การตั้งครรภ์ทำให้โครงสร้างร่างกายคุณแม่เกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อแบกรับน้ำหนักของทารกที่เพิ่มขึ้นตามอายุครรภ์ จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหลังระหว่างตั้งครรภ์ แต่หากในช่วงหลังคลอด คุณแม่ไม่ดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อาจทำให้คุณแม่ฟื้นตัวช้าและ ปวดหลัง หลังคลอด รุนแรงมากขึ้น จนโครงสร้างกระดูกผิดปกติ ข้อกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกมีปัญหา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือถึงขั้นอัมพฤกษ์หรืออัมพาตได้
สาเหตุที่ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ปวดหลัง
น้ำหนักตัวเฉลี่ยของคุณแม่ที่ควรเพิ่มขึ้นตลอดการตั้งครรภ์คือ 9-13 กิโลกรัม แต่คุณแม่ที่บำรุงครรภ์มากๆ น้ำหนักตัวอาจพุ่งขึ้นไปถึง 20-30 กิโลกรัมเลยทีเดียว เมื่อน้ำหนักตัวของทารกเพิ่มขึ้นก็จะถ่วงท้องด้านหน้า ทำให้คุณแม่ต้องแอ่นตัวมาด้านหลัง กระทบการทำงานของกล้ามเนื้อที่พยุงหลังต้องรับน้ำหนักมากขึ้น ส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดอาการปวดหลังได้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังทำให้กระดูกข้อต่อหลวม ส่งผลให้อาการปวดเวลาเดิน ยืน หรือนั่งเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นอาการปกติของคนท้อง
ป้องกันอาการ ปวดหลัง หลังคลอด
สำหรับในช่วงหลังคลอด โดยปกติแล้วร่างกายคุณแม่จะปรับสู่สภาพปกติได้ใน 1-2 เดือน แต่หากคุณแม่ไม่ระวังอิริยาบถในขณะอุ้มลูกน้อย อุ้มลูกในท่าที่ผิด หรือท่าทางการให้นมที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้คุณแม่ปวดคอ และปวดกล้ามเนื้อหลัง รวมถึงความเหนื่อยล้าและความเครียดจากการดูแลลูกน้อยตลอด 24 ชั่วโมงก็ทำให้ยากต่อการฟื้นตัวหลังคลอดมากขึ้น หากปล่อยปละละเลยอาจเป็นสัญญาณเตือนอันตรายสู่การเกิดภาวะโครงสร้างผิดปกติ จนอาจนำสู่อาการที่รุนแรงมากขึ้น
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ดังนั้น นอกจากการดูแลลูกน้อยแล้ว คุณแม่ควรให้เวลากับตัวเองในการใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองเช่นกัน โดย Amarin Baby & Kids มีวิธีป้องกันอาการ ปวดหลัง หลังคลอด มาฝากค่ะ
อ่านต่อ>> วิธีป้องกันอาการ ปวดหลังหลังคลอด คลิกหน้า 2
วิธีป้องกันอาการ ปวดหลัง หลังคลอด
-
ออกกำลังกายเบาๆ เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
หากคุณแม่คลอดธรรมชาติร่างกายจะใช้เวลาในการพื้นตัวราว 1-2 สัปดาห์จึงจะสามารถออกกำลังกายเบาๆ ได้ ส่วนคุณแม่ผ่าคลอดร่างกายจะฟื้นตัวช้ากว่า จึงควรดูแลตัวเองเป็นพิเศษ รอให้ร่างกายฟื้นตัว 1-2 เดือนจึงเริ่มออกกำลังกายเบาๆ ได้ การออกกำลังกายหลังคลอดอย่างถูกวิธีจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบๆ ข้อ ป้องกันภาวะปวดข้อ หรือการบาดเจ็บของข้อ จากการยืดตัวของเส้นเอ็นรอบๆ ข้อได้ด้วย
เลี้ยงลูกให้ เก่ง ดี มีสุข ไปกับเรา คลิกติดตามที่
ท่าออกกำลังกายแนะนำ สำหรับคุณแม่หลังคลอด
– การกระดกกระดูกเชิงกรานในท่ายืน เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหน้าท้อง และลดการแอ่นของหลังส่วนล่าง ด้วยการยืนหลังพิงฝาผนัง ส้นเท้าชิดผนัง พยายามกดหลังให้ส่วนเว้าของหลัง ชิดกับผนังให้มากที่สุด และกระดกเชิงกรานมาด้านหน้าเล็กน้อยพร้อมกับเกร็งหน้าท้องและคลาย ทำสลับกัน 10 – 15 ครั้ง
– เสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ด้วยการนั่งเก้าอี้ หลังเหยียดตรง มือซ้ายจับเข่าขวา พยายามบิดตัวไปทางขวาช้าๆ สลับกัน มือขวาจับเข่าซ้าย บิดตัวไปทางซ้ายช้าๆ
-
อุ้มลูกน้อยให้ถูกวิธี
การอุ้มเจ้าตัวน้อยไม่ถูกท่าก็ทำให้คุณแม่ปวดหลังได้ โดยเฉพาะในช่วงที่คุณแม่กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรง จึงควรอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง โดยอุ้มลูกน้อยให้ใกล้ตัวมากที่สุด หากเมื่อย หรือเกิดอาการล้าให้สลับแขนในการอุ้มเพื่อลดปัญหาอาการปวด
ควรเลือกใช้โต๊ะ เตียงที่มีความสูงในระดับที่พอเหมาะกับคุณแม่ เพื่อที่คุณแม่ไม่ต้องก้มตัวลงมาแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อให้ลูก
เมื่อต้องอุ้มลูกที่วางอยู่บนเตียงที่ต่ำกว่าระดับเอวของคุณแม่ ควรย่อตัวลงไป อุ้มลูกไว้แนบอก และใช้ขายืนตัวขึ้นมาแทนการก้มหลังค่ะ
การให้ลูกนอนในเปลเด็ก และคุณแม่ต้องอุ้มลูกเข้า-ออกบ่อยๆ ก็อาจทำให้ปวดหลังได้ จึงควรหาเปลที่มีความลึกที่เหมาะสม หรือให้นอนบนเตียง หรือเบาะแทนจะดีกว่า
ท่าทางการให้นมที่ไม่ถูกต้อง อาจส่งผลให้คุณแม่ปวดคอ และปวดกล้ามเนื้อหลัง ควรเลือกเก้าอี้ที่ไม่สูงเกินไปจนต้องเขย่งปลายเท้า หรือควรหาเก้าอี้เตี้ยๆ มาวางรองไว้ และควรนั่งพิงเก้าอี้ให้หลังตรง ระวังอย่าให้หลังงอ
อย่างไรก็ตาม แม้จะดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี คุณแม่บางท่านก็ยังเกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ ควรสลับให้คุณพ่อ หรือคุณยาย มาดูแลลูกน้อยแทนสักระยะหนึ่ง เพื่อให้คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย เมื่ออาการดีขึ้นแล้วค่อยกลับมาดูแลลูกน้อยเหมือนเดิม ไม่ควรฝืนเพราะนอกจากจะทำให้ดูแลลูกน้อยได้ไม่เต็มที่แล้ว อาจทำให้อาการปวดรุนแรงมากขึ้น และอาจเป็นอันตรายได้
อ่านต่อบทความน่าสนใจ คลิก
อุ้มลูกผิดท่า ระวัง! คุณแม่อาจพลาดท่าให้โรคร้าย
ท่าให้นมลูกที่ถูกต้อง ช่วยให้ลูกน้อยได้รับน้ำนมอย่างเต็มที่
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9530000090396, http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9550000026931