่งเสพย์ติดทั้งหลายแล้วยังต้องทำจิตใจให้แจ่มใสอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อทารกที่อยู่ในครรภ์จะได้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ขณะเดียวกันผู้ที่กำลังจะเป็นพ่อก็ควรให้ความเอาใจใส่และทะนุถนอมน้ำใจของผู้ที่จะเป็นแม่ด้วย
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : Ly Konglong
เมื่อทารกเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์จนกระทั่งมีอายุประมาณ 38 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน หรือ 280 วัน นับจกวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งถือเป็นช่วงครบกำหนดคลอด รกจะเริ่มเสื่อมสลายตัว ทารกเตรียมพร้อมที่จะคลอด และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตัวแม่โดยฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองจะกระตุ้นให้กล้ามเนื้อผนังมดลูกบีบตัว ประกอบกับการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้องทำให้ปากมดลูกเปิด ถุงน้ำคร่ำแตก มดลูกบีบตัวอย่างแรงดันให้ทารกออกมาทางช่องคลอด โดยปรกติส่วนของศีรษะของทารกจะโผล่ป่านปากช่องคลอดออกมาก่อน หลังจากทารกคลอดออกมาแพทย์ผู้ทำการคลอดจะต้องผูกสายสะดือให้แน่นทั้งด้านตัวแม่และด้านตัวลูกก่อนที่จะตัดสายสะดือ เพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดจากตัวแม่และตัวลูก หลังจากทารกคลอดออกมาประมาณ 10 – 15 นาที มดลูกจะบีบตัวให้รกหลุดออกมา
ทั้งนี้ จากคลิปวีดีโอกว่าจะเป็นคนได้นั้น เรามีพัฒนาการอะไรบ้าง ทุกคนก็ได้รู้เห็นกันแล้ว แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่น่ารู้เกี่ยวกับ พ่อผู้ให้กำเนิด หรือเจ้าของตัวอสุจิ ที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ขึ้นมา เพราะร่างกายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ และในบรรดาความมหัศจรรย์นี้ “อสุจิ” ก็มีคุณสมบัติพิเศษที่ต้องออกไปปฏิบัติภารกิจยังร่างกายของคนอื่น (เพศแม่) ฉะนั้น เรามาทำความรู้จักกับเจ้าอสุจิเพิ่มขึ้นอีกสักนิดกันค่ะ
อ่านต่อ >> “ข้อควรรู้เกี่ยวกับเชื้ออสุจิ สิ่งมหัศจรรย์ต้นกำเนิดของมนุษย์”
คลิกหน้า 3
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ข้อ 1) “อสุจิ” ไม่ใช่ “น้ำอสุจิ” เรามักจะเข้าใจรวมๆ กันไป ว่าอสุจิกับน้ำอสุจิเป็นสิ่งเดียวกัน จริงๆ แล้ว อสุจิคือเซลที่นำพาดีเอ็นเอเพื่อจะไปผสมกับไข่ ส่วนน้ำอสุจิคือพาหนะที่ประกอบด้วยโปรตีนและน้ำตาล นอกจากจะทำหน้าที่พาอสุจิให้เดินทางไปยังรังไข่แล้ว ยังเป็นแหล่งพลังงานของอสุจิอีกด้วย
ข้อ 2) อสุจิใช้เวลา 3 เดือน กว่าจะโตเต็มวัย ตัวอสุจิถูกสร้างในอัณฑะ จากนั้นจะถูกนำไปพักที่หลอดเก็บอสุจิก่อนลำเลียงผ่านหลอดนำอสุจิ เพื่อไปเก็บไว้ที่ต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ แล้วต่อมลูกหมากจะหลั่งสารเข้าผสมกับน้ำเลี้ยงเพื่อปรับสภาพให้เหมาะสมก่อนจะหลั่งน้ำอสุจิออกสู่ภายนอกทางท่อปัสสาวะ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาราว 3 เดือน อสุจิอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้ประมาณ 7 วัน เมื่อไข่ออกจากรังไข่จะใช้เวลา 12-24 ชั่วโมงเพื่อเคลื่อนตามท่อนำไข่ไปที่มดลูก โดยทั่วไปการผสมจะเกิดขึ้นบริเวณท่อนำไข่ แปลว่าถ้ามีเซ็กส์โดยไม่ป้องกัน ไข่ที่ตกหลังมีเซ็กส์ 1-2 วัน ก็มีสิทธิผสมกับอสุจิที่ยังรีรออยู่ได้
ข้อ 3) อสุจิไม่มีมาตรฐาน อสุจิมีลักษณะหัวกลมรี มีโคนหาง และหางยาวเรียว อสุจิที่หลั่งออกมาส่วนใหญ่ไม่ได้มีรูปทรงเหมือนกันหมดอย่างที่เห็นในรูป แต่มีทั้งที่หัวเบี้ยว หัวเล็ก หัวโต มี 2 หัว 1 หาง หรือบางตัวก็มี 1 หัว 2 หาง นอกจากหน้าตาแล้ว คุณภาพของแต่ละตัวก็ต่างกันด้วย
Must read : 7 ผลไม้ บำรุงสุขภาพ สามี ให้แข็งแรงฟิตพร้อมมีลูก !
ข้อ 4) อสุจิ “นักแข่ง” มีแค่ครึ่งเดียว เรามักจะนึกภาพอสุจิฝูงโตว่ายกรูกันไปที่ไข่ ที่จริงแล้ว มีอสุจิเคลื่อนที่อยู่ราว 50-60 เปอร์เซ็นต์ ตัวที่กระตือรือร้นและรักการแข่งขันยิ่งน้อยลงไปอีก ที่เหลือเป็นอสุจิที่อยู่นิ่งๆ หรือขยับเขยื้อนแค่นิดๆ น้อยๆ เท่านั้น
ข้อ 5) อสุจิส่วนใหญ่ด้อยคุณภาพ ผลการศึกษาพบว่า ในบรรดาอสุจิที่ถูกปล่อยออกมานับล้านตัวต่อการหลั่งแต่ละครั้ง มีแค่ 15 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้การได้ แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะไปผสมกับไข่ หรือถ้ามีสัก 4-15 เปอร์เซ็นต์ก็ยังพอลุ้น แต่ถ้าน้อยกว่านั้น แสดงว่าคุณผู้ชายน่าจะมีปัญหาสุขภาพ
ข้อ 6) อสุจิชี้วัดสุขภาพ ผู้ชายที่ร่างกายไม่แข็งแรงอาจมีผลต่อสมรรถนะทางเพศและการเจริญพันธุ์ แม้เรื่องเพศและการเจริญพันธุ์จะไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ถ้าเริ่มมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศควรไปตรวจเช็คร่างกาย เพราะอาจเป็นสัญญาณว่ามีโรคแอบแฝง
ข้อ 7) อายุมีผลกับอสุจิ ร่างกายผลิตอสุจิตลอดชีวิต แต่พออายุเพิ่มขึ้น คุณภาพอสุจิจะด้อยลง ผลศึกษาพบว่า เด็กที่เกิดจากพ่ออายุมากมีโอกาสเป็นออทิสติก ลมชัก และจิตเภทมากกว่าเมื่อเทียบกับพ่อวัยหนุ่ม
ข้อ 8) ผลิตเพิ่มได้หรือไม่? มีเว็บไซต์ขายยาที่อวดอ้างว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนอสุจิ แต่มีน้อยมากที่ทำได้จริงตามคำโฆษณา หรือถ้าพอจะเป็นไปได้อยู่บ้างก็จากการทำให้หัวใจทำงานดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลอ้อมๆ ต่อการทำงานของระบบการผลิตอสุจิ ทางที่ดีกินอาหารมีประโยชน์ พักผ่อนอย่างเพียงพอ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ระวังกีฬาประเภทขี่จักรยานทางไกล การนั่งกดทับนานๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณอัณฑะไม่สะดวก ไม่เป็นผลดีต่อระบบการผลิตด้วยเช่นกัน
อ่านต่อบทความอื่นน่าสนใจ คลิก!
- วิธีนับอายุครรภ์ ที่ถูกต้องแม่นยำ ที่แม่ท้องควรรู้!
- แม่ท้องฟังเพลง คลาสสิค-โมสาร์ท ช่วยให้ทารกฉลาดขึ้นจริงหรือ?
- ฝากไข่ ไว้มีลูกในอนาคต …เรื่องฮิตที่ผู้หญิงยุคใหม่ควรรู้
ขอบคุณข้อมูลจาก : rpomwit.blogspot.com , www.komchadluek.net