AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

กินมะม่วงตอนท้อง ได้ประโยชน์หรือได้โทษ

ไขข้อข้องใจ กินมะม่วงตอนท้อง ได้ประโยชน์หรือโทษกันแน่ … พร้อมเผยข้อมูลด้านโภชนาการที่คุณแม่อาจไม่เคยรู้

 

กินมะม่วงตอนท้อง ได้ประโยชน์หรือได้โทษ

ก่อนอื่นทีมงาน Amarin Baby and Kids ขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ทุกท่านนะคะ มีอาการแพ้ท้องหรืออยากรับประทานอาหารอะไรเป็นพิเศษกันหรือเปล่าเอ่ย … ยิ่งถ้าเป็นช่วงนี้ด้วยแล้ว ช่วงนี้เรียกได้ว่า เป็นฤดูของมะม่วง ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแรด มะม่วงอกร่อง มะม่วงเขียวเสวย และมะม่วงอีกมากมายหลากหลายชนิด บรรยายไม่หมดเลยละคะ เพราะถ้าบอกหมดเราคงจะไม่มีพื้นที่มากพอสำหรับการบรรยายสรรพคุณและไขข้อข้องใจว่า กินมะม่วงตอนท้อง สรุปแล้วได้รับโทษหรือว่าประโยชน์มากกว่ากัน

ว่าแล้วก่อนที่ทีมงานจะไปเฉลยให้คุณแม่ได้ทราบ อยากจะขอพูดถึงประโยชน์ของมะม่วงในด้านของโภชนาการกันก่อนค่ะ

คุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า มะม่วง 100 กรัมให้โภชนาการต่าง ๆ มากมาย ยกตัวอย่างเช่น

จากปริมาณดังกล่าวจะเห็นได้ว่า มะม่วงนั้นอุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ รวมไปถึงสารฟลาโวนอยด์ ที่มีคุณสมบัติในการด้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ ที่สำคัญมีกากใยอาหารสูง

กินมะม่วงตอนท้อง ได้ประโยชน์อะไรบ้าง

เครดิต: Thinkstock

วิตามินเอ

วิตามินเอ นั้นมีประโยชน์มากมายเลยละค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการมองเห็น หากคุณแม่ท้องได้รับวิตามินเอในช่วงตั้งครรภ์ละก็ จะสามารถช่วยด้านการเจริญเติบโต และพัฒนาระบบต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ได้ ยกตัวอย่างเช่น ระบบประสาท หัวใจ ปอด ไต กระดูก ตา และระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย เป็นต้น ซึ่งจะพบมากในผักและผลไม้สีเหลือง สีส้ม และผักใบเขียว

ในทางกลับกันนั้น คุณแม่อาจจะเคยได้ยินหรือได้ฟังกันมาบ้างแล้วว่า แม่ท้องนั้นไม่ควรรับประทานวิตามินเอ เพราะจะส่งให้ทารกในครรภ์พิการได้ … ในความเป็นจริงนั้นแม่ท้องทานได้ค่ะ หากแต่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ (ไม่เกิน 3,300 IU ต่อวัน) ซึ่งหากรับประทานมากเกินปริมาณที่ได้กำหนดละก็ อาจจะส่งผลทำให้ทารกในครรภ์นั้นเจริญเติบโตผิดปกติ หรือเกิดความพิการได้ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบว่าเกินมากในรูปแบบของวิตามินที่มาในรูปของการสังเคราะห์หรืออาหารเสริม นั่นเอง

ไฟเบอร์

ปัญหาใหญ่ที่คุณแม่ท้องแทบทุกคนจะต้องเจอก็คือ ปัญหาเรื่องของระบบขับถ่าย ยกตัวอย่างเช่น ท้องผูก เป็นต้น ดังนั้น กินมะม่วงตอนท้อง จึงเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งที่จะมาเสริมไฟเบอร์หรือกากใยอาหารให้กับคุณแม่ท้องได้

วิตามินซี

ประโยชน์ของวิตามินซีนั้น จะมาช่วยเสริมสร้างกระดูกให้กับทารกในครรภ์ อีกทั้งยังมาช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายของคุณแม่ และช่วยแก้ปัญหาเลือดออกตามไรฟัน ช่วยบรรเทาอาการหวัดหรือภูมิแพ้ได้ นอกจากนี้ยังมาช่วยในการเพิ่มระดับการเผาผลาญพลังงานในร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ่น โดยปริมาณวิตามินซีที่แม่ท้องสามารถรับได้ในแต่ละวันนั้นจะต้องกินอย่างปลอดภัย คือ 45 – 120 มิิลลิกรัมต่อวันค่ะ

โพแทสเซียม

แร่ธาตุโพแทสเซียมนั้น จัดเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย อีกทั้งยังรวมถึงหัวใจและลำไส้ และช่วยควบคุมสมดุลของของเหลวในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำ หรือเกลือแร่ นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาทและการทำงานของหัวใจให้เป็นปกติ

วิตามินบี 6

หากคุณแม่เป็นคนหนึ่งที่มีอาการแพ้ท้องละก็ วิตามินบี 6 ถือเป็นตัวช่วยที่ดีตัวช่วยหนึ่งเลยละค่ะ ได้มีผลการศึกษาพบว่า การที่คุณแม่ท้องรับประทานวิตามินบี 6 จะสามารถช่วยทำให้อาการแพ้ท้องในตอนเช้า หรือระหว่างวันนั้น ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ ยังช่วยพัฒนาการทำงานทางด้านสมองและระบบประสาทของทารกในครรภ์ได้อีกด้วยค่ะ

ทองแดง

แร่ธาตุทองแดงนั้นมีความจำเป็นอย่างมากกับร่างกายของคนเรา โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายต้องการประมาณ 2 – 5 มิลลิกรัมต่อวัน โดยทองแดงนั้นจะเป็นตัวช่วยให้ร่างกายของคุณแม่นั้นสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายขาดธาตุทองแดงในระหว่างตั้งครรภ์เลยละค่ะ เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นละก็ อาจส่งผลให้คุณแม่เกิดภาวะโลหิตจางได้

กรดโฟเลต

คุณแม่ทราบหรือไม่คะว่า ร่างกายของคุณแม่ท้องนั้น ต้องการโฟเลตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของคนปกติทั่วไป เรียกได้ว่าในแต่ละวันนั้นจะต้องกินโฟเลตให้ได้วันละ 400 – 600 ไมโครกรัม ซึ่งโดยทั่วไปคุณหมอจะแนะนำให้กินตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน และการทำงานของโฟเลตช่วยลดความพิการของทารกในครรภ์ เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ หลอดประสาทไม่ปิด โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด แขนขาพิการแต่กำเนิด อีกทั้งยังช่วยลดภาวะโลหิตจางของแม่ตั้งครรภ์ด้วย มีหน้าที่สำคัญในการสร้างสารพันธุกรรมของมนุษย์ คือ RNAและ DNA โฟลิกยังทำงานร่วมกับวิตามินบี12 ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงให้สมบูรณ์ด้วย สูติแพทย์ยังแนะนำให้แม่ตั้งครรภ์รับประทานโฟลิกเป็นประจำ เพราะช่วงตั้งครรภ์อาจเสี่ยงต่อร่างกายขาดโฟลิคและที่สำคัญ โฟลิกช่วยป้องกันการเกิดความพิการต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ได้นั่นเอง

มาถึงตอนนี้คุณแม่หลาย ๆ ท่านก็คงจะสบายใจกันได้แล้วใช่ไหมละคะ ว่าเราสามารถกินมะม่วงตอนท้องได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายใด ๆ กับลูกในครรภ์เลย แต่คุณแม่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะเท่านั้นนะคะ ไม่ใช่เขาบอกว่าทานได้ก็ทานมะม่วงสุกเสียเลยคนเดียวสามลูก แบบนี้อาจจะส่งผลกระทบให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้โดยไม่รู้ตัวเลยละค่ะ

ขอบคุณที่มา: Momjunction

อ่านต่อเรื่องอื่นที่น่าสนใจ:

 

 

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids