AMARIN Baby And Kids – เพื่อลูกฉลาดและมีความสุข

ทำไมต้องผ่าคลอด ข้อบ่งชี้ที่แม่เลือกคลอดเองตามธรรมชาติไม่ได้!

ทำไมต้องผ่าคลอด


ในปัจจุบันวิธีการผ่าคลอดก็ถือเป็นทางเลือกสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ต้องการฤกษ์วันคลอดแน่นอน และต้องการคลอดแบบชนิดที่ไม่ต้องมีอาการเจ็บปวดมาก จึงเป็นเหตุให้สถานการณ์การผ่าตัดคลอดเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งโดยปกติการผ่าคลอดแพทย์มักจะกำหนดวันล่วงหน้า แต่ก็มีอีกหลายกรณีที่เป็นสัญญานเตือนว่า ทำไมต้องผ่าคลอด ข้อบ่งชี้ที่คุณแม่ไม่สามารถเลือกได้เองว่าจะขอคลอดลูกแบบธรรมชาติ

ทำไมต้องผ่าคลอด ข้อบ่งชี้ที่แม่เลือกคลอดเองตามธรรมชาติไม่ได้!

ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งเสริมให้เกิดการคลอดเองตามธรรมชาติก่อน และโดยปกติแพทย์จะแนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ให้คลอดปกติเองก่อน แต่ก็มีข้อบ่งชี้ที่จำเป็นต้องผ่าคลอดเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจคาดไม่ถึง ถ้าแพทย์มีความเห็นว่าการคลอดด้วยวิธีปกติจะทำให้คุณแม่หรือทารกในครรภ์มีความเสี่ยงมากเกินไป ก็จะแนะนำให้ใช้วิธีการผ่าตัดคลอด

กรณีเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์แม่

กรณีที่เกิดจากร่างกายของแม่ตั้งครรภ์

ทั้งนี้ข้อบ่งชี้บางข้อในแต่ละโรงพยาบาลอาจตั้งไว้ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการวินิจัยของคุณหมอ ความพร้อมของบุคลากรและเครื่องมือของแต่ละโรงพยาบาล โดยการผ่าคลอดนั้นแบ่งได้เป็น 2 กรณีคือ แบบวางแผนล่วงหน้าและแบบฉุกเฉิน และมักเป็นตัวเลือกหลัง ๆ หากคุณแม่มีร่างกายที่แข็งแรงและสามารถคลอดด้วยวิธีธรรมชาติได้

อ่านต่อ เตรียมตัวอย่างไรเมื่อแม่ต้องผ่าคลอด คลิกหน้า 2

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids

เตรียมตัวอย่างไรเมื่อแม่ต้องผ่าคลอด

โดยส่วนใหญ่แล้วการผ่าคลอดจะมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้า ซึ่งขั้นตอนการผ่าตัดคุณหมอจะแนะนำให้พูดคุยกับวิสัญญีแพทย์เพื่อซักประวัติการเจ็บป่วยและโรคประจำตัว นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้คุณแม่ทำการตรวจเลือดก่อนทำการผ่าตัด เพื่อดูระดับฮีโมโกลบินและกรุ๊ปเลือดของคุณแม่ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์จัดเตรียมเลือดสำรองไว้ในกรณีทื่ให้เลือดในระหว่างการผ่าตัดได้อย่างถูกต้อง และหลังจากผ่าคลอดคุณแม่จำเป็นต้องได้รับการพักผ่อนและการพักฟื้นอย่างมากเพื่อให้แผลผ่าตัดหายเร็วขึ้น หรือใช้เวลาประมาณ 6 สัปดาห์เพื่อให้รอยแผลจากการผ่าตัดคลอดหายดี ดังนั้นการดูแลลูกน้อยในช่วงนี้คุณแม่จึงควรมีคนคอยช่วยเหลือดูแลทารกและเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นนะคะ

การดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด

หลังการผ่าคลอด คุณแม่และลูกน้อยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 3-5 วัน เนื่องจากการผ่าคลอดใช้เวลาฟื้นตัวได้นานกว่าการคลอดธรรมชาติ โดยในระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล คุณหมอและพยาบาลจะคอยเฝ้าระวังการติดเชื้อของแผลผ่าตัด ควบคุมอาการปวดหลังจากการผ่าตัด ซึ่งอาจต้องใช้ยาแก้ปวดทางสายน้ำเกลือ รวมทั้งปริมาณน้ำที่ดื่มและการทำงานของกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ โดยระหว่างนี้คุณแม่อาจจะพยายามลุกขึ้นเดินไปรอบ ๆ ห้อง ให้ร่างกายได้เคลื่อนไหว เพื่อป้องกันท้องอืด และทำให้ลำไส้ได้ขยับกลับมาทำงานได้ตามปกติเร็วขึ้น และจะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย

เมื่อออกจากโรงพยาบาลกลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณแม่ควรดูแลตัวเองหลังผ่าคลอดดังนี้

อาการหลังผ่าคลอดที่ควรรีบไปหาหมอ

ทว่าหากการกลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณแม่ควรสังเกตว่ามีไข้หลังผ่าคลอดหรือไม่ ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบของแผลผ่าคลอด หรือจากการที่มดลูกอักเสบ และหากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบติดต่อแพทย์โดยเร็วที่สุด

ปัจจุบันการผ่าคลอดความก้าวหน้ามากขึ้น และพบว่าประเทศไทยมีอัตราการผ่าท้องคลอดสูงมากคือประมาณร้อยละ 35-40 หรือ 1 ใน 3 ของหญิงตั้งครรภ์ทั้งหมด ขณะที่องค์การอนามัยโลกกำหนดว่าการผ่าท้องคลอดที่มีความจำเป็นตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ไม่ควรเกินร้อยละ 15 แม้จะยอมรับว่าโดยทั่วไปว่าการผ่าตัดคลอดในปัจจุบันมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีคลอดเองโดยธรรมชาติแล้วการผ่าตัดคลอดยังคงมีอันตรายและความเสี่ยงมากกว่าการคลอดทางช่องคลอด ดังนั้นหากคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ไม่มีข้อบ่งชี้หรือความจำเป็นเพียงพอในการผ่าคลอด การเบ่งคลอดลูกเองแม้จะรู้สึกเจ็บปวดแต่ปัจจุบันก็มีเครื่องมือทางการแพทย์มาช่วยให้คุณแม่คลอดลูกเองได้ง่ายขึ้น และยังคงได้ผลลัพธ์ดี ๆ เช่น ทำให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถให้ลูกน้อยกินนมแม่ได้ทันที ทารกจะได้รับเชื้อแบคทีเรียที่ดีมีภูมิคุ้มกันตั้งแต่แรกคลอด รวมถึงลดความเสี่ยงอันตรายจากการผ่าตัดโดยไม่จำเป็นด้วย อย่างไรก็ตามไม่ว่าคุณแม่ที่ต้องคลอดลูกด้วยวิธีไหน ทีมแม่ ABK ขอให้ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง ทั้งแม่ลูกกันทุกคนนะคะ.

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.pobpad.comwww.sanook.comwww.bangkokhospital.com

อ่านต่อบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

การผ่าคลอด โดยไม่มีข้อบ่งชี้ เพิ่มความเสี่ยงจากการคลอด!!

ผ่าคลอด ภาวะแทรกซ้อน เรื่องที่แม่ท้องต้องรู้!

เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่

Amarin Baby & Kids