” เลือกเพศลูก “ อย่างไรให้ได้ผล 100% ทั้งแบบธรรมชาติและแบบที่ใช้เทคโนโลยี!
ในหลาย ๆ ครอบครัวไม่ว่าจะเพิ่งแต่งงานแล้วหรือเป็นคู่แต่งงานมาได้สักพักแล้วก็ตาม เมื่อรู้ว่าตัวเองพร้อมที่จะมีใครสักคนเข้ามาเติมเต็มชีวิตคู่แล้วนั้น ก็ย่อมที่จะมีความฝันอยากที่จะได้เพศของลูกตามที่ตัวเองตั้งใจฝัน แน่นอนค่ะว่า มีวิธีมากมายที่จะมาช่วยในการ “เลือกเพศลูก” เราทั้งแบบที่เป็นธรรมชาติและแบบที่ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย
และวันนี้เราก็ได้เตรียมข้อมูลดี ๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่ทุกคน ที่กำลังคิดหาวิธีต่าง ๆ นา ๆ เพื่อที่จะอยากได้เพศลูกได้ตรงตามความหวังของตัวเอง แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีที่ว่านี้นั้น เราาทำความรู้จักเกี่ยวกับเรื่องทั่ว ๆ ไปของการเลือกเพศของลูกเรากันก่อนค่ะ
การเลือกเพศของลูกนั้น ในกฎหมายบ้านเราถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายนะคะ เพราะเป็นการผลิดหลักมนุษยธรรมและไม่มีความจำเป็น เพราะการเลือกเพศนั้น จะทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์มีน้อยลง และมีความเสี่ยงต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน โดยจะต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์เป็นสำคัญค่ะ ยกตัวอย่างเช่น หากแพทย์ลงความเห็นว่า หากมีลูกเป็นเพศนี้แล้ว โอกาสรอดของเด็กอาจจะไม่สูง หรืออาจจะเป็นเรื่องของโรคทางพันธุกรรมบางอย่างที่จะสามารถถ่ายทอดไปยังลูกเฉพาะแต่เพศใดเพศหนึ่งเช่น โรคสังข์ทอง โรคเลือด โรคผิวหนังบางประเภท ถ้าหากพ่อแม่หรือคนในครอบครัวเคยมีประวัติเหล่านี้ หากได้ลูกชายก็ย่อมมีโอกาสที่จะเป็นได้ ในขณะที่ลูกสาวจะไม่เป็น อะไรแบบนี้เป็นต้น
ทั้งนี้ ยังเป็นการห้ามไม่ให้มีการขายไข่ รวมถึงการอุ้มบุญ เพราะจะเป็นการกระทำที่ผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 และตามประกาศแพทยสภา ในเรื่องมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งมีข้อกำหนดว่า “การตรวจวินิจฉัยโรคทางพันธุกรรมของตัวอ่อน ก่อนย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก จะทำได้เฉพาะการตรวจวินิจฉัยโรคตามความจำเป็น และต้องไม่กระทำในลักษณะการเลือกเพศ โดยสถานพยาบาลและแพทย์ผู้ให้บริการต้องได้รับหนังสือรับรองจากราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้”
อะไรคือตัวกำหนดเพศของลูก? อ่านต่อ คลิก!
สิ่งที่เป็นตัวกำหนดเพศของลูกก็คือ โครโมโซม
สาเหตุ เพราะภายในเซลล์หรืออณูของร่างกายมนุษย์จะมีโครโมโซม หรือแท่งพันธุกรรมอยู่ 23 คู่ หรือ 46 แท่ง ซึ่งในจำนวนนี้ 22 คู่ หรือ 44 แท่ง จะเป็นแท่งพันธุกรรมที่เป็นตัวกำหนดลักษณะต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ หน้าตา ความสูง ความเตี้ย สีผม สีผิวหนัง ฯลฯ และอีกที่เหลือ 1 คู่ หรือ 2 แท่งนั้นจะเป็นแท่งพันธุกรรมที่เป็นตัวกำหนดเพศ หรือที่เราเรียกกันว่า “โครโมโซมเพศ” ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดว่าเด็กที่เกิดมานั้นจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง
โดยคุณแม่จะมีโครโมโซมเพศเป็น XX ส่วนคุณพ่อจะมีโครโมโซมเพศเป็น XY หมายความว่า ในน้ำอสุจิของคุณพ่อนั้นจะมีตัวอสุจิอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ
-
อสุจิที่มีโครโมโซมเพศคู่ X ที่เป็นตัวกำหนดให้เป็นลูกสาว
-
โครโมโซม Y ที่เป็นตัวกำหนดให้เป็นลูกชาย
ส่วนเซลล์ไข่ของคุณแม่นั้นจะมีโครโมโซมเพศแบบเดียว คือ โครโมโซม X ในเวลาที่มีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ จำนวนโครโมโซมจะลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียง 23 แท่ง เซลล์สืบพันธุ์ของพ่อและของแม่จะรวมกันเมื่อเกิดการปฏิสนธิ ทารกจึงเป็นผลรวมทางพันธุกรรมของพ่อและแม่อย่างละครึ่ง ซึ่งอัตราส่วนของอสุจิที่มีโครโมโซม X ต่ออสุจิที่มีโครโมโซม Y จะอยู่ที่ประมาณ 50% ต่อ 50% ดังนั้นในทางธรรมชาติแล้ว โอกาสที่จะได้ลูกชายหรือลูกสาวนั้นจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 50 ถ้าอสุจิของคุณพ่อตัวที่เจาะไข่เป็นตัว X ก็จะได้ลูกสาว แต่ถ้าเป็นตัว Y เจาะไข่ก็จะได้ลูกชาย
-
ถ้าไข่ของคุณแม่ (22 + X) ผสมกับอสุจิของคุณพ่อที่มีโครโซม X (22 + X) ลูกที่เกิดมาก็จะเป็นลูกสาว ซึ่งมีโครโมโซม 44 แท่ง (หรือ 22 คู่) + XX
-
ถ้าไข่ของคุณแม่ (22 + X) ผสมกับอสุจิของคุณพ่อที่มีโครโซม Y (22 + Y) ลูกที่เกิดมาก็จะเป็นลูกชาย ซึ่งมีโครโมโซม 44 แท่ง (หรือ 22 คู่) + XY
ดังนั้นในการจะได้ลูกสาวหรือลูกชายนั้น ขึ้นอยู่กับอสุจิของคุณพ่อเป็นหลักค่ะว่า อสุจิของคุณพ่อนั้นเป็นประเภทไหนนั่นเอง
อ่านวิธีการเลือกเพศของลูกได้ที่หน้าถัดไป
วิธีการเลือกเพศของลูก
การเลือกเพศลูกนั้น แบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ประเภทคือ
1.การเลือกเพศด้วยวิธีธรรมชาติ อย่างที่ได้เกริ่นกันไปบ้างแล้วนะคะในตอนต้นว่า จะได้ลูกชายหรือลูกสาวนั้นขึ้นอยู่กับอสุจิของคุณพ่อว่าเป็นชนิดใด นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพกรดด่างภายในช่องคลอดกับคุณสมบัติของอสุจิด้วย คือ อสุจิตัว X (เพศหญิง) จะมีตัวใหญ่ ทำให้เคลื่อนไหวได้ช้า มีความอดทน ตายได้ยาก และทนต่อสภาพความเป็นกรดได้ดี ส่วนอสุจิตัว Y (เพศชาย) จะมีความอดทนน้อยกว่า ตายได้ง่าย และชอบสภาพความเป็นด่างมากกว่าความเป็นกรด มีลักษณะตัวเล็ก เบา และผอมเพรียว จึงเคลื่อนไหวได้รวดเร็ว ซึ่งเราพอจะกำหนดเพศลูกได้อย่างคร่าว ๆ คือ
-
จังหวะวันร่วมเพศ
-
ถ้าอยากได้ลูกชายให้ร่วมเพศวันที่ตกไข่ (ก่อนวันตกไข่ 1 วัน และ 2 วันหลังตกไข่) เนื่องจากช่องคลอดจะมีสภาพความเป็นด่างสูง ทำให้อสุจิตัว Y จะวิ่งได้เร็วกว่าและจะเข้าไปเจาะไข่ได้ก่อน
-
ถ้าคุณอยากได้ลูกสาว ก็ให้ร่วมเพศก่อนวันตกไข่ประมาณ 2-3 วัน (ในกรณีที่สตรีมีรอบเดือนปกติมาสม่ำเสมอเดือนละ 28 วัน วันตกไข่จะอยู่ประมาณวันที่ 14 หรือ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนจะมา) เพราะพอถึงจังหวะที่ไข่ตก อสุจิตัว X จะคงทนต่อสภาพความเป็นด่างซึ่งมีปริมาณมากกว่าได้
-
-
สุขภาพของฝ่ายชาย หากคุณพ่อเป็นคนเครียด นอนน้อย ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ค่อยออกกำลังกาย สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์มาก มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯ จะมีผลต่อการสร้างอสุจิหรือขัดขวางการผลิตสเปิร์ม ทำให้อสุจิมีปริมาณน้อยลง ลูกที่ออกมาจึงมีโอกาสที่จะเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
-
การถึงจุดสุดยอดของฝ่ายหญิง หากอยากได้ลูกชาย ฝ่ายชายจะต้องกระตุ้นให้ฝ่ายหญิงถึงจุดสุดยอดก่อนหรือพร้อม ๆ กับฝ่ายชายให้ได้ เพราะในระหว่างการสำเร็จความใคร่ของผู้หญิงจะหลั่งเมือกที่เป็นด่างออกมาลดความเป็นกรดภายในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อตัวอสุจิเพศชาย จึงเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการมีชีวิตรอดของอสุจิเพศชาย
-
อุปนิสัยของคุณแม่ มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า อุปนิสัยของคุณแม่นั้นมีความเกี่ยวข้องกับเพศของลูก ถ้าคุณแม่เป็นคนไม่ค่อยประนีประนอมหรือไม่ค่อยยอมใครก็มักจะได้ลูกชาย แต่กลับกันหากคุณแม่เป็นคนประนีประนอมและยอมผู้อื่นก็มักจะได้ลูกสาวมากกว่าลูกชาย
-
รูปร่างของพ่อแม่ อย่างที่ทราบกันแล้วว่าอสุจิที่เป็นตัวกำหนดเพศชายจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วกว่าอสุจิที่เป็นตัวกำหนดเพศหญิง หากคุณพ่อตัวสูงใหญ่และคุณแม่ตัวเล็ก (มีช่องคลอดสั้น) ลูกที่ออกมาก็มักจะเป็นเพศชาย หรือถ้าหากคุณแม่เป็นคนอ้วนหรือสูงใหญ่ (ช่องคลอดลึก) และพ่อตัวเล็ก ลูกที่ออกมาก็มักจะเป็นลูกสาว
-
การรับประทานอาหาร
-
หากคุณแม่อยากได้ลูกชายก็ต้องกินอาหารที่มีเกลือโซเดียมและโพแทสเซียมสูง เช่นเนื้อสัวต์ที่สดหรือไม่สุก ไส้กรอก ผักทุกชนิดที่ไม่แช่เย็น ถั่ว มันฝรั่ง กล้วยหอม ของหวาน ขนมปังที่มีนมเป็นส่วนผสมกะหล่ำปลีสด ดอกกะหล่ำ ผักบุ้ง ผักกาดหอม
-
หากอยากได้ลูกสาว ให้คุณแม่กินอาหารที่มีโพแทสเซียมน้อย เช่น นม แป้ง ไข่ ผักสีเขียวหรือแช่เย็น ผลไม้แห้งและเนยที่ไม่เค็ม หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็ม ชา กาแฟ
-
อ่านวิธีการกำหนดเพศลูกโดยการใช้เทคโนโลยี คลิก
2. การเลือกเพศลูกด้วยการใช้เทคโนโลยี
-
การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก หรือเรียกกันว่า การคัดเลือกเชื้ออสุจิ โดยคุณหมอจะทำการเก็บน้ำอสุจิจากฝ่ายชาย และมาทำการคัดเลือกแยกอสุจิ หลังจากนั้นก็จะนำไปฉีดกลับสู่มดลูกของฝ่ายหญิงในวันที่ไข่ตกหรือคาดว่าจะตก วิธีนี้ เป็นวิธีที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วค่ะว่าได้ผลจริง เพียงแต่ยังไม่สามารถเลือกเพศของลูกได้ 100 % แต่ก็ให้โอกาสสูงถึง 70-80% เลยละค่ะ
-
การทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการคัดเลือกตัวอ่อนโดยการนำไข่และอสุจิมาปฏิสนธิกันภายนอกร่างกายเสียก่อน แล้วเพาะเลี้ยงเป็นตัวอ่อน ภายนอกร่างกายประมาณ 5 วัน พอตัวอ่อนเริ่มแบ่งเซลล์ ก็ทำให้เราสามารถนำเซลล์จากตัวอ่อนนั้นมาตรวจโครโมโซมได้ พอทราบแล้วตัวอ่อนเป็นเพศไหน ก็จะทำการคัดเลือกโดยการเลือกเพศที่ต้องการและไม่มีความผิดปกติ หลังจากนั้นก็ย้ายตัวอ่อนเข้าไปในมดลูกให้เจริญเติบโตต่อไป โดยอัตราการตั้งครรภ์ต่อการทำ 1 รอบ จะอยู่ที่ประมาณ 60% มีความแม่นยำในการเลือกเพศบุตรได้ตรงความต้องการ 100% และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาต่อรอบประมาณ 150,000 – 200,000 บาทขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าลูกในครรภ์ของเราหรือเด็กที่ออกมาจะเป็นเพศอะไร ก็ไม่สำคัญมากไปกว่าการมีลูกที่สมบูรณ์แข็งแรง และเป็นเด็กดีหรอกจริงไหมคะ เพราะหัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคน ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร ก็รักหมดใจจริง ๆ
เครดิต: Medthai
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
-
รวม กระบวนท่ารัก (sex) สำหรับทำลูกสาว-ลูกชาย
-
หมอเตือน! ลูกนอนกรน! เสี่ยงพัฒนาการถดถอย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่