กินทุเรียน ช่วยให้ท้องง่าย จริงหรือ? และข้อดีของการกินทุเรียน

ใครจะคิดว่าการ กินทุเรียน เกี่ยวข้องกับการมีลูก ทำไมกินทุเรียนแล้วจะช่วยให้มีลูกง่าย? และทุเรียน ราชาแห่งผลไม้ จะช่วยรักษาการมีบุตรยากได้อย่างไร? ไปหาคำตอบกันค่ะ

กินทุเรียน ช่วยให้ท้องง่าย จริงหรือ? และข้อดีของการกินทุเรียน

วิจัยชี้! การกินทุเรียนช่วยให้มีลูกง่ายขึ้นจริง

จากผลการวิจัยในอินเดียที่ได้ทดลองในหนูตัวผู้ โดยให้หนูกินทุเรียนติดต่อกัน 2 สัปดาห์ พบว่าหนูที่กินทุเรียนมีความต้องการและพลังงานทางเพศสูงกว่าหนูที่ไม่ได้ทานทุเรียน รวมถึงจำนวนและการเคลี่อนไหวของอสุจิในหนูที่ทานทุเรียนก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

คุณค่าทางโภชนาการของทุเรียน

ในทุเรียนปริมาณ 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการ ดังนี้

• พลังงาน 174 กิโลแคลอรี
• คาร์โบไฮเดรต 27.09 กรัม
• เส้นใยอาหาร 3.8 กรัม
• ไขมัน 5.33 กรัม
• โปรตีน 1.47 กรัม

วิตามิน

• วิตามินเอ 44 หน่วยสากล
• วิตามินบี1 0.374 มิลลิกรัม
• วิตามินบี2 0.2 มิลลิกรัม
• วิตามินบี3 1.74 มิลลิกรัม
• วิตามินบี5 0.23 มิลลิกรัม
• วิตามินบี6 0.316 มิลลิกรัม
• วิตามินบี9 36 ไมโครกรัม
• วิตามินซี 19.7 มิลลิกรัม

แร่ธาตุ

• แคลเซียม 6 มิลลิกรัม
• ธาตุเหล็ก 0.43 มิลลิกรัม
• แมกนีเซียม 30 มิลลิกรัม
  ธาตุแมงกานีส 0.325 มิลลิกรัม
• ฟอสฟอรัส 39 มิลลิกรัม
• โพแทสเซียม 436 มิลลิกรัม
• โซเดียม 2 มิลลิกรัม
• สังกะสี 0.28 มิลลิกรัม

ข้อควรระวัง : เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลสูงและยังอุดมไปด้วยไปด้วยไขมันและกำมะถัน ผลไม้ชนิดนี้จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน เพราะหากรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้เกิดร้อนในอีกด้วย และการทานทุเรียนพร้อมกับแอลกอฮอลล์อาจทำให้ปวดท้องอย่างรุนแรง คลื่นไส้ ท้องอืด และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

อ่านต่อ กินทุเรียน ช่วยให้มีลูกง่ายได้อย่างไร?

กินทุเรียน ช่วยให้มีลูกง่ายได้อย่างไร?

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีไฟโตนิวเทรียนท์ สารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันดี โปรตีน และประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างมหาศาล ที่นอกจากจะมีสรรพคุณทางยาแล้ว ยังช่วยให้มีลูกง่ายขึ้นได้อีกด้วย

1. ในทุเรียนมีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง

ฮอร์โมนเอสโตรเจน เป็นฮอร์โมนที่สำคัญสำหรับผู้หญิง เพราะมีส่วนช่วยในการตั้งครรภ์ แต่หากมีความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย หรือ การมีปัญหาด้านสุขภาพเรื้อรัง ก็อาจทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนออกมาได้น้อย จึงส่งผลให้อยู่ในภาวะของการมีบุตรยากได้ แต่ตามผลการวิจัยของอินเดีย พบว่าการ กินทุเรียน จะช่วยให้ร่างกายของฝ่ายหญิงแข็งแรงขึ้น และยังช่วยป้องกันภาวะผู้มีบุตรยากอีกด้วย

2. ทุเรียนช่วยรักษาโรค PCOS ได้

Polycystic Ovarian Syndrome (PCOS) คือ ความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อ ทำให้มีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน แอนโดรเจน และอินซูลินอยู่ในภาวะที่ไม่สมดุล ทำให้เกิดถุงน้ำขนาดเล็กจำนวนหลายใบอยู่ในรังไข่ จนส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ สิวขึ้น ขนดก หรือมีบุตรยาก เนื่องจากโรคนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยาก การ กินทุเรียน ที่มีสารต้านการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะการมีบุตรยากได้

3. ทุเรียนมีสารที่เพิ่มความต้องการทางเพศ

ในทุเรียนมีสารที่ชื่อ Aphrodisiac ซึ่งเป็นสารที่เพิ่มความต้องการและพลังทางเพศ และสารนี้ยังช่วยรักษาภาวะการมีบุตรยากในผู้ชายโดยการเพิ่มการเคลื่อนไหวของอสุจิอีกด้วย

4. รักษาภาวะโลหิตจาง

ผู้หญิงที่ไม่ได้รับธาตุเหล็กมากอย่างเพียงพอ มักประสบปัญหาการตกไข่ (การขาดการตกไข่) และปัญหาไข่ที่ตกไม่มีความแข็งแรงเพียงพอ จึงทำให้การตั้งครรภ์เป็นไปได้ยาก ในทุเรียน มีกรดโฟลิคและธาตุเหล็กสูง จึงช่วยกระตุ้นการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงและช่วยในการรักษาอาการโลหิตจางและเพิ่มโอกาสการมีบุตรได้อีกด้วย

5. ทุเรียนช่วยลดความเครียด

ความเครียดเรื้อรังเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยากในทั้งชายและหญิง ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพรไบโอนสูง (กรดอะมิโนที่จำเป็นซึ่งใช้ในการผลิตเมลาโทนิน ซีโทนิน และไนอาซิน เมลาโทนินทำให้นอนหลับสบายขณะที่ซีโทนิน ช่วยควบคุมอารมณ์และการนอนหลับ ทุเรียนจึงมีส่วนช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้

ุ6. ทุเรียนช่วยป้องกันการพิการของทารก

นอกจากคุณค่าทางโภชนาการที่มากมายแล้ว ในทุเรียนยังอุดมไปด้วยสารโฟเลต วิตามินสำคัญที่จะช่วยป้องกันการพิการแต่กำเนิดในทารก สำหรับผู้หญิงที่ต้องการมีบุตร ควรกินโฟลิคทุกวันก่อนตั้งครรภ์ 3 เดือน และยังควรทานต่อเนื่องไปจนถึง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ดังนั้น การทานทุเรียนก่อนการตั้งครรภ์และทานต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับคนท้องอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยให้มีลูกง่ายแล้ว ยังช่วยพัฒนาเซลล์สมองของทารกในครรภ์อีกด้วย

 

อ่านต่อ กินทุเรียน อย่างไรไม่ให้อ้วน?

กินทุเรียนอย่างไรไม่ให้อ้วน?

จากข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า การ กินทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ให้น้ำตาล 18 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี เทียบได้กับข้าวสวยเกือบทัพพี (ข้าว 1 ทัพพี = 80 กิโลแคลอรี) ดังนั้น หากทานครั้งละ 3 เม็ด จะรับพลังงานไปถึง 180 กิโลแคลอรี หรือกินข้าว 2 ทัพพีกว่า ๆ เลย แต่ถ้าเผลอทานครั้งละ 4-6 เม็ด ก็รับพลังงานไปเกือบ ๆ 400 กิโลแคลอรี เทียบเท่ากับดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือทานข้าวถึง 5 ทัพพี ทางกรมอนามัยจึงมีคำแนะนำในการกินทุเรียน ดังนี้

1. ในปกติทั่วไป ไม่ควรทานทุเรียนเกิน 2 เม็ดต่อวัน และไม่ควรทานบ่อย ๆ หรือทานทุกวัน เพราะจะทำให้เจ็บคอ ร้อนในได้ และที่สำคัญ ในทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง ทานมากไปยังทำให้อ้วนได้อีกด้วย
2. ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังการทานทุเรียนเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต ควรเลี่ยงการทานทุเรียน เพราะทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจะไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
3. ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็ควรระวัง เพราะทุเรียนมีแป้งและไขมันสูง หากกินมากไป อาการอาจจะทรุดได้ แนะนำให้กินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และไม่ควรกินต่อเนื่องทุกวัน
4. ในวันที่ทานทุเรียน ควรลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง
5. หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่ทานทุเรียน
6. ไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อย เพราะนอกจากทุเรียนจะทั้งหวานและมันแล้ว ในข้าวเหนียวกะทิก็มีความหวานมันไม่แพ้กัน การทานด้วยกันจึงทำให้ร่างกายรับคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลสูง
7. สามารถทานมังคุดร่วมกับทุเรียนได้ เพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนใน และยังมีน้ำในปริมาณมาก การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีมีใยอาหารสูง แต่ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำตาลที่แฝงมาในผลไม้
8. ระมัดระวังการกินทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ทุเรียนเผา เป็นต้น เพราะการแปรรูปเหล่านี้ ใช้นำตาลประมาณมากในการแปรรูป จึงทำให้มีความหวานมากกว่าการทานทุเรียนสด
9. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินที่ได้จากการทานทุเรียน

อ่านต่อบทความดี ๆ ได้ที่นี่

แม่ท้องกินทุเรียน ช่วยให้ลูกฉลาดได้จริงหรือ!?

15 อาหารที่มีโฟเลตสูง ที่แม่ท้องและลูกในท้องควรทาน

ระวัง! คุณผู้หญิง กินฟาสต์ฟู้ด บ่อย เสี่ยงมีลูกยาก

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : women-health-naturally.com, กรมอนามัย, health.kapook.com